ByBamBam ศิลปินที่ใช้ความเจ็บปวดของตัวเองสร้างงานศิลปะฮีลใจผู้คน

ภาพลายเส้นเด็กผู้หญิงจมูกแดงที่มีท่าทางซนแก่น กลายเป็นเอกลักษณ์ในงานของศิลปินหญิงที่ใช้นิกเนมว่า ByBamBam หรือชื่อจริงคือ สุชญา ทองรมย์ ที่กำลังโด่งดังในแวดวงนักวาดภาพทั้งในบ้านเราและต่างประเทศ ซึ่งความสดใสที่เจ้าตัวถ่ายทอดออกมานั้น ทำให้เราคิดว่าเธอคงเป็นนักวาดภาพอารมณ์ดีที่มีความสุขอยู่ภายในตัวจนล้น แต่เมื่อได้นั่งคุยกับเธออย่างจริงจัง สิ่งที่เราคิดไว้ตั้งแต่แรกแทบจะเป็นสิ่งที่ตรงอยู่ตรงข้ามกันเลย

แบ๊มบอกเราว่าเธอเพิ่งพบว่าตัวเองป่วยเป็นโรค Dyslexia มาตั้งแต่เด็ก ซึ่งโรคนี้ทำให้ผู้ป่วยมีความบกพร่องในการอ่านหนังสือ การสะกด และการเขียนหนังสือ ส่งผลให้การเรียนของเธอมีปัญหาอย่างมาก รวมถึงการเข้าสังคม การใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งตอนนั้นสิ่งเดียวที่ช่วยประคับประคองจิตใจของเธอให้ผ่านมาได้คือการทำงานศิลปะ 

“เราคิดมาเสมอว่าตัวเองเป็นเด็กที่เรียนไม่เก่ง จะมีแค่เรื่องเดียวที่ทำได้ดีคือการวาดรูป ที่หลายคนออกปากชมว่ารูปของเราสวย ดังนั้นพอถึงช่วงที่ตัวเองต้องเลือกแล้วว่าจะเรียนหรือทำงานด้านไหนต่อไป ศิลปะก็คือคำตอบเดียวของเรา”

ระหว่างรอเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย เธอมีโอกาสได้ไปเรียนคอร์สสั้นๆ ที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งการได้ออกไปพบเจอโลกข้างนอกนี้ก็เป็นแรงผลักดันสำคัญให้เธอเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองเลือก และเริ่มต้นเส้นทางของนักเรียนศิลปะเพื่อที่จะเป็นศิลปินต่อไปในอนาคต

“ตอนนั้นสิ่งเดียวที่เป็นความสุขของเราคือการได้ดูการ์ตูน เราชอบลายเส้นของตัวการ์ตูน ชอบสี และการดูการ์ตูนก็ทำให้เราไม่ต้องไปยุ่งกับใคร เพราะการที่ต้องพบเจอผู้คนเราจะรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยมีคุณค่า ยกเว้นเวลาที่มีงานกลุ่มในชั้นเรียน เราจะได้รับหน้าที่เป็นคนทำส่วนของการออกแบบตกแต่ง การวาดภาพ ดังนั้นตอนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งเราไม่รู้ว่าตัวเองป่วยเป็นโรค Dyslexia จึงบอกตัวเองว่าเราต้องพยายามให้มาก เริ่มจากการฝึกฝนพื้นฐานการวาดภาพ แล้วก็เริ่มทำงานที่ออกมาจากความคิดของเรา ก็มีหลายครั้งที่งานของเรายังไม่เป็นที่ยอมรับก็มีรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง แต่ก็พยายามปรับตัวเพื่อให้สามารถสร้างผลงานที่คนอื่นอยากให้เป็น และมีผลงานที่เป็นสไตล์ของเราเองควบคู่ไปด้วย”

แต่ด้วยความต้องการอยากแสดงผลงานของตัวเอง แบ๊มจึงตัดสินใจเอาภาพวาดในสไตล์ของตัวเองจริงๆ ไปลองลงขายในโซเชียลเน็ตเวิร์ก และก็ได้ผลตอบรับที่ดีสร้างรายได้ที่น่าพอใจให้เธออย่างมาก 

“งานแรกของเรามีคนประมูลซื้อต่อโดยให้ราคาสูงถึงหนึ่งหมื่นห้าพันบาท ซึ่งเป็นเงินที่เยอะมากสำหรับเด็กอย่างเราในตอนนั้น” เธอเล่าด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ 

“เป็นครั้งแรกที่ผลงานออกมาจากคาแรกเตอร์ของตัวเราจริงๆ ไม่ได้เป็นภาพที่วาดเพื่อให้ตรงใจกับใคร เราสามารถขายผลงานที่เขียนขึ้นมาเองได้จริงๆ ผลตอบรับนี้ทำให้เราตัดสินใจว่าฉันจะดื้อแล้ว (หัวเราะ) หมายถึงจะทำงานที่เป็นสไตล์ของตัวเองจริงๆ แล้ว และพอเรายืนยันตัวเองด้วยผลงานอย่างต่อเนื่อง ก็มีแกลเลอรีต่างๆ ติดต่อเข้ามา ซึ่งพอเรียนจบเราก็เริ่มแสดงผลงานของตัวเองมาเรื่อยๆ”

นิทรรศการภาพวาดของ ByBamBam เติบโตและถูกนำไปแสดงตามแกลเลอรีต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเราก็ให้เธอช่วยแนะนำเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ เผื่อใครที่กำลังผลักดันตัวเองสู่เส้นทางของศิลปินได้ลองเอาไปปรับใช้

“ที่ผ่านมาส่วนหนึ่งก็จะเป็นจากทางแกลเลอรีช่วยพาเราไปแสดงผลงาน กับอีกส่วนคือเราจะไปกดไลก์และมีปฎิสัมพันธ์กับแกลเลอรีต่างประเทศ ใน Instagram และเขาก็เห็นผลงานของเรา ก็ติดต่อขอนำผลงานไปแสดง แต่เราก็ต้องหมั่นสร้างผลงานออกมาอย่างสม่ำเสมอด้วย” 

ฟังจากที่เธอเล่ามา บางคนอาจจะคิดว่าเส้นของของแบ๊มไม่ได้ยากลำบากสักเท่าไหร่ เพราะเธอก็เหมือนประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย แต่กว่าจะได้เห็นรอยยิ้มที่สดใสจริงๆ ของเธอนั้น แบ๊มต้องอยู่กับความเจ็บปวดมานานนับสิบๆ ปี 

“ถ้ามันดีจริงๆ เราคงไม่ต้องไปพบแพทย์” เธอพูดจบแล้วนิ่งเงียบไปสักครู่ 

“เราตรวจพบว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้าช่วงเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีที่ 3 ก็เอาความรู้สึกของตัวเองมาใช้ทำเป็นธีสีสจบการศึกษาด้วย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในงานของ ByBamBam ที่เล่าเรื่องเศร้าด้วยสีสันที่สดใส และส่วนตัวเป็นคนที่ไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดกันว่า People Born with a Gift เราเชื่อในเรื่องของการฝึกฝน แต่ก็ยอมรับว่าสำหรับเราก็มีเรื่องของความโชคดีเข้ามาประกอบด้วยที่มีโอกาสเข้ามา แต่การที่เราจมอยู่กับการฝึกฝนก็มีข้อเสียเหมือนกัน เช่น เวลาอาจารย์สั่งการบ้านให้วาดรูปสี่รูป เราก็จะวาดไปเลยหกรูป แล้วเอาสี่รูปที่ดีที่สุดไปส่ง ซึ่งทำให้เราเกิดความเครียดสะสม เพราะเราจะกดดันตัวเองว่าผลงานของเราต้องสมบูรณ์แบบ และความฝังใจที่มีมาตั้งแต่เด็กว่าตัวเองเป็นคนไม่เอาไหน ดังนั้นผลงานที่เราวาดออกมาต้องดีที่สุด”

เรื่องที่แบ๊มเล่ามาทำให้เราคิดได้ว่า จริงๆ แล้วหลายครั้งที่ตัวเองบ่นกระปอดกระแปดว่าคิดอะไรไม่ออก หรือไม่รู้ว่าจะหาเรื่องเล่าหรือมุมอะไรมาต่อยอดเป็นผลงานของตัวเองได้ ซึ่งจริงๆ แล้ววัตถุดิบดีๆ นั้นอยู่นอนสงบนิ่งอยู่ภายในตัวเราเองทั้งนั้น

“แต่เรื่องของตัวเองก็ต้องขายได้ด้วยนะ” เธอพูดพร้อมกับหัวเราะออกมา

“ตอนที่แสดงผลงานเดี่ยวของตัวเองครั้งแรกเลย แม้ว่าภาพวาดจะขายได้หมดก็ตาม แต่ก็มีเสียงตอบรับกลับมาว่าภาพของเราดูแล้วค่อนข้างเศร้า บางทีคนก็อยากได้งานของเราไปแขวนตกแต่งแต่พอภาพสื่อออกมาในเรื่องของความโศกเศร้าก็อาจทำให้เขาตัดสินใจไม่ซื้อรูปของเราก็มี ดังนั้นการเป็นศิลปินสำหรับเราเรื่องของมาร์เกตติ้งก็คือสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญควบคู่กัน และการมีสังกัดเขาก็ช่วยเราได้มากในเรื่องของความเห็น เช่น ลงสีให้เนี้ยบกว่านี้ วาดลายเส้นให้คมกว่านี้ หรือลองใช้เทคนิคบางอย่างที่ทำให้งานออกมาได้ดีกว่า เป็นต้น”

Grocery – แวะช็อปเพื่อพักใจ จึงเป็นงานนิทรรศการที่เธอสร้างขึ้นมาเพื่อสร้างพื้นที่สำหรับให้คนที่ต้องเดินทางเพื่อใช้ชีวิตได้มีจุดแวะพักบรรเทาความเหนื่อยใจที่ต้องประสบในแต่ละวัน 

“เราเริ่มคิดจากความต้องการของตัวเองอีกแล้ว (หัวเราะ) ที่เป็นคนชอบการช็อปปิ้ง จึงทำเป็นคอนเซ็ปต์ขึ้นมาว่า ‘สถานีพักใจ’ ให้คนที่กำลังเดินทางกลับบ้านหรือทำงานกลับมาเหนื่อยๆ ได้แวะที่ร้านขายของแห่งนี้ แล้วก็ซื้อความสุขให้ตัวเองสักชิ้นสองชิ้น ซึ่งถ้าเปลี่ยนจากสิ่งของทั่วไปมาเป็นงานศิลปะให้เขาได้หยิบเล่น ได้ถ่ายรูปก็คงสนุกดี ซึ่งในร้านเราก็จะมีตระกร้าช็อปปิ้งให้คุณหยิบของในร้านใส่ลงไป แล้วก็ถือถ่ายรูปหรือเล่นขายของกับเพื่อนก็ได้ เหมือนเราเป็นเด็กอีกครั้ง เสร็จแล้วก็เอาเก็บเข้าที่เดิมห้ามเอากลับบ้านนะคะ (หัวเราะลั่น)”

คาแรกเตอร์ที่โดดเด่นของ ByBamBam คือ เด็กผู้หญิงที่มีจมูกสีแดง ซึ่งเธอเริ่มต้นด้วยการฝึกฝนสเกตช์หน้าเพื่อนๆ ในชั้นเรียนและใบหน้าของตัวเอง แล้วเริ่มเติมไอเดียลงไปทีละเล็กละน้อยจนได้เอกลักษณ์ของตัวคาแรกเตอร์ออกมา โดยจมูกที่เป็นสีแดงนั้นมาจากอาการภูมิแพ้ที่คนเกิดอาการนี้จะจามไม่หยุดจนจมูกมีเลือดฝาดนั่นเอง 

“อย่างส่วนที่เป็นดวงตาเกิดจากความบังเอิญที่ตอนแรกเราวาดไม่เสร็จแล้วมาเห็นว่าการใช้จุดสีดำแทนดวงตาที่สมจริงก็ดูเข้ากันไปอีกแบบ” เธอกล่าว 

“ตอนที่เอาคาแรกเตอร์นี้ไปส่งเป็นการบ้าน อาจารย์ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะคะ (หัวเราะ) เพราะตอนนั้นเราเองก็ตอบอาจารย์ไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมถึงวาดแบบนี้ออกมา แต่เรารู้สึกว่าชอบตัวคาแรกเตอร์นี้และไม่อยากทิ้ง ก็เลยพัฒนาต่อมาเรื่อยๆ แม้จะโดนอาจารย์ดุตลอดก็ตาม”

เราแซวเธอ เธอว่าตัวคาแรกเตอร์ของ ByBamBam แม้จะเป็นเด็กผู้หญิงแต่ก็มีความกวนๆ แบบต้องหันมาดูซ้ำบ่อยๆ อย่างบางรูปจะเห็นว่าตัวคาแรกเตอร์นั้นไม่ได้โกนขนหน้าแข้ง เธอหัวเราะชอบใจทันที

“เราชอบวาดคนที่ไม่สมบูรณ์แบบอย่างนี้แหละ บางงานตัวเด็กคนนั้นก็จะมีพุงยื่นออกมานิดนึง ซึ่งความไม่สมบูรณ์แบบนี้เป็นเสน่ห์ของงานศิลปะ ซึ่งเรามองว่าเป็นความสวยงามที่อยู่ในผลงาน” 

การที่เธอได้นำผลงานไปแสดงในหลายประเทศเราได้ถามเธอว่ามีฟีดแบ็กจากศิลปินต่างชาติแนะนำอะไรกลับมาบ้างไหม ซึ่งสิ่งที่เธอบอกก็น่าสนใจอย่างมาก

“อย่างที่อังกฤษเขาก็บอกเราว่า “ถ้าคุณอยากปรับปรุงอะไรก็แล้วแต่คุณ คุณทำแล้วคุณมีความสุขก็ทำต่อไปแค่นั้น” หรือที่เกาหลีใต้เขาก็จะแนะนำว่าเราต้องเก็บรายละเอียดงานให้เรียบร้อยมากขึ้น เพราะบางภาพก็มีขนพู่กันติดอยู่ในเฟรมภาพ ส่วนทางฟิลิปปินส์ก็ยังไม่มีฟีดแบ็กอะไรกลับมา ส่วนที่ไทยทางแกลเลอรีก็แนะนำเรื่องการวาดลายเส้นที่อยากให้มีความคมมากขึ้น ทำให้เราคิดว่าตัวเองคงต้องมีความใจเย็นมากกว่าเดิมและเก็บงานให้ดีขึ้นๆ ไป รวมถึงลองหาเทคนิคใหม่ๆ มาใช้ในผลงานครั้งต่อไปด้วยค่ะ”

ทำไมถึงสนใจงานเพนต์ติ้งมากกว่าดิจิทัลอาร์ต – เราถามไปตรงๆ 

“การได้หยิบจับอุปกรณ์ทำให้เรามีความสุขค่ะ” คำตอบนี้เรียบง่ายแต่ชัดเจน

“เราชอบความรู้สึกของการได้ล้างพู่กัน ได้หยิบผ้ามาเช็ดพู่กัน เปลี่ยนขนาดแปรงไปมา ซึ่งเราสนุกกับกระบวนการตรงนี้มากกว่า”

ตอนนี้ชีวิตของแบ๊มเหมือนได้รับการคลี่คลายมากขึ้น แผลต่างๆ ในใจก็ถูกบรรเทาให้จางลงไป เราก็สงสัยว่าถ้าอย่างนั้นไอเดียในการทำงานศิลปะของเธอจะลดน้อยลงตามไปด้วยหรือไม่ 

“ไม่เลยค่ะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น 

“เพราะกลายเป็นว่าเรามองเห็นความสุขในชีวิตมากขึ้น ตอนนี้ไอเดียใหม่ๆ เกิดขึ้นเยอะมากกว่าสมัยก่อนมาก แม้ว่าตอนนี้จะยังต้องกินยารักษาโรคซึมเศร้าอยู่ก็ตาม แต่ตอนนี้เรารู้ตัวเลยว่าดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก แต่ก็ยอมรับว่าเหนื่อยกับอาการป่วยของตัวเองมากอยากให้จบลงเสียที แต่ก็เชื่อว่างานต่อไปในอนาคตของ ByBamBam จะเล่าเรื่องที่พูดถึงความสุขออกมาได้จริงๆ แต่ก็จริงเหมือนที่เขาพูดกันว่าถ้าไม่รู้จักรสชาติที่ขมขื่น เราก็ไม่รู้ว่าความสุขจริงๆ นั้นเป็นอย่างไร”

ความสุขของแต่ละคนก็มีภาพที่แตกต่างกันไป ส่วนความสุขของ ByBamBam ในวันนี้ เธอบอกว่าเหมือนเป็นบทกวีดีๆ ที่เธอได้เขียนออกมา และรอวันที่จะแปลงถ้อยคำเหล่านั้นเป็นรูปวาดที่สดใสในสไตล์ของเธอ

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

กุลชนาฎ เสือม่วง

ปูนพร้อมก่อสุดหล่อพร้อมยัง IG: cozy_cream