Wellcome Shop : ร้านหนังสือในพิพิธภัณฑ์การแพทย์แสนสนุกที่ไม่ได้ขายหนังสือธรรมดา แต่เป็นยาวิเศษ

Wellcome Shop : ร้านหนังสือในพิพิธภัณฑ์การแพทย์แสนสนุกที่ไม่ได้ขายหนังสือธรรมดา แต่เป็นยาวิเศษ

ไกด์บุ๊กฉบับลอนดอนของฉันบอกว่าแถวๆ สถานี Euston มีมิวเซียมเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเครื่องมือแพทย์
และในพิพิธภัณฑ์ก็มีร้านหนังสือที่…

“โอ๊ย! พอเหอะ ร้านนี้น่าเบื่อแหงๆ”

ตอนนั้นฉันด่วนสรุปว่าที่นี่ต้องมีแต่หนังสือวิชาการชวนง่วงล้านเปอร์เซ็นต์
อ่านเนื้อหาไปยังไม่ทันจบประโยค ฉันก็ถอดใจพลิกหน้าถัดไปทันทีพร้อมลบชื่อร้านนี้ออกไปจากใจ

เวลาผ่านไปหลายเดือน วันหนึ่ง ฉันและเฟิร์น น้องสาวที่มาเรียนปริญญาโทที่อังกฤษด้วยกันบังเอิญเดินผ่านพิพิธภัณฑ์แห่งนั้นพอดี
บังเอิญตอนนั้น บ.ก. เว็บไซต์เร่งทวงต้นฉบับ
และบังเอิญว่าบรรยากาศในร้านก็ดูน่าสนใจเหมือนกันแฮะ

‘ลองแว้บเข้าไปหน่อยคงไม่เสียหายมั้ง
เผื่อได้ร้านใหม่เอามาเขียนคอลัมน์’
ฉันคิดในใจพร้อมชวนเฟิร์นเดินเข้าไปด้านใน
แอบรู้สึกผิดเล็กๆ ที่ทำให้เธอต้องเสียเวลา
เพราะเฟิร์นดูไม่ใช่คนที่อินกับเรื่องวิทย์ๆ เอาซะเลย

ปรากฏว่าฉันคิดถูก 1 เรื่องและผิด
1 เรื่อง

1. เสียเวลาแน่นอนค่ะ ตั้งแต่ก้าวแรก เราสองคนก็ถูกดูดให้เดินวนในร้านนานหลายชั่วโมง

2. แต่ไม่ต้องรู้สึกผิดสักนิด เพราะมันสนุกมากกกก

ก่อนพูดเรื่องร้านหนังสือ ต้องอธิบายเรื่องราวของมิวเซียมแห่งนี้ก่อน

Wellcome
Collection คือพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมงานสะสมของ Sir
Henry Solomon Wellcome เภสัชกรยุควิกตอเรียที่เก็บสะสมอุปกรณ์เกี่ยวกับการแพทย์ไว้กว่าล้านชิ้น
(เยอะขนาดนี้เมียลุงไม่ว่าเหรอ!?) ฟังแบบนี้อย่านึกว่าในมิวเซียมจะมีแต่เข็มฉีดยาและมีดผ่าตัดนะ
เพราะเอาเข้าจริงด้านในเต็มไปด้วยของแปลกๆ ที่คาดไม่ถึงมากมาย เช่น แปรงสีฟันของนโปเลียน, มัมมี่เต็มตัวจากเปรู, ภาพสีน้ำมันแสดงอวัยวะภายในของผู้หญิงท้อง และบ็อกซ์เซ็ตลูกตาปลอมที่มีสีตาหลากหลายให้เลือกเปลี่ยนได้ไม่ซ้ำ
เพราะแนวคิดของมิวเซียมแห่งนี้คือการเชื่อมโยงการแพทย์ ชีวิต และศิลปะ เข้าไว้ด้วยกัน

ฟังแค่นี้ก็ว่าเจ๋งแล้ว แต่ร้านหนังสือ Wellcome
Shop ขยายความคอนเซปต์ไปได้ไกลกว่านั้น
พวกเขามั่นใจว่าวิทยาศาสตร์การแพทย์เป็นเรื่องที่ทุกคนอยากรู้
และพวกเขาก็รู้ดีว่าจะเล่าเรื่องยากๆ เหล่านี้ให้น่าฟังยังไง

ทางเข้าหน้าร้านต้อนรับเราด้วยตุ๊กตานุ่มนิ่มรูปเซลล์และเหล่าเชื้อโรคที่น่ารักจนรู้สึกอยากพาน้องเม็ดเลือดแดงกลับบ้าน
โซนหนังสือเด็กก็มีหนังสือที่ใช้ภาพประกอบน่ารักเล่าเรื่องอารมณ์ของฉัน
พร้อมขายเยลลี่รูปอวัยวะ และเซ็ตอุปกรณ์ทำสัญญาณกันขโมยด้วยตัวเอง

สำหรับคนทั่วไปก็มีหนังสือฮาวทูหมวดจิตวิทยาอ่านสนุก เช่น How to stay sane, How to be alone, How to think more about sex และ How not to die ถ้าคุณเป็นนักดนตรีก็มีโซนหนังสือที่เล่าว่าเสียงเพลงส่งผลต่อร่างกายและจิตใจยังไง
ส่วนคนสายอาร์ตก็มีหนังสือที่รวมงานศิลป์เกี่ยวกับโรคร้าย
และหนังสือภาพอธิบายความตาย, เรื่องเร้นลับ
หรือเรื่องเพศเรียงรายเต็มชั้น ถ้าคุณเป็นหมอหรือนักวิทยาศาสตร์ นอกจากที่นี่จะมีหนังสือวิชาการให้อ่านจนตาแฉะ
เขายังขายของกุ๊กกิ๊กสำหรับชาวเนิร์ดอย่างกล่องข้าวลายตารางธาตุ, เครื่องประดับรูปหัวใจ (เวอร์ชั่นเรียลมากๆ) และเจลอาบน้ำสีแดงที่อยู่ในรูปถุงบริจาคเลือด
(มีหลายกรุ๊ปเลือดให้เลือกด้วยล่ะ)

“We have
everything from serious to silly.” Marion Akehurst ผู้จัดการร้านบอกเราพร้อมหัวเราะร่า
เธอเล่าว่าตอนร้านเปิดใหม่เมื่อ 10 ปีก่อน
ที่นี่เคยขายแต่หนังสือวิชาการสำหรับแพทย์ ซึ่งขายยากมาก
ทีมงานเลยต้องกลับมานั่งตีโจทย์ใหม่

“เพราะเรื่องราวในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่ได้จำกัดแค่คนในวงการแพทย์
เราเลยตั้งเป้าให้หนังสือของเราเข้าถึงคนส่วนใหญ่
แล้วก็พบว่าธรรมชาติของมนุษย์คือการเป็นนักสงสัยใคร่รู้
และหนึ่งในปริศนาที่เราอยากรู้มากที่สุดก็คือสิ่งที่อยู่ภายในตัวเราเองนี่ล่ะ
ตั้งแต่นั้นเราเลยตั้งใจเลือกหนังสือที่เข้าใจง่ายและหลากหลาย แต่ที่สำคัญคือ
ทุกเล่มต้องช่วยตอบคำถามว่า ‘ความเป็นมนุษย์’ คืออะไร” มาเรียนกล่าว

เธอเล่าต่อว่า “ถ้าคุณเป็นหมอ
ร้านนี้จะบอกว่าคุณไม่ควรมองโลกจากแค่มุมของหมอ
แต่ควรทำความรู้จักความรู้สึกของคนไข้ด้วย และตัวเราผู้รับการรักษา
หรือในฐานะคนทั่วไปก็เช่นกัน
เราควรรู้เรื่องพวกนี้เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตจนวาระสุดท้ายได้อย่างมีความสุข”

ไม่ใช่แค่หนังสือในร้านที่น่าสนใจ
แต่วิธีจัดวางหนังสือแต่ละชุดก็สนุกมาก
โต๊ะวางหนังสือใหม่หรือหนังสือแนะนำจะมีพร็อพเก๋ๆ ช่วยตกแต่ง
และถ้าภาพประกอบในหนังสือดีงาม
ทางร้านก็จะเอาภาพนั้นมาพิมพ์เป็นโปสการ์ดวางขายใกล้ๆ กัน
เป็นการเพิ่มยอดขายและช่วยทำให้หนังสือดูน่าซื้อเข้าไปอีก มาเรียนอธิบายว่าเธออยากทำให้หนังสือวิชาการเหล่านี้ดูป๊อปขึ้น
ยอดขายที่ได้ไม่เพียงส่งผลดีกับทางร้าน
แต่ยังทำให้สำนักพิมพ์รู้ว่าหนังสือแนวนี้ก็มีคนอ่านพอสมควรนี่นา ในระยะยาว
พวกเขาจึงอาจพิมพ์หนังสือดีๆ แบบนี้ออกมาในท้องตลาดมากขึ้น ซึ่งสุดท้ายคนที่ได้ประโยชน์เต็มๆ ก็คือคนอ่านอย่างเรา

“ฉันเชื่อว่าหนังสือช่วยสะท้อนความเป็นมนุษย์ ช่วยเยียวยาจิตใจ
ในขณะเดียวกันก็สร้างแรงบันดาลใจ มันเปิดโอกาสให้เราได้เข้าไปเรียนรู้โลกของคนอื่น
เพื่อที่จะได้รู้ว่าเราไม่ได้อยู่บนโลกนี้คนเดียว”
มาเรียนเล่าความรู้สึกที่ได้จากการทำงานกับหนังสือมากว่า 25 ปี

“อืม ฟังดูเหมือนหนังสือเป็นยาชนิดหนึ่งเลยนะคะ ว่าไหม” ฉันพูด

“ใช่เลย! ฉันคิดเสมอว่ามันเป็นเหมือนยาวิเศษที่ทำให้เราเข้าใจโลก
เข้าใจคนรอบข้าง และเข้าใจตัวเอง
จนบางทีฉันแอบคิดเล่นๆ ว่าหรือฉันกำลังทำงานในร้านขายยารึเปล่านะ”
ผู้จัดการร้านตอบพร้อมหัวเราะเสียงดัง

หลังจากฟินกับบทสนทนาของมาเรียน
ฉันก็ขอบคุณเธอและรีบเดินกลับไปหาเฟิร์นที่ยังยืนรออยู่ในร้านหนังสือ

“ขอโทษที่ทำให้รอนานนะ เรากลับกันเลยไหม” ฉันถาม

“แฮ่ ขอเวลาเดินดูอีกแป๊บนึงได้ไหมพี่ฟาน” เฟิร์นตอบ

ปรากฏว่าแป๊บนึงของเฟิร์นกินเวลาอีกเกือบชั่วโมง…

Best Seller : Death: A Picture Album โดย Richard Harris

หนังสือที่นำเสนอหลายแง่มุมของความตายผ่านงานศิลป์ที่รวบรวมโดยนักสะสม
ริชาร์ด แฮร์ริส ทั้ง 38
ภาพที่คัดเลือกมาอย่างตั้งใจมีทั้งงานศิลปะ, หลักฐานในประวัติศาสตร์
ภาพวาดและชิ้นส่วนสิ่งมีชีวิตของจริงจากทั่วโลก
ทั้งหมดนี้เพื่อบอกเล่าว่าความตายเป็นทั้งเพื่อนสนิท ศัตรูคู่แค้น
และแรงผลักดันมหาศาลในชีวิตเรา

มาเรียนเสริมว่านี่เป็นหนังสือที่ Wellcome Collection จัดทำขึ้นจากนิทรรศการหมุนเวียนในชื่อเดียวกัน
ภาพข้างในเป็นภาพหายากและสวยมากจนหนังสือเล่มนี้ขายได้เป็น 3 เท่าของหนังสือขายดีเล่มอื่นๆ ในร้านเลย

Wellcome’s recommended : It’s All in Your
Head Stories from the Frontline of Psychosomatic Illness
โดย Dr.
Suzanne O’Sullivan

คนเขียนหนังสือเป็นนักวิจัยด้านจิตเวช
เธอจะมาเล่าอาการประหลาดมากมายของสมองและอารมณ์มนุษย์ที่ยากจะหาคำอธิบายทางการแพทย์
พร้อมพาเราไปค้นพบความลับมากมายที่ซ่อนอยู่ในหัวของเราเอง
หนังสือเล่มนี้ไม่ธรรมดาเพราะมีดีกรีเป็นถึงหนังสือที่ชนะเลิศจากงานประกวด Wellcome Book Price ปี 2016 งานที่มอบรางวัลให้หนังสือที่พูดเรื่องวิทยาศาสตร์และร่างกายให้คนทั่วไปเข้าถึงง่ายและอ่านสนุก

High Season: มาเรียนบอกว่าตอนเช้าเงียบสงบดี ส่วนตอนบ่ายก็จะคึกคักกว่า
แต่ถ้าให้เราแนะนำ เราว่าควรมาตอนที่พิพิธภัณฑ์มีนิทรรศการที่คุณสนใจ
แล้วร้านก็จะมีหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ให้คุณเลือกดูจนตาลายเลย

Blackwell’s
at Wellcome Collection

address: 183 Euston Road,
London NW1 2BE
hours: เปิดทุกวัน จันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น., เสาร์ 10.00 – 18.00 น., อาทิตย์ 11.00 – 18.00 น.
how to get there: นั่งรถไฟใต้ดินมาที่สถานี London Euston หรือ Euston Square ก็ได้ แล้วเดินต่อไม่ถึง 5 นาที
facebook | Wellcome Collection
twitter | @ExploreWellcome

ภาพประกอบ: Faan.peeti

AUTHOR