วันที่แม่เอ่ยปากว่าลูกสาวคนเดิมหายไปไหน

หลังจากที่ฉันผจญภัยในความรักกับแฟนมาอย่างลุ่มๆ
ดอนๆ ตลอดระยะเวลาเกือบ 5 ปี ในที่สุด วันที่เป็นฟางเส้นสุดท้ายก็มาถึง
ปลายเดือนกรกฎาคม ปี 2554 ฉันตัดสินใจยุติความสัมพันธ์แบบทั้งรักทั้งเกลียดนี้ลง และตั้งใจว่าจะต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่
ก้าวต่อไปอย่างมีความสุขให้ได้

แต่…ในความเป็นจริงมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
3 เดือนแรกฉันต้องต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเองอย่างหนัก ทั้งเหงา ทั้งคิดถึง
เกือบจะใจอ่อนกลับไปคืนดีเพราะเขามาง้อ เวลาล่วงเลยมาจนเข้าเดือนที่ 6 ฉันก็ยังคงร้องไห้ทุกวัน
ตื่นนอนก็ร้อง แต่งหน้าก็ร้อง นั่งรถไปทำงานก็ร้อง นั่งรถกลับบ้านก็ร้อง
ประหนึ่งตัวเองเป็นนางเอกมิวสิกวีดีโอ ก่อนนอนก็ร้อง และพอเช้าวันใหม่ก็เป็นแบบนี้วนไปวนมาทุกวัน โอ้ยยย ทำไมชีวิตมันจะดราม่าขนาดนี้ ตอนนั้นไม่รู้เลยว่าตัวเองเปลี่ยนไปขนาดไหน
ไม่ได้รู้เลยสักนิดว่าทำให้คนอีกคนที่เค้ารักเราเท่าชีวิตต้องเสียใจมากแค่ไหน

จนกระทั่งวันหนึ่ง
พี่สาวคนสนิทซึ่งไม่ใช่พี่สาวแท้ๆ แต่เรารักและสนิทกันมาก มานอนค้างที่บ้านของฉัน ขณะที่ฉันแต่งตัวอยู่บนชั้นสอง
พี่สาวคนนี้ลงไปคุยกับแม่ที่ชั้นล่าง ก็คงถามสารทุกข์สุขดิบกันตามประสา แต่บทสนทนาที่ฉันจับใจความได้
คือคำพูดของแม่ที่กระตุกให้หัวใจฉันกลับมาเป็นของตัวเองอีกครั้ง
หลังจากที่แตกสลายล่องลอยไปกับความรักครั้งเก่าอยู่นานเกือบปี

แม่พูดว่า
“น้องเปลี่ยนไปมาก กลายเป็นคนเงียบขรึม พูดน้อย ไม่แจ่มใสเลย ข้าวปลาก็ไม่ค่อยกิน
เขาไม่เคยร้องไห้ให้แม่เห็นเลยสักครั้งนะ แม่รู้ว่าเขาพยายามทำว่าไม่เป็นอะไร
แต่ดูแววตาเขาสิ แม่เสียใจนะ เลี้ยงลูกมาเขาไม่เคยเป็นแบบนี้ ลูกสาวที่เคยร่าเริงสดใส
ลูกสาวคนเดิมของแม่หายไปไหนไม่รู้”

วินาทีนั้นคือเหมือนโดนเครื่องกระตุ้นหัวใจเบอร์แรงสุด
นี่เรามัวแต่ไปเสียใจมากมายให้กับผู้ชายคนเดียวที่เค้าไม่รักเรา
โดยมองข้ามความรักที่แท้จริงของพ่อแม่ไปได้ยังไง
วันนั้นเป็นวันที่ฉันรู้สึกเสียใจและรู้สึกผิดมาก
ไม่ได้รู้เลยว่าแม่เฝ้าดูเราด้วยความห่วงใยมาตลอด อานุภาพความรักของแม่เบิกเนตรมาก
เหมือนมีพลังงานบางอย่างทำให้ตาสว่างและคิดได้ในทันที ฉันบอกกับตัวเองไว้เลยว่า
ถ้าในอนาคตจะรักผู้ชายคนใหม่มากแค่ไหน
แต่อย่าได้ลืมความรักของพ่อแม่ที่มีให้เราเด็ดขาด วันใดที่เราไม่เหลือใคร ก็มีแต่พ่อแม่นี่แหละที่รอเราอยู่ที่บ้านเสมอ

นับจากวันนั้นฉันก็ค่อยๆ
พาตัวเองออกจากความเศร้า พยายามหางานอดิเรกทำ ใช้เวลากับพ่อแม่มากขึ้น
พบปะเพื่อนฝูงบ้าง เริ่มไปไหนมาไหนคนเดียวได้ ณ ตอนนี้ โสดเข้าสู่ปีที่ 5
แต่ชีวิตแฮปปี้ไม่น้อยหน้าใคร

ที่สำคัญคือ
ฉันคนเดิม เพิ่มเติมคือความสดใสได้กลับมาแล้ว : )

ภาพ unsplash.com

ใครอยากเล่าเรื่องวันเปลี่ยนชีวิตของตัวเองบ้าง คลิกที่นี่เลย

AUTHOR