วันที่ฉันเห็นเด็กคนหนึ่งทำมันฝรั่งทอดหล่นพื้น

บ่ายแก่ๆ วันหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน เรากำลังนั่งที่ม้าหินเพื่อรอรับน้องชายกลับบ้าน
ที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง ขณะที่สัญญาณแห่งความสุขดังขึ้นเพื่อบอกเวลาที่เด็กๆ
กลับบ้านได้ ภาพเด็กวิ่งกรูลงมาจากอาคารด้วยสีหน้าดีใจกว่าตอนมาโรงเรียน
เด็กบางคนรีบวิ่งตรงลงมาหาผู้ปกครอง บางคนก็วิ่งเล่นหยอกล้อกับเพื่อนตามประสา
บางคนแวะซื้อขนมติดไม้ติดมือจากโรงอาหารก่อนกลับบ้าน เป็นภาพชินตาของเราอยู่บ่อยๆ

ขณะที่กำลังชะเง้อหาน้องชาย สายตาพลันเหลือบไปเห็นเด็กชายร่างเล็กปุ้มปุ้ยคนหนึ่งอายุราวๆ
6 – 7 ขวบ กระเป๋าเป้ที่สะพายดูใหญ่พอๆ กับขนาดตัว
มือข้างหนึ่งประคองถ้วยพลาสติกที่บรรจุมันฝรั่งแท่งทอดสีเหลืองกรอบน่าอร่อย
กำลังเดินลงบันไดที่เบียดเสียดไปด้วยกลุ่มเพื่อนๆ พร้อมด้วยสายตาที่จับจ้องไปยังมันฝรั่งอย่างไม่วางตา

เมื่อลงมาถึงบริเวณบันไดขั้นสุดท้าย ปรากฏว่าเท้าเด็กน้อยคนนั้นคงสะดุดกับขั้นบันไดหรือขาเพื่อนเข้าไม่ทราบได้
ทำให้มันฝรั่งในถ้วยที่ถืออยู่กระเด็นออกไปนอนเกลื่อนบนพื้นทางเดิน

เราอดนึกเสียดายแทนเด็กน้อยไม่ได้
และคาดว่าคงจะมีเสียน้ำตาบ้างแหละงานนี้ สายตาเราจึงจ้องดูอาการเด็กน้อยต่อไป
สิ่งที่พบคือ สีหน้างงๆ ปนเสียใจ เด็กน้อยยืนนิ่งกับที่ประมาณ 3 วิฯ ก้มลงมองปลายเท้าตัวเองสลับกับถ้วยเปล่าในมือ

ส่วนเรากำลังคิดว่าถ้าเป็นเด็กคนนั้น เราจะทำอย่างไรต่อดี
ร้องไห้ วิ่งไปบอกพ่อแม่ให้ซื้อใหม่ หรือหันไปเหวี่ยงเพื่อนข้างๆ ดีนะ
แต่น้องคนนั้นกลับค่อยๆ ก้มเก็บมันฝรั่งทอดที่เกลื่อนพื้นใส่ลงในถ้วยเปล่าทีละชิ้นช้าๆ
นำไปทิ้งถังขยะที่อยู่บริเวณใกล้ๆ ขณะที่คนรอบข้างต่างไม่มีใครสนใจ
แล้วเดินไปหาผู้ปกครองที่มารับกลับบ้าน
ภาพเด็กน้อยก้มเก็บมันฝรั่งด้วยสีหน้าผิดหวังอย่างเงียบๆ คนเดียว ยังอยู่ในใจเราตลอดมา
พร้อมกับความชื่นชมในตัวเด็กคนนี้

ทุกครั้งเมื่อเราเจอปัญหา
เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต และมักโทษคนอื่นที่เป็นสาเหตุให้เราผิดหวัง
เราจะนึกถึงเด็กคนนี้ขึ้นมาบ่อยๆ
เรามองว่าการรับมือกับความผิดหวังเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรจะมี เพราะในชีวิตเราไม่มีใครสมหวังไปตลอด
ไม่ว่าจะเป็นเกรดตก งานหนัก เพื่อนร่วมงานเอาเปรียบ เจ้านายว่า ตกงาน แฟนทิ้ง
หรือสารพัดปัญหาที่เกิดขึ้น เราต้องเข้มแข็งและหาวิธีรับมือกับความผิดหวังให้ได้

สิ่งสำคัญอีกอย่างคือเราควรรู้จักรับผิดชอบต่อความผิดหวังนั้นๆ
ไม่ทำให้เดือดร้อนหรือกระทบคนอื่น หรือโทษคนอื่นโดยที่ไม่ทำอะไรเลย
เด็กน้อยคนนี้แม้ว่าจะอดกินมันฝรั่งเพราะหล่นพื้นเสียก่อน
แต่ก็ไม่ปล่อยให้เลอะเทอะบริเวณทางเดินโรงเรียน เมื่อเกิดความผิดพลาดเราต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น
แม้ว่าสาเหตุอาจจะไม่ได้เกิดจากเราซะทีเดียวก็ตาม
เมื่องานมีปัญหาเรากับเพื่อนร่วมงานควรช่วยกัน มากกว่าก่นด่าประณามหาตัวคนผิด เมื่อทะเลาะกับแฟน
เราควรมองหาวิธีที่จะทำความเข้าใจกัน มากกว่าหาเรื่องทำร้ายจิตใจกันหรือโทษอีกฝ่าย
เรามองว่าบางทีจุดเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน เราก็เอามาเป็นบทเรียนได้ เราแปลกใจเหมือนกันว่าทำไมยังจำภาพวันที่น้องคนนั้นทำมันฝรั่งหล่นพื้นได้เป็นอย่างดี

แล้วคุณล่ะคะ เคยมีวันที่มันฝรั่งหล่นหายไปหรือเปล่า?

ใครอยากเล่าเรื่องวันเปลี่ยนชีวิตของตัวเองบ้าง คลิกที่นี่เลย

AUTHOR