การมอดไหม้ที่พ้นผ่านไปนานแล้ว : ตัวหนังสือบันทึกความเจ็บช้ำของชีวิตคนธรรมดาในสังคมไทย

ชื่อหนังสือ: การมอดไหม้ที่พ้นผ่านไปนานแล้ว
ผู้เขียน: ทานเกวียน ชูสง่า
สำนักพิมพ์: Daydream Publishing

จะถือเป็นเรื่องส่วนตัวก็ได้ แต่ผมรู้จักมักคุ้นกับตัวอักษรของ เก้-ทานเกวียน ชูสง่า เป็นเวลาเกือบ 10 ปีแล้ว

ในยุคที่บล็อก exteen ยังรุ่งเรือง (เอ่อ ใครไม่รู้จักลองเข้าไปดูในลิงก์ได้นะ) บล็อกของเก้เป็นหนึ่งในบล็อกที่ผมเข้าไปติดตามอ่านบทความสั้นๆ ที่เขาเล่าเป็นประจำ ตัวหนังสือของเขาเรียบง่าย ชัดเจน แต่ว่าเรียงร้อยออกมาด้วยภาษาที่สวยงาม ซ้ำเนื้อหายังพูดถึงความสับสนแห่งวันวัย ชีวิตหนุ่มสาว และความเหงาของคนเมือง เป็นหัวข้อที่ช้ำและซ้ำจนใครเล่าออกมาไม่ดีก็ชวนเลี่ยน แต่ผมไม่เคยรู้สึกอย่างนั้นกับตัวอักษรของเก้

โชคดีที่เก้แวะมาอ่านเรื่องราวสัพเพเหระที่ผมเขียนไว้ในบล็อกส่วนตัวบ้าง เราต่างแวะเข้าไปติดตามอ่าน แสดงความคิดเห็นถึงสิ่งที่เขียนต่อกัน จนเมื่อโลกออนไลน์เริ่มย้ายแพลตฟอร์มมาสู่เฟซบุ๊ก เราก็ยังกดแอดเฟรนด์ไว้แม้ไม่เคยเจอหน้าค่าตามากันก่อนหน้า นานๆ ทีก็มีพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวเกี่ยวกับการเขียนผ่านกล่องสนทนาสีฟ้าบ้าง

จำไม่ได้แม่นยำนัก แต่ผมเคยเชียร์กึ่งบังคับให้เก้ออกหนังสือของตัวเองและพร้อมจะปวารณาตัวเป็นแฟนคลับชั้นดี (พ่วงตำแหน่งกองเชียร์ไปด้วยก็ได้) เพราะเชื่อว่าตัวหนังสือของเขามีพลังและน่าจะถูกส่งต่อให้คนวงกว้างมากกว่าแค่ในโลกออนไลน์

จนเมื่อปีที่แล้ว เก้ก็พิมพ์หนังสือของตัวเองเล่มแรกในชื่อ เราต่างสร้างบาดแผลให้แก่กันและกันอยู่เสมอ มาให้ผมอ่านสมใจ ความเรียงว่าด้วยความคับข้องใจของวัยหนุ่มสาวที่เต็มไปด้วยไฟฝัน และถ้าไม่ดูแลให้ดีก็อาจหมดมอดไปได้ง่ายๆ คือเนื้อหาที่เก้ถนัดและเขียนถึงมันเสมอมา กลายเป็นหนังสือเล่มเล็กที่อัดแน่นไปด้วยประสบการณ์และความเจ็บช้ำแบบที่วัยรุ่นหลายคนน่าจะเคยผ่านพบ และน่ายินดีที่หนังสือเล่มแรกของเก้ประสบความสำเร็จไม่น้อย

การมอดไหม้ที่พ้นผ่านไปนานแล้ว คือผลงานเล่มที่สองของเก้ที่เพิ่งพิมพ์ออกมาในปีนี้ เขาขยับขยายมาทำสำนักพิมพ์เล็กๆ ของตัวเองด้วยในชื่อ Daydream Publishing นี่คือหนังสือรวมเรื่องสั้นผลงานที่ผมยังไม่เคยอ่านมาก่อน เลยตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้ชิมลางการเขียนเรื่องสั้นของเขา

เก้เขียนไว้ในคำนำว่า 8 เรื่องสั้นนี้เลือกบอกเล่ามุมมองที่หม่นมัวแหว่งวิ่นในสังคม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเกิดขึ้นจริงในสังคมไทยของเรา เขาหยิบมุมมองของคนตัวเล็กๆ ที่คิดต่างและถูกมองว่าต่อต้านวัฒนธรรมอันดีงามที่ปลูกฝังมาตั้งแต่เยาว์วัยมานำเสนอ ตัวละครของเขาหันหลังให้ค่านิยมสังคมอย่างการแต่งงาน การบวชทดแทนบุญคุณพ่อแม่ แต่กล้าเลือกวิถีชีวิตตัวเองโดยไม่อยู่ใต้คำแนะนำสั่งสอนของใคร รวมถึงเรื่องความคิดเห็นและการแสดงออกต่อสถานการณ์การเมืองด้วย

เอาเข้าจริง ตัวละครของเขาไม่ได้แปลกใหม่ เราพบเห็นคนเหล่านี้มีชีวิตอยู่จริงๆ ใช้ชีวิตอย่างอิสระอยู่จริงๆ และกำลังต่อสู้เพื่อสิ่งที่ตัวเองเรียกร้องอยู่ทุกวันจริงๆ ในสังคมเราด้วยซ้ำ ความรู้สึกของผมเลยไม่ชัดเจนว่ากำลังอ่านงานเรื่องสั้นอยู่หรือเปล่า เพราะมันดูจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้รอบตัวเราทุกวันนี้มากกว่า

เรื่องของลูกชายที่ขัดแย้งทางความคิดกับครอบครัว หญิงสาวที่เชื่อว่าเซ็กส์มั่นคงกว่าความรักที่จะผูกมัดตัวเธอเอง คนหนุ่มที่ค่อยๆ กลายร่างไปเป็นผู้ใหญ่แบบที่ตัวเองเกลียด หรือชายหนุ่มที่ถูกจับคุมขังเพราะเขียนบทกวีต่อต้านรัฐบาลทหาร – ตัวละครเหล่านี้มีอยู่จริงในชีวิตรอบตัวเรา และเก้เลือกถ่ายทอดมันออกมาด้วยหมัดฮุกทางภาษาที่เขาใช้มาเสมอ ถ้อยคำตัวอักษรแสนเรียบง่ายแต่จริงใจและชัดเจนในความรู้สึกที่อยากส่งต่อ หลายครั้งตั้งคำถามกลับใส่คนอ่านไม่น้อย

ถ้าเป็นในยามเช้า
คุณก็คงมีความสุขกับการชื่นชมแสงอาทิตย์อันงดงามที่เพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้าอยู่บ้าง
เพียงแต่ตอนนี้ คล้ายว่าคุณผ่านพ้นช่วงเวลานั้นมาแล้ว
ชีวิตกำลังเคลื่อนเข้าสู่ยามบ่าย และดูเหมือนว่าแสงแดดข้างนอกจะรุนแรงและแผดเผาเสียเหลือเกิน

ผมไม่แน่ใจว่านักอ่านหลายคนจะชื่นชอบหรือเห็นด้วยเห็นต่างกับข้อเขียนของเก้ใน การมอดไหม้ที่พ้นผ่านไปนานแล้ว มากน้อยแค่ไหน เมื่อเก้เลือกพูดถึงมุมมืดหลืบเล็กของสังคมที่เรามักปกปิดให้แสงส่องไปไม่ถึง แต่การที่มีคนหนุ่มวัย 26 ปี เป็นตัวแทนพูดเรื่องเหล่านี้อย่างจริงใจ และกลั่นจากประสบการณ์ส่วนตัวที่ไม่ใช่และไม่เคยเป็นคนกระแสหลัก ก็เป็นเรื่องน่ายินดี

เก้มักบอกกับคนอ่านอย่างเปิดเผยเสมอว่าเขาไม่ใช่คนพิเศษ มีชีวิตแสนธรรมดา และยังตั้งคำถามอยู่ทุกวันว่า ‘จะเอายังไงกันดีกับชีวิตนี้’ เพราะบางครั้งสิ่งที่ประเดประดังเข้ามาก็ยากเกินรับมือ

จะถือเป็นเรื่องส่วนตัวก็ได้ แต่ไม่ว่าจะดำรงตนในกระแสหลักมาตลอด หรือค่อนขอดคิดว่าค่านิยมสังคมที่ถูกปลูกฝังมาเป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดี

มีใครบ้างที่ไม่เคยถามคำถามนี้กับตัวเอง

ความยากง่ายในการอ่าน: อ่านง่ายและใช้เวลาไม่นาน แต่อาจใช้เวลาครุ่นคิดและตั้งคำถามกับตัวเองหลังอ่านจบสักพักใหญ่ๆ

การมอดไหม้ที่พ้นผ่านไปนานแล้ว และ
เราต่างสร้างบาดแผลให้แก่กันและกันอยู่เสมอ มีวางขายตามร้านหนังสืออิสระหลายร้าน เช่น The Gypsy Reader, Candide Books, Passport
Bookshop, happening shop, Spacebar และเว็บไซต์ Readery

facebook | Daydream Publishing

AUTHOR