Bozzi : แชมพูพลังสมุนไพรที่เหล่าทาสหมาแมวต้องอยากซื้อให้เจ้านายที่รัก

คนมีผมแค่นี้ยังรำคาญเวลาคันหนังศีรษะ แล้วสัตว์เลี้ยงอย่างหมาแมวล่ะจะทำยังไง

สารภาพว่าเราไม่เคยคิดมุมนี้มาก่อน จนกระทั่งได้มาพูดคุยกับ จอม-อิณเกศย์ และ จีม-อภิษฎา โชติพันธุ์สิริ สองพี่น้องเจ้าของแบรนด์แชมพู Bozzi ในเครือ Blue Basket ตะกร้าสุขภาพของคนช่างเลือก แบรนด์ที่เปิดหูเปิดตาให้เรารู้ว่า ไม่ใช่แค่คนหรอกที่ต้องการสินค้าเพื่อสุขภาพที่ผลิตจากธรรมชาติ สัตว์เลี้ยงที่พูดไม่ได้ก็เหมือนกัน

ครอบครัวของจอมกับจีมอินเรื่องสัตว์เลี้ยงมาแต่ไหนแต่ไร วันหนึ่งเมื่อเจอเจ้าเหมียวเปอร์เซีย 2 ตัวที่ขนร่วงโกร๋นจนไม่เหลือคราบความเป็นแมวจึงอดช่วยเหลือไม่ได้ แต่เดินเข้าคลินิกรักษาด้วยวิธีปกติเท่าไหร่ก็ไม่หายสนิท พอทั้งคู่ลองเอาผลิตภัณฑ์แชมพูสมุนไพรสำหรับคนฝีมือคุณแม่มาใช้กับแมว เจ้าเหมียวกลับหายภายในระยะเวลาไม่นาน

ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจในวันนั้น จึงเป็นจุดเปลี่ยนให้เกิดเป็นแบรนด์ชื่อ Bozzi แบรนด์แชมพูเพื่อสัตว์เลี้ยงที่อยากให้ทุกชีวิตมีสุขภาพที่ดีไปพร้อมกัน

สูตรลับภูมิปัญญาไทยที่คุณแม่อยากสานต่อ

“คนที่ทำผลิตภัณฑ์สมุนไพรมาแต่แรกคือคุณแม่ เขาเรียนวารสาร แต่ทำงานกับ UN เลยไปสอนหนังสืออยู่กับชาวเขา เวลาป่วยชาวเขาไม่ได้ไปหาหมอแต่ใช้สมุนไพรมารักษา แม่ได้คลุกคลีเลยเก็บเอาภูมิปัญญาของชาวเขามาใช้ กลับมาก็เรียนด้านเภสัชสมุนไพรเพิ่มเติมและทำผลิตภัณฑ์สมุนไพรใช้เองอย่างจริงจังในเวลาต่อมา ส่วนหนึ่งเพราะเขามีปัญหาหนังศีรษะมาก ผมร่วงเยอะ ใช้น้ำยาย้อมปกติที่มีเคมีก็ไม่ได้ หาวิธีดูแลตัวเองจนเกิดสิ่งนี้ขึ้นมา

“ด้วยความที่บ้านเป็นร้านอาหารอยู่ต่างจังหวัด หลังบ้านจะมีพื้นที่ปลูกนู่นนี่ แม่ก็จะไปสรรหาพวกนี้มาทำ แชมพูคือตัวที่เขาภูมิใจที่สุด ก่อนหน้านี้เขาคิดไม่ออกสักทีว่าจะทำยังไงให้แชมพูไม่เหลวๆ เหม็นๆ แต่ยังเป็นธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์ ใช้เวลาถึง 7 ปีจนคิดค้นสูตรขึ้นมาได้ ส่วนผสมหลักคือส่วนเบสสบู่ที่ให้ฟองและความข้น แม่จะทำจากข้าวโพดและมันสำปะหลังแทน อีกส่วนคือ active ingredient ที่ให้ผลดูแลหนังศีรษะ คุณแม่จะใช้สมุนไพรไทยๆ อย่างพวกทองพันชั่ง หนอนตายหยาก”

ผลการทดลองจากเจ้าเหมียวเปอร์เซียต่อยอดสู่สัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ

“ช่วงแรกพวกเราไม่ได้สนใจอะไรที่แม่ทำเลย วัยรุ่นกับสมุนไพรก็ดูห่างไกลกันมาก เราจะติดรูปลักษณ์และกลิ่นหอม จนมีจุดเปลี่ยนที่จอมไปเจอแมวเปอร์เซียที่ไม่มีขนแล้ว ตอนแรกก็ไม่มีใครกล้าจับเพราะเป็นเชื้อราทั้งตัว พาไปหาหมอกินยา ฉีดยา ทายา เหมือนจะดีขึ้นแต่ก็ไม่กลับมาในสภาพที่ควรเป็นร้อยเปอร์เซ็นต์

“วันดีคืนดีเลยเข้าไปถามแม่ว่า ขอเอาอะไรที่แม่ทำไว้มาลองอาบแมวได้ไหม คนนึงที่จุดประกายคือพี่เลี้ยง เขาสังเกตว่าพอให้ยาฆ่าเชื้อหนังมันจะแดง เลยเสนอให้เอาอะไรที่ทำอยู่มาใช้ พอใช้แล้วกลับใช้เวลาไม่นานก็หาย จุดที่ขนไม่ขึ้นแล้วก็กลับมาขึ้น ตอนนั้นเราเลยได้รู้ว่า พอเป็นธรรมชาติ มันไม่แบ่งแยกหรอกว่าเป็นของคนหรือของสัตว์ และอีกคนที่ต้องขอบคุณคือพี่ที่เจอกันในงานสัมมนาซึ่งทำฟาร์มหมา เขาถามว่าทำไมไม่ทำสำหรับสัตว์เลี้ยงบ้าง สินค้าธรรมชาติสำหรับสัตว์เลี้ยงยังไม่มีเลยนะ

“ทีแรกเรื่องที่ทำให้ลังเลว่าจะทำแบรนด์ดีไหมคือต้นทุนสูงมาก คำนวณแล้วราคาขึ้นไปขวดละพันกว่าบาท ถ้าปรับสูตรก็ไม่รู้จะใช้ได้ผลเหมือนเดิมไหม แต่เราตั้งใจอยากทำสินค้าดีๆ ให้หมาแมวใช้จริงๆ ก็เลยยอมเอากำไรน้อย โชคดีที่ครอบครัวทำโรงงานอยู่ก็เลยช่วยซัพพอร์ตเรื่องปริมาณการผลิตได้”

ดีไซน์สรรพคุณที่หมาแมวต้องการ

“จากพื้นฐานแชมพูที่คุณแม่คิดไว้ ตอนหลังเราปรับสูตรตรงค่า pH ให้เหมาะกับสัตว์มากขึ้น รวมทั้งปรับกลิ่นให้เข้ากับหมาแมว เพราะตัวแชมพูของคนมันเหม็นกลิ่นสมุนไพรมากจริงๆ ทีแรกเราก็รับไม่ได้แต่ก็ฝืนจนใช้ได้เพราะไม่ต้องใช้ครีมนวด ผมนุ่ม ไม่ร่วง พอสระเสร็จกลิ่นก็หายไป อะไรที่เป็นธรรมชาติมันไม่ติดทนนาน และจริงๆ แล้วสัตว์เลี้ยงเขาไม่ได้ชอบน้ำหอม เขาจะแสบจมูก

“ทุกครั้งเวลาผลิตอะไรก็แล้วแต่ คนต้องลองก่อนทั้งจอมและจีม หมาแมวเขาผิวบางกว่าคนอีก แชมพูก็ต้องทำให้อ่อนโยนลงอีก นอกจากนี้ก็จะลองกับแมวที่เลี้ยงไว้ ตอนแรกเราไม่รู้ว่าจะใช้อะไรอาบเขา พอใช้แชมพูทั่วไปพี่เลี้ยงสังเกตว่าอาบเสร็จแล้วเขาจะเอาตัวไถกับอะไรสักอย่าง ดูยังไม่สบาย แต่พอใช้อันนี้ก็สังเกตว่าเขานอนยาว บางตัวก็จะวิ่งเล่น ที่สำคัญคือไม่เกา

“ส่วนผสมจากธรรมชาติจะให้ความนุ่มและความอ่อนโยนอยู่แล้ว แต่พวกสารทำความสะอาดและสร้างฟองนี่แหละที่ทำให้ผิวแห้ง เพราะมันทำความสะอาดมากเกินไปจนไม่เหลือน้ำมัน พอเกิดความแห้งก็จะคัน พอคันก็จะเกาจนเป็นแผลให้ติดเชื้อได้ แต่พอเราไม่ใส่พวกนี้มันก็ได้ผล เคยพูดเล่นๆ ว่าแชมพูนี้ดีกว่าแชมพูคนอีก เพราะไม่มีสารก่อมะเร็ง ไม่มีสารตกค้างที่กระตุ้นให้เกิดโรคอะไรกับร่างกาย เราปลูกเอง ผลิตเอง สกัดเอง มันอยู่ในมือเรา บางส่วนที่นำเข้าก็ขอใบรับรองและขอดูกระบวนการผลิตด้วย

“ตอนหลังคุณแม่ก็พยายามหาสมุนไพรบางตัวที่มีสรรพคุณเหมาะสม อย่างสมุนไพรที่ช่วยขจัดเห็บหมัดคือสะเดา เคยเห็นชาวสวนเอาน้ำสมุนไพรไปฉีดไล่แมลงไหม เราใช้หลักการเดียวกันคือเอากลิ่นสะเดามาไล่เพราะเห็บหมัดเขาไม่ชอบ ส่วนเรื่องสรรพคุณขจัดกลิ่นนี่เป็นสิ่งที่เราไม่คาดคิด แต่บังเอิญว่าส่วนผสมอยู่ในสัดส่วนที่พอเหมาะแล้วช่วยลดกลิ่นตัวได้พอดี”

กลยุทธ์เอาชนะอุปสรรคทางการตลาด

“ตอนแรกทำแชมพูแค่ 2 สูตรมาให้ใช้ได้ทั้งหมาแมวและสัตว์ทุกอย่างที่อาบน้ำได้ แต่พอไปเสนอขาย สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ ‘มีแค่นี้เองเหรอ จะไปสู้แบรนด์อื่นที่อยู่บนเชลฟ์ได้ยังไง’ โดนปฏิเสธทุกร้านเพราะเราดูไม่น่าสนใจ อีกอย่างคือราคาที่เทียบเท่าสินค้านำเข้า คนก็สนใจสินค้าเมืองนอกมากกว่าเป็นธรรมดา

“เรากลับมาทำการบ้านหนักมากว่าต้องทำยังไงให้ดูน่าสนใจ แชมพูหมาแมวทุกยี่ห้อมีสูตรอะไรบ้าง ดึงมาใช้จนได้แชมพูของหมา 7 สูตร ของแมว 2 สูตร และยังมีสูตรสัตว์เล็กอีก คุณแม่ก็ช่วยหากิมมิกเป็นวัตถุดิบพิเศษให้แต่ละคอนเซปต์ แต่เราก็คิดเหมือนกันว่ามันน่าจะมีสูตรแปลกๆ ที่ไม่เหมือนแบรนด์อื่นบ้าง เลยเกิดเป็นสูตร Mood Balancing ที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องอโรมาเทอราพี ตัวนี้ได้ลองเอาไปใช้กับหมาที่เป็นมะเร็งของเพื่อน เขาอายุมากและซึม เพื่อนบอกว่าพอใช้แล้วมันดูสดชื่นขึ้น หลายคนก็พูดกลับมาเองว่าสัตว์เขาแฮปปี้ขึ้น”

ของไทยก็มีดีไม่แพ้ใคร

“เราทำใจไว้แต่แรกแล้วว่าทำแบรนด์ไม่ง่าย สมัยออกบูทขาย 3 ครั้งแรกไม่มีคนซื้อ ต้องบอกตรงๆ ว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยเชื่อสินค้าที่คนไทยผลิตเอง คำพูดนึงที่เป็นแรงบันดาลใจจนทุกวันนี้เลยคือ ‘อ๋อ ไม่ล่ะค่ะ ใช้ของนอก’

“ปีแรกเคยคิดจะเลิกทำเพราะหมดกำลังใจและทะเลาะกับแม่บ่อย แต่มีลูกค้าคนนึงที่ได้ลองสินค้าที่ไปฝากวางที่ร้าน Doggy Bag ในโครงการ Ozono ส่งอีเมลกลับมาบอกว่าเขาไม่เคยใช้แชมพูที่ธรรมชาติขนาดนี้ อย่าหยุดนะ ขอให้ทำต่อไป นี่เป็นจดหมายฉบับแรกที่เป็นกำลังใจให้เรา จริงๆ ต้องขอบคุณหลายร้านที่ให้โอกาส พอเข้าปีที่ 3 ก็โชคดีมากที่ห้าง Siam Center ติดต่อให้เราไปวางขาย มันเป็นจุดที่ลูกค้าต่างประเทศเข้าถึง ทำให้มีลูกค้าสิงคโปร์ติดต่อมาขอเป็นตัวแทนจำหน่ายรายแรก ต่างชาติเขาเปิดใจ ประเทศเขาไม่มีอะไรแบบนี้ก็เลยเห็นคุณค่าของสมุนไพรมากๆ

“ยอดขายเราไม่ได้เยอะเพราะตลาดสัตว์เลี้ยงไม่ได้ใหญ่โต กลุ่มคนที่ใช้สินค้าธรรมชาติก็จะน้อยลงอีก แต่แค่กลุ่มนี้เห็นค่าสินค้าของเราก็ดีใจ ตอนนี้ทำมา 5 ปี ส่งไป 7 ประเทศแล้ว ส่วนในไทยก็อาศัยคนที่ใช้แล้วชอบช่วยบอกต่อ ซึ่งก็เป็นโชคดีเพราะเราไม่อยากลงทุนจ้างนู่นนี่ให้ต้นทุนสูงขึ้น”

แปรพักตร์กลับมาเป็นคนรักสมุนไพร

“หลังทำแบรนด์นี้ แนวคิดเรื่องสมุนไพรของจอมเปลี่ยนไปเยอะมาก เมื่อก่อนติดเคาน์เตอร์แบรนด์ แม่พลิกฉลากแล้วก็จะบอกว่าตัวนี้ไม่ดีนะ ตัวนี้ก่อมะเร็ง ตัวนี้อันตราย แต่เราไม่สนใจเพราะคนเขาใช้กันทั่ว แต่พอมาทำอันนี้เลยต้องศึกษา ทุกอย่างที่เขาเคยพูดย้อนกลับมาหมดเลย เราก็เลิกใช้เคมีไปโดยปริยาย

“เวลาเราเห็นหมาข้างทางเป็นโรค ถ้ามีโอกาสเราก็อยากทำอะไรสักอย่าง เห็นหมาแมวหน้าบ้านป่วยก็เอาสเปรย์ของเราไปไล่ฉีด ขอให้มันหาย อะไรแบ่งปันได้ก็อยากแบ่ง ในส่วนของธุรกิจเราก็อยากทำให้มันยังมีสินค้าที่ใช้ได้ผล ไม่ต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ได้ แต่ให้ได้บ้างก็ยังดี

“บางทีคนจะกังวลกับสินค้าที่ใช้กับตัวเองว่าจะแพ้ไหม แต่ก็ไม่ค่อยใส่ใจว่ามันธรรมชาติจริงหรือเปล่า ด้วยความที่ Bozzi เป็นสินค้าสัตว์เลี้ยง พอซื้อให้หมาแมวใช้แล้วได้ผล อย่างน้อยเขาก็ได้เห็นด้วยตาตัวเองว่าธรรมชาติมันมีส่วนดี ถ้าเขาใช้เองก็น่าจะดีนะ เราเชื่อว่าคนยุคนี้กลับมาสู่สามัญและอะไรที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น แปลกที่การแพทย์เราเจริญขึ้น หมอเยอะขึ้น แต่สุขภาพกลับแย่ลง เราก็จะคอยเป็นกระบอกเสียงเล็กๆ ค่อยๆ ให้ข้อมูลกับคนที่มาซื้อสินค้าเรา”

ถ้าให้เลือกสินค้ามาแนะนำหนึ่งอย่างจะเลือกอะไรดี

“แชมพูสูตร Signature แล้วกัน สูตรนี้สารพัดประโยชน์เพราะช่วยเรื่องปัญหาผิวหนังผดผื่นคัน ช่วยให้ขนนุ่มโดยไม่ต้องใช้ครีมนวด ลดกลิ่นตัว ป้องกันเห็บหมัด แล้วก็เป็นจุดเริ่มต้นของสูตรอื่นๆ ด้วย”

ผลิตภัณฑ์จาก Bozzi มีให้ซื้อหาที่เว็บไซต์ Blue Basket ตะกร้าสุขภาพของคนช่างเลือก แหล่งรวมสินค้าเพื่อสุขภาพ ถ้าชอบใจ ติดตามเนื้อหาเกี่ยวกับผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าเพื่อสุขภาพน่าสนใจอย่างนี้ได้ทุกวันพุธที่ 1 และ 3 ของทุกเดือน ที่คอลัมน์ Blue Basket นะ : )

ขอบคุณสถานที่ถ่ายภาพ (และน้องเหมียวน่ารัก) : ร้าน Indicat Café

ภาพ ชนพัฒน์ เศรษฐโสรัถ

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ชนพัฒน์ เศรษฐโสรัถ

ช่างภาพนิตยสาร a day ที่เพิ่งมีพ็อกเก็ตบุ๊กเล่มใหม่ชื่อ view • finder ออกไปเจอบอลติก ซื้อสิ ไปซื้อ เฮ่!