Le Root : แบรนด์ขนมปังและอาหารออร์แกนิกที่อยากให้คนเมืองผู้เร่งรีบเข้าถึงได้ง่ายๆ

ถ้าคุณเป็นหนึ่งในมนุษย์ออฟฟิศสายรักสุขภาพที่อยากจะหาอะไรดีๆ รองท้องในชั่วโมงเร่งรีบ เราเชื่อว่าคุณจะต้องกุมขมับทุกทีเวลาท้องร้องหิว เพราะตัวเลือกอาหารคุณภาพที่มาพร้อมราคาจับต้องได้นั้นสรรหามาได้ยากเหลือเกิน

เราตกปากรับคำชวนจากทีม Blue Basket เดินทางไปยังโรงอาคารคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เพื่อเยี่ยมเยือน Le Root ร้านขนมปังและอาหารออร์แกนิกน้องใหม่สไตล์ grab and go ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน

เพิร์ล-วศธร พลไพศาล Business Development Manager จากบริษัท Heritage (ถ้าใครไม่คุ้นชื่อ ลองนึกถึงของทานเล่นยี่ห้อ Nut Walker หรือ Blue Diamond ที่ขายในซูเปอร์มาร์เก็ตแถวบ้าน แล้วคุณจะต้องร้องอ๋อ) เกริ่นให้เราฟังคร่าวๆ ว่าแบรนด์ Le Root (เลอ-รู้ด) ชื่อลูกครึ่งกึ่งอังกฤษและฝรั่งเศสมีที่มาที่ไปตรงตัวว่าเป็นแบรนด์ที่มีรากฐานจากบริษัทแม่ที่มั่นคง ขณะเดียวกันทุกวัตถุดิบจากธรรมชาติที่เลือกใช้ถูกคัดสรรด้วยความใส่ใจตั้งแต่รากในดินจนถึงปลายทางที่เป็นสินค้าส่งถึงมือผู้บริโภค

จุดเริ่มต้นของหญิงสาวที่หันมาใส่ใจสุขภาพ

“พอเราเข้าสู่วัยทำงาน เราเริ่มเป็นห่วงสุขภาพมากขึ้น บวกกับเหตุผลที่ผู้หญิงทุกคนน่าจะเข้าใจคือเริ่มกังวลเรื่องน้ำหนัก (หัวเราะ) อยากดูแลตัวเองมากขึ้นโดยเริ่มจากปรับวิธีการกิน จากประสบการณ์ที่เราเจอตอนเรียนที่อังกฤษ คนที่นู่นกินอาหารคลีนกันเป็นเรื่องธรรมดามากๆ อาหารมังสวิรัติก็หาได้ง่ายเป็นเรื่องปกติ แต่พอกลับมาทำงานที่ไทย เรารู้สึกว่าอาหารแบบนั้นหายากมาก อยากให้เกิดบรรยากาศแบบนั้นในบ้านเรา”

“เราเองมีปัญหาเหมือนคนทั่วไปคือไม่มีเวลาเตรียมอาหารกินเอง เราก็ต้องไปหาซื้อตามช็อป ยอมรับเลยว่าบางทีเราก็ไม่ค่อยมั่นใจว่าคลีนจริงมั้ย หรือซื้อผ่านออนไลน์ที่สะดวกมากขึ้น แต่ก็ไม่ตอบโจทย์คนที่ติดเรื่องราคาค่าขนส่ง ยิ่งเป็นผู้ประกอบการรายเล็กๆ เขาต้องแบกราคาวัตถุดิบที่แพงด้วย อาหารคลีนก็เลยราคาแพงขึ้นไปอีก เราเลยอยากทำอาหารเพื่อสุขภาพเพื่อให้ตัวเองกินด้วยและอยากทำเพื่อคนที่รักสุขภาพเหมือนๆ กับเรา”


แรงสนับสนุนจากธุรกิจหลักของครอบครัว

“Le Root เป็นแบรนด์ที่แตกออกมาจากบริษัท Heritage เราอยู่ในวงการอาหารประเภทถั่วและผลไม้อบแห้ง เพราะฉะนั้นเรามีวัตถุดิบที่คุณค่าสูง (super food) มีไร่ออร์แกนิกและโรงงานแปรรูปอยู่แล้ว”

“เราเลือกต่อยอดสิ่งที่เรามีอยู่มาทำเป็นสินค้าอาหารสุขภาพที่ทุกคนสามารถเอื้อมถึง พร้อมทำร้านสไตล์ grab and go เอาใจคนเร่งรีบให้เข้ามาเลือกหยิบอาหารและเครื่องดื่มครบมื้อที่ดีต่อสุขภาพจริงๆ เราลดบริการลงนิดนึงเพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่าย พอแตกไลน์จากงานในโรงงานออกมาเป็นงานที่เน้นบริการมากขึ้น ก็มีเรื่องให้เราศึกษาและพัฒนาอยู่เรื่อยๆ”

สุขภาพดีที่เริ่มจากการกิน

“พอเราได้ลองกินอาหารคลีนจริงๆ เราพบว่าน้ำหนักที่ลดลงเป็นผลพลอยได้นะ คือถ้าเราหันมากินของดี เช่น ดื่มน้ำแร่ หรือเลือกกินไขมันดี เลี่ยงไขมันทรานส์ที่มาจากเนยหรือมาการีน สิ่งที่เราเห็นด้วยตัวเองก็คือสุขภาพเราดีขึ้น ผิวพรรณเราก็ดีขึ้นตามไปด้วย”

“ในทางเดียวกันสุขภาพดีก็ไม่ได้เกิดจากการกินอย่างเดียวเท่านั้น เราต้องออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ อาหารเป็นเพียงแค่แหล่งพลังงานที่ทำให้ร่างกายเราขับเคลื่อน ทีนี้ถ้าเราดูแลร่างกายตัวเองไม่ดี ทานอาหารที่ไม่มีคุณภาพ ไม่สะอาด ร่างกายของเราก็จะค่อยๆ เสื่อมโทรม โรคต่างๆ ก็จะเข้ามารุมเร้า”

“ถามว่าโดยส่วนตัวเรากินอาหารคลีนทุกมื้อมั้ย บอกตรงๆ เลยว่าเรายังทำไม่ได้ แม้ว่าเราจะทำธุรกิจตรงนี้ก็จริง แต่เราไม่สามารถพกของกินไปได้ทุกที่ บางทีเรามีนัดกินข้าวกับเพื่อนเราคงเลี่ยงไม่ได้จริงๆ อย่างที่บอกว่าร้านอาหารคลีนจริงๆ ในบ้านเรายังหายากอยู่ เพราะฉะนั้นก็เป็นวินัยของตัวเราเองว่าเราจะเลือกเมนูอะไรที่ปรุงแต่งมาน้อยที่สุด เลยต้องแบ่งสัดส่วนให้ตัวเองกินคลีน 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลืออีก 20 เปอร์เซ็นต์ ก็ขอแอบตามใจปากนิดนึง (หัวเราะ)”

อาหารออร์แกนิกที่ตอบโจทย์คนรักสุขภาพทุกสาย

“อาหารสุขภาพของ Le Root แตกต่างจากที่อื่นตรงที่เราแบ่งหมวดหมู่สินค้าเราชัดเจน มี 6 category ตัวแรกคือ ‘Organic’ ที่ลูกค้ามั่นใจได้เลยว่าสินค้าเราผลิตจากวัตถุดิบออร์แกนิกจริงๆ สองคือ ‘Seriously Raw’ อาหารที่ผ่านความร้อนน้อย ปรุงด้วยอุณหภูมิไม่เกิน 45 องศาเซลเซียส เพื่อคงคุณค่าและสารอาหารไว้ให้ครบที่สุด สามคือ ‘Vegan Hardcore’ เหมาะกับคนทานมังสวิรัติจริงจังแบบฝรั่ง เราจะไม่ใช้วัตถุดิบที่มาจากสัตว์เลย”

“หมวดที่สี่คือ ‘Low Cal’ เอาใจคนที่อยากลดน้ำหนักซึ่งของหวานที่สาวๆ จะชอบมากคือพานาคอตต้าชาเขียว 15 แคลอรี่ ที่ทำมาจากนมอัลมอนด์ผสมกับมัตฉะและถั่วแดง ตัวที่ห้าคือ ‘Healthy’ เป็นอาหารที่ไม่มีส่วนผสมของนมหรือ non-dairy ส่วนนี้จะต่างกับมังสวิรัติตรงที่เราใส่น้ำผึ้งลงไปด้วย และตัวสุดท้ายคือ ‘Dairy & Meat’ เป็นเมนูที่มีส่วนผสมของนมและเนื้อสัตวที่เหมาะกับคนออกกำลังกายที่ต้องสร้างกล้ามเนื้อ เช่น เค้กกล้วยหอม แซนด์วิชอกไก่ ถ้าลองสังเกตดู ทุกๆ ป้ายเมนูของเราจะบอกส่วนผสมและจำนวนแคลอรี่ที่คนกินจะได้รับด้วย”

“สินค้าของเราทุกตัวมั่นใจได้เลยว่าไม่มีสารปรุงแต่ง ผ่านการแปรรูปน้อยที่สุดเพื่อคงคุณค่าสารอาหาร ไม่มีสารกันเสีย ไม่เติมแต่งอะไรที่ไม่ใช่ธรรมชาติลงไป ที่สำคัญคือปราศจากน้ำตาลแน่นอน อย่างลูกค้าที่เข้ามาซื้อเครื่องดื่มหรือกาแฟออร์แกนิกที่ร้าน เราจะไม่ใส่น้ำตาลให้แต่เปลี่ยนเป็นน้ำหวานเกสรดอกมะพร้าว นมที่เราเลือกใช้ก็เป็นนมอัลมอนด์ที่เราผลิตเอง”

การคิดค้นความอร่อยที่ซีเรียสพอๆ กับคุณภาพ

“สมมติว่าเราจะผลิตสินค้าสักหนึ่งสูตร เราต้องคิดก่อนว่าเราทำตัวนี้มาทำไม เราแคร์ว่าอาหารตัวนี้จะส่งผลต่อร่างกายคนกินยังไง อย่างตัวโฮลวีตซูเปอร์ซีดเป็นขนมปังที่เต็มไปด้วยธัญพืช 5 ชนิด (แฟล็กซีด งาดำและงาขาว เมล็ดเชีย เมล็ดฟักทอง และเมล็ดทานตะวัน) ที่ให้ไขมันดี มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระและช่วยบำรุงสมอง หรือขนมปังโฮลวีตชาร์โคลที่ช่วยดูดสารพิษในร่างกาย”

“ชาออร์แกนิกก็เป็นอีกหนึ่งสินค้าที่เราภูมิใจ เป็นชาที่ปลูกจากไร่ของเราเองที่ระนอง ได้รับความร่วมมือจากอาจารย์และนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เราค้นพบว่าผักพื้นบ้านไทย เช่น ใบมะม่วงหิมพานต์ ผักแพรว ใบกระเจี๊ยบ ใบเตย สาระแหน่ มีสารฟินอลิกที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้อย่างมีประสิทธิภาพ พอทำวิจัยต่อเราก็พบอีกว่าถ้ากินแบบร้อนๆ จะยิ่งดีต่อสุขภาพ เราเลยแปรรูปออกมาเป็นชาออร์แกนิกค่ะ”

“หน้าที่ของเราคือการคิดสูตรอาหารที่มีคุณภาพ ไร้สารปรุงแต่ง และที่สำคัญคือต้องอร่อยด้วย เราเข้าใจว่าคนไทยไม่ชอบทานรสคลีนๆ อาจจะชอบรสเผ็ดหน่อย เราก็คิดสูตรตอบโจทย์ลูกค้าคนไทย เช่น เพิ่มไส้มันผงกระหรี่ หรือน้ำพริกเผาอัลมอนด์ พัฒนาสูตรที่ถูกปากคนไทยให้หลากหลายมากขึ้น”

แนวคิดแบบโรงงานที่กลายเป็นความพิถีพิถันของแบรนด์เล็กๆ

“พอเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ทุกอย่างเราต้องพิถีพิถันมาก ต้องมั่นใจว่าทุกวัตถุดิบของเราเป็นออร์แกนิก ต้องมีใบรับรองอาหารและผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกจากกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ (USDA organic) วัตถุดิบบางตัวเราลงทุนบินไปดูถึงไร่ในต่างประเทศเลย อย่างแคร์รอตเรานำเข้ามาจากอิตาลีก็บินไปดูไร่ที่นู่นเลย อาจเป็นเพราะเรามาจากระบบโรงงาน เราเลยทำทุกอย่างค่อนข้างจริงจัง การแปรรูปก็ต้องเกิดขึ้นในโรงงานที่ได้รับมาตรฐาน ซึ่งโรงงานของ Heritage เรามีมาตรฐานที่ปลอดภัยแน่นอน”

“ส่วนสินค้าหน้าร้าน เราทำงานกันเป็นระบบจริงๆ เราต้องมั่นใจว่าสินค้าของเราสดใหม่ตลอด อย่างขนมเราจะเปลี่ยนเชลฟ์ทุกๆ 2 วัน ไม่มีการเอาของเก่ากลับมาขายแน่นอน เวลาที่ลูกค้าซื้อไปก็จะบอกลูกค้าเลยว่าควรกินภายในวันที่ซื้อไปและต้องเก็บเข้าตู้เย็นด้วยเพราะสินค้าเราปราศจากสารกันบูดค่ะ”

อาหารเพื่อสุขภาพที่อยากให้ทุกคนเข้าถึง

“กลุ่มเป้าหมายของเราคือคนทุกเพศทุกวัยนะ คนที่กินคลีนอยู่แล้วเขาอาจจะมีตัวเลือกอื่นๆ อยู่ เราเลยอยากเน้นเป็นคนไทยที่ไม่ได้กินคลีนมาก่อน หรือคนที่แทบไม่เห็นถึงปัญหาสุขภาพได้ลองชิม อยากให้เขารู้ว่าจริงๆ อาหารคลีนมันหาทานง่าย ราคาไม่แพง และอร่อยด้วย”

“แผนในอนาคตเราอยากจะกระจายร้านของเราไปในหลายๆ ที่เพื่อให้ลูกค้าหาทานได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีบริการส่งให้ลูกค้าออร์เดอร์เข้ามาทางไลน์และวางขายในเว็บไซต์ Blue Basket ปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้เรากำลังจะเปิดร้าน Le Root แบบ full dining ย่านมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ค่ะ อยากให้ทุกคนติดตามและแวะเวียนมาชิมอาหารของเรา”

ถ้าให้เลือกสินค้ามาแนะนำหนึ่งอย่างจะเลือกอะไร

“ชาร์โคลโฮลวีตสอดไส้มันผัดผงกระหรี่ (Potato Curry Bun) เป็นขนมปังโฮลวีตที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล นม และเนย ปราศจากไขมันทรานส์ และมีส่วนผสมของชาร์โคลที่มีคุณสมบัติช่วยดูดซับสารพิษจากร่างกายด้วย ปกติคนไทยอาจจะเคยชินรสผงกระหรี่ที่ทานกับเนื้อสัตว์ แต่เราเปลี่ยนเป็นมันสีเหลืองแทน เป็นตัวเลือกให้คนที่อยากทานคลีนและมังสวิรัติ”

ขนมปังและอาหารสุขภาพจาก Le Root มีให้ซื้อหาที่เว็บไซต์ Blue Basket ตะกร้าสุขภาพของคนช่างเลือก แหล่งรวมสินค้าเพื่อสุขภาพ ถ้าถูกอกถูกใจ ติดตามเนื้อหาเกี่ยวกับผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าเพื่อสุขภาพน่าสนใจอย่างนี้ได้ทุกวันพุธที่ 1 และ 3 ของทุกเดือนได้ที่คอลัมน์ Blue Basket นะ

ภาพ ดวงสุดา กิตติวัฒนานนท์

AUTHOR