‘ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น’ ไม่ได้เป็นจริงกับทุกคน | จิรเดช โอภาสพันธ์วงศ์

เคยคิดไหมว่าคำตรงข้ามของคำว่า ‘ความหวัง’ คือคำว่าอะไร

ผมเคยชวนคนรอบตัวคุยเรื่องนี้ แต่ละคนมีคำตอบแตกต่างกันออกไป แล้วแต่ว่าใครใช้อะไรเป็นหลักคิด

บ้างตอบว่าความผิดหวัง บ้างตอบว่าความสิ้นหวัง

ย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าที่ผมจะเขียนบทบรรณาธิการนี้ อี๊หรือป้าที่เลี้ยงดูผมโทรมาหาแล้วบอกว่าถูกลอตเตอรี่ราวสองหมื่นบาท

“โทรมาบอกให้ดีใจ” เสียงจากปลายสายว่าอย่างนั้น

ผมได้ยินแล้วก็หัวเราะในความตั้งใจของอี๊ และใช่ ผมดีใจไปกับอี๊จริงๆ หลังจากวางสายผมก็คิดถึงบางเรื่องราวในวัยเด็ก เมื่อย้อนทบทวนผมพบว่าความหวังของผมในตอนนั้นมีอยู่สองอย่าง

หนึ่งคืออยากให้อี๊เลิกซื้อลอตเตอรี่ กับสองคืออยากให้อี๊ถูกลอตเตอรี่

สองความหวังดูย้อนแย้งในตัวเองแต่มันก็มีเหตุผลรองรับ ด้วยความที่บ้านเราไม่ได้ร่ำรวยและอี๊ไม่ได้ศึกษาเล่าเรียน อาศัยหาเลี้ยงตัวเองและผมด้วยการทำกับข้าวไปขายที่ตลาด ไม่ต้องถามถึงเงินเก็บ เอาแค่ให้มีใช้เพียงพอในแต่ละเดือนโดยไม่ก่อหนี้เพิ่มก็นับว่าน่าดีใจแล้ว เพราะฉะนั้นความหวังเดียวสำหรับอี๊ที่พอทำได้เมื่อวาดหวังถึงชีวิตที่ดีกว่านี้ก็คือการซื้อลอตเตอรี่ทุกต้นเดือนและกลางเดือน และแน่นอน ความหวังอายุ 15 วันแทบไม่เคยสมหวัง ตรงกันข้ามมันกลับก่อหนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แทนที่จะสบายขึ้นบ้านเรากลับยิ่งลำบาก ตอนนั้นผมจึงอยากให้อี๊เลิกซื้อลอตเตอรี่

และคงคล้ายกับใครหลายคน เมื่อยิ่งเป็นหนี้ก็ยิ่งต้องทำงานหนัก ในวัยที่เดินแทบไม่ไหวและควรจะเกษียณกลับต้องตื่นแต่เช้ามายืนหน้าเตาทำอาหาร

“เดี๋ยวถ้างวดนี้ถูกรางวัลที่ 1 กูจะเลิกขายของเลย” อี๊เคยบอกอย่างนี้เมื่อหลายปีก่อน และนั่นเองทำให้อีกใจผมก็อยากให้อี๊ถูกลอตเตอรี่ แต่มันก็ไม่เคยเกิดขึ้นเสียที

หากว่ากันในแง่นี้ คำตรงข้ามของคำว่าความหวังที่น่าจะตรงที่สุดก็น่าจะเป็นคำว่าความผิดหวัง

เมื่อเติบโตมาเช่นนี้ ผมจึงค่อนข้างเข้าใจหัวอกและหัวใจของคนจำนวนมากที่ฝากความหวังไว้กับกระดาษราคา 80 บาท ในบ้านเมืองที่ความเหลื่อมล้ำสูง โครงสร้างทางสังคมไม่ได้เอื้อให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างเท่าเทียม และในโลกที่ประโยคที่ว่า ‘ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น’ ไม่ได้เป็นจริงกับทุกคน สำหรับคนที่มีต้นทุนชีวิตติดลบจะทำอะไรได้นอกจากก้มหน้าก้มตาทำงานหนักและฝากความหวังไว้กับสิ่งที่อาจไม่มีทางเกิดขึ้น

ความหวังในวันวานบอกสอนผมว่าทุกความหวังนั้นมีที่มาที่ไป เวลาเห็นความหวังของใคร ไม่ว่าจะเป็นความหวังลมๆ แล้งๆ หรือยิ่งใหญ่ จงมองให้ลึกลงไปจนเห็นความหลังของความหวัง

คงคล้ายต้นไม้ดอกไม้ แม้ความหวังจะงอกงามในอากาศแต่มันไม่ได้เกิดขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล มันเกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์ เกี่ยวกับดิน เกี่ยวกับแดด ลม ฝน

ต่างคน ต่างสถานที่ ต่างการเติบโต ต่างวัย ต่างบาดแผล ก็ต่างความหวัง ความหวังบนโลกมันหลากหลายเช่นเดียวกับมนุษย์นั่นแหละ และผมคิดว่า ‘ความหวัง’ เป็นหนึ่งในสิ่งที่มีคุณค่าที่มนุษย์เราไม่ว่ายากดีมีจนสามารถผลิตได้ด้วยตัวเอง โดยใช้ชีวิตในอดีต การมองโลกในปัจจุบัน และความฝันในอนาคต เป็นวัตถุดิบในการผลิต

และหลังจากได้อ่านความหวังหลักร้อยจากผู้คนหลากหลายใน a day เล่มที่ว่าด้วยความหวัง มันคล้ายยิ่งตอกย้ำสิ่งที่ผมเชื่อ นั่นคือความหวังไม่ได้บอกแค่ความปรารถนาของคนคนหนึ่ง หากแต่มันยังบอกเล่าถึงเบื้องลึกของชีวิตคนคนนั้น และปัญหาเบื้องหลังของสังคมนี้

จุดร่วมอีกอย่างที่ผมสัมผัสได้จากเรื่องราวของทุกคนคือ ความหวังไม่ได้มีไว้ป่าวประกาศเพียงเท่านั้น หากแต่มันเป็นแรงผลักดันสำคัญให้เราลงมือทำอะไรบางอย่างไม่ว่าเราจะรู้ตัวหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวอย่างการลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม หรือเรื่องส่วนรวมอย่างการลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม

และแปลกดี เมื่อได้รับรู้ถึงบางความหวังและการลงมือทำบางสิ่งของบางคน มันทำให้เรากลับมีความหวังไปด้วย สำหรับคนหรือสังคมที่มีคำตรงข้ามของคำว่าความหวังเป็นคำว่าความสิ้นหวัง สิ่งเหล่านี้คล้ายเทียนที่สว่างไสวในความมืด และเทียนเล่มนั้นได้ต่อไฟไปยังเทียนอีกเล่ม และอีกเล่ม และอีกเล่ม

เมื่อเทียนหลายเล่มถูกจุดในความมืดเราอาจไม่ต้องเกรงว่าแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์จะอยู่ไกลแค่ไหนเพราะแสงไฟเกิดขึ้นแล้ว

ผมคิดว่านี่คือสิ่งสำคัญ ความหวังบางความหวังหากมีผู้หวังเพียงผู้เดียวมันอาจดูเป็นความหวังลมๆ แล้งๆ แต่เมื่อวันหนึ่งความหวังมีปริมาณมากพอ สังคมหวังเห็นภาพเดียวกัน มีเข็มทิศอันเดียวกัน บางทีความหวังนั้นก็อาจเกิดขึ้นตรงหน้าในวันหนึ่ง

และเมื่อถึงวันนั้น คำตรงข้ามของคำว่าความหวัง อาจกลายเป็นคำว่าความจริง

 

Pre-order a day 238 ฉบับ Wish

AUTHOR