Boy Smells แบรนด์ที่บอกว่ากลิ่นไม่แบ่งแยกหญิง-ชาย เพราะชีวิตเรานั้นแสนจะ genderful

เอาจริงครั้งแรกที่เห็นชื่อแบรนด์ Boy Smells ฉันแอบหยีในใจ เพราะเผลอตีขลุมไปล่วงหน้าว่าเทียนหอมแบรนด์นี้คงตั้งใจใช้เรื่อง ‘เพศ’ มาทำมาร์เก็ตติ้งให้กลุ่มลูกค้าที่น่าจะเป็นสาวๆ เสียเป็นส่วนใหญ่แน่ๆ

Boy Smells

แต่พอได้อ่านเรื่องราวของแบรนด์ (ลามไปจนถึงป้ายยาตัวเองให้สั่งมาใช้) แม้ฉันจะพบว่าตัวเองไม่ได้คิดถูกนัก แต่ก็ไม่ได้คิดผิดไปทั้งหมดเช่นกัน

ที่คิดถูกคือแบรนด์นี้ตั้งใจใช้เรื่อง ‘เพศ’ จริงๆ ส่วนที่คิดผิดคือเขาไม่ได้ใช้ในความหมายที่ว่าเอากลิ่นของหนุ่มๆ มาดึงดูดสาวๆ แต่ใช้เพื่อจุดประกายความคิด ชวนตั้งคำถาม และส่องแสงให้ความเป็นไปได้ใหม่ๆ 

‘กลิ่น’ ต้องแบ่งเพศเป็นหญิง-ชายแบบแนวคิดเพศทวิลักษณ์ (gender binary) เท่านั้นหรือ 

‘เทียนหอม’ หรือ ‘เครื่องหอม’ ใดๆ มีลูกค้าเฉพาะผู้หญิงจริงหรือ (แบบที่ฉันเองก็เผลอเหมารวมไปในตอนแรก) 

ทุกคนจะสนุกสนานและเปี่ยมพลังเพียงใด ถ้าสามารถเอนจอยกลิ่นหอมๆ ได้โดยไม่ต้องกังวลว่ากลิ่นนี้ถูกออกแบบให้ Femme หรือ Homme 

แล้วโลกจะงดงามขนาดไหน ถ้าทุกคนสามารถใช้ชีวิตที่ ‘genderful’ ได้เหมือนกัน 

นั่นแหละจุดเริ่มต้นของ Boy Smells แบรนด์สุด niche จากแคลิฟอร์เนียที่ก่อตั้งโดยคู่รัก​ Matthew Herman และ David Kien 

ภาพจาก coveteur.com

สินค้าเพื่อชีวิต genderful แบบ full spectrum

เดิมทีแมทธิวและเดวิดทำงานอยู่ในแวดวงแฟชั่นทั้งคู่ ส่วน Boy Smells ก็เคยเป็นเพียงจ๊อบเสริมในวันหยุดที่พวกเขาปรุงเทียนหอมในห้องครัวแจกจ่ายให้ครอบครัวและเพื่อนฝูง ก่อนจะวางขายจริงแล้วพบว่าได้รับผลตอบรับที่ดีมากๆ

ที่ต้องเป็นเทียนหอม เพราะทั้งคู่เห็นตรงกันว่าสินค้ากลุ่มเครื่องหอมต่างๆ ทั้งที่ใช้กับร่างกายและใช้สำหรับบ้าน รวมถึงสินค้าในหมวดข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว (personal care, personal product) มักถูกทำการตลาดให้มี ‘เพศ’ ที่เจาะจง ซึ่งแน่นอนว่าเกือบทั้งหมดแบ่งเป็นชายและหญิง แค่นั้น ไม่มีเพศอื่นนอกเหนือไปจากนี้

“พวกเราตระหนักว่าการกำหนดเพศให้กับสินค้าของแบรนด์ต่างๆ เป็นตัวขวางกั้นความคิดสร้างสรรค์ และเราเห็นโอกาสที่จะใช้กลิ่นเป็นตัวกลางในการปลุกความรู้สึก ซึ่งไม่ใช่แค่ nostalgia แต่รวมถึงความรู้สึกสบายและความมั่นใจ โดยทิ้งการกำหนดเพศชาย-หญิงไว้เบื้องหลัง” เดวิดให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ The Zoe Report

Boy Smells

นอกจากนี้ทั้งคู่ยังเขียนไว้ในเว็บไซต์ boysmells.com ว่า “พวกเราอยากทำผลิตภัณฑ์ที่โอบรับความเป็นชายและหญิงพร้อมกันอย่างเรียบง่ายและตรงไปตรงมา โดยไม่มุ่งเป้าไปที่เพศใดเพศหนึ่ง”   

เพราะอย่างนี้ กลิ่นซิกเนเจอร์ของแบรนด์จึงมีความ unisex หรือ genderless แต่ถ้าจะให้ถูกต้องที่สุด ต้องเรียกว่ามีความ genderful ตามคำที่แมทธิวและเดวิดนิยามขึ้น เพราะพวกเขามองว่าคำว่า genderless ที่หลายแบรนด์มักใช้นั้นช่างแห้งแล้งไร้วิญญาณ ไม่เหมือนกับตัวพวกเขาและกลุ่มเพื่อนๆ เควียร์ที่ออกจะเปี่ยมชีวิตชีวา และเหมาะกับ suffix -ful มากกว่า 

“genderful หมายถึงโลกที่การแสดงออกแบบเต็มสเปกตรัม (full-spectrum) ไม่เพียงได้รับการยอมรับ แต่ยังถูกเฉลิมฉลองยินดี มันเป็นคำเชิญชวนให้ทุกคนใช้ชีวิตในโลกหลังระบบทวิลักษณ์ (post-binary) แบบเป็นตัวเองที่งดงามและจริงแท้ที่สุด” แมทธิวผู้เป็น ‘nose’ หรือนักปรุงกลิ่นของแบรนด์อธิบาย

เพราะอย่างนี้ หลายๆ กลิ่นของพวกเขาจึงเป็นการหยิบเอากลิ่นที่มักถูกผูงโยงกับเพศชายมาผสมกับกลิ่นที่มักถูกผูกโยงกับเพศหญิง เช่น Cinderose ที่เป็นการพบกันของกุหลาบและควัน และ Gardener ที่ผสานเถามะเขือเทศเข้ากับดอกฮันนีซักเคิล

“ผมคิดว่าตัวตนของผู้คนซับซ้อนเกินกว่าความเป็นชายหรือหญิงมากนัก ดังนั้นเราจึงพยายามดึงเอาความซับซ้อนและความเป็นเอกลักษณ์นั้นออกมา” แมทธิวว่า

“การอนุญาตให้ทุกคนชอบกลิ่นอะไรก็ได้ตลอดเส้นสเปกตรัมของความเป็นชายและหญิงมันสนุกดีออก” เดวิดกล่าว

ยังไม่จบแค่นี้ ราวกับว่าการทำเทียนหอมสำหรับคนทุกเพศยังไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ความเชื่อของพวกเขา ในปี 2018 แบรนด์เควียร์เจ้านี้ยังเดินหน้าแตกไลน์สินค้าใหม่เป็นชุดชั้นในที่เพศไหนๆ ก็ใส่ได้ กางเกงในของพวกเขาไม่แบ่งเป็น male/female แต่แบ่งเป็น pouch front/flat front ให้ทุกคนเลือกใส่ตามความต้องการของเป้า ส่วนเสื้อในก็เป็นแบบไร้โครงที่มีตั้งแต่คัพ A ถึง E ซึ่งพร้อมโอบอุ้มร่างกายทุกแบบ

ถ้าการทำลายเส้นแบ่งของสินค้าที่ (น่าจะ)​ ถูกแบ่งเพศมากที่สุดในโลกไม่ตะโกนว่า f*** gender binary! ก็ไม่รู้จะตะโกนว่าอะไรแล้วล่ะ

จาก queer business สู่ queer individuals

ในโลกปัจจุบันที่ผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มมิลเลนเนียลและเจนฯ Z ตื่นตัวเรื่องสังคมการเมืองสูง พร้อมทั้งพยายามเลือกใช้แบรนด์ที่สะท้อนความเชื่อและค่านิยมของตน แบรนด์ใหญ่จำนวนไม่น้อยต้องปรับตัวและหา brand purpose เพื่อให้ตัวเองมี ‘จุดยืน’ ในเชิงสังคมการเมืองและ ‘ที่ยืน’ ในตลาด แต่ Boy Smells ไม่ต้องพยายามปรับตัวสักนิด เพราะพวกเขามี brand purpose ชัดเจนตั้งแต่เริ่มแรก นั่นคือการเบลอเส้นแบ่งหญิง-ชาย เพื่อให้ทุกคนเป็นตัวเองอย่างจริงแท้ที่สุด (แม้แมทธิวและเดวิดจะออกตัวว่าไม่ได้ตั้งใจหรอก แต่เราว่ามันคงเป็นไปเองโดยธรรมชาติ ในเมื่อทั้งคู่เองก็อยู่ในคอมมิวนิตี้ LGBTQ+ เหมือนกัน)

“อิสระในการแสดงออกแบบเต็มสเปกตรัมเป็นเสาหลักของแบรนด์เรา”​ แมทธิวเคยพูดไว้เช่นนั้น

ในแง่การทำแบรนด์ดิ้ง Boy Smells มักได้รับคำสรรเสริญว่าเป็นแบรนด์ที่ทำมาเพื่อชาวมิลเลนเนียล ตั้งแต่กล่องสีมิลเลนเนียลพิงก์ แพ็กเกจจิ้งแสน instagrammable และแคมเปญโปรโมตสุดเก๋ไก๋ แต่ถ้ามองด้วยแว่นของเจนเดอร์ เราจะเห็นความยียวนและชวนตั้งคำถามอยู่ในแบรนด์ดิ้ง ดูสิ เทียนหอมชื่อ ‘บอยๆ’ อย่าง Boy Smells ถูกบรรจุในถ้วยสีดำแสน ‘มาดแมน’ ก่อนจะห่อหุ้มด้วยกล่องสีชมพู ‘สุดสาว’ อีกทีหนึ่ง ราวกับกำลังบอกว่า ช่างระบบคิดแบบเพศทวิลักษณ์เถอะ อยากชอบอะไรก็ชอบ ใช้อะไรก็ใช้

เพราะวางตัวเป็นแบรนด์เควียร์มาแต่ไหนแต่ไร เมื่อพวกเขาเปิดตัว Pride Collection เมื่อปีที่แล้ว ทุกคนจึงไม่แปลกใจ (ถ้าจะแปลกใจก็คงแปลกใจที่ทำไมเพิ่งทำหลังจากก่อตั้งแบรนด์มาแล้วตั้ง 4 ปี) แถมให้การตอบรับกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ทั้งด้วยความชอบในแบรนด์ บวกกับรู้ว่าแบรนด์จะบริจาค 15 เปอร์เซ็นต์จากยอดขายคอลเลกชั่นพิเศษนี้ในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2020 ให้กับ The Trevor Project องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มีจุดมุ่งหมายหลักเป็นการป้องกันการฆ่าตัวตายในกลุ่มวัยรุ่น LGBTQ+

Boy Smells Pride Collection 2020

“มันสุดมากที่เราอยู่ในโลกที่การเลือกซื้อเทียนสามารถสะท้อนระบบคุณค่าของคุณได้ ในขณะที่การเลือกใช้กางเกงในไม่สามารถกำหนดเพศของคุณได้สักนิด” แมทธิวให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Forbes “การที่ผู้บริโภคสนับสนุนแบรนด์ราวกับเราเป็นส่วนหนึ่งของคุณค่าของพวกเขา มันเป็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและน่าถ่อมตนยิ่ง” ​

แน่นอนว่าการซื้อสินค้าของแบรนด์หนึ่งคงไม่สามารถแก้ไขปัญหาร้อยแปดที่เหล่า LGBTQ+ ต้องเผชิญได้ แต่อย่างน้อยๆ การกระทำนี้ก็กำลังส่งสัญญาณไปหาแบรนด์ต่างๆ ที่มีทั้งอำนาจเงินและอำนาจในการโน้มน้าวคนใหญ่คนโตว่า LGBTQ+ อยู่ที่นี่ คุณควรรับฟังพวกเรา และการเลือกบริโภคของเราส่งผลกับความอยู่รอดของคุณ

ไม่รู้คิดไปเองไหม แต่ฉันคงไม่ใช่คนเดียวที่กดสั่งเทียนหอมแบบออนไลน์ นั่งเดากลิ่นจากคำบรรยาย แต่ไม่ต้องเดาว่าผู้ก่อตั้งคือใคร และแบรนด์นี้เชื่ออย่างเดียวกับที่ฉันเชื่อหรือเปล่า


อ้างอิง

aldernewyork.com

boysmells.com

coolhunting.com

coveteur.com

forbes.com

hypebae.com

them.us

thezoereport.com

wallpaper.com

youtube.com/watch?v=dyYcnhZsZ6I 

youtube.com/watch?v=hVS7ZO37F0I 

AUTHOR