แบงก์ ธนาคาร : แมวเด็กข้างถนนที่เปลี่ยนคนเก็บได้ให้กลายเป็นทาส

ในทางพุทธศาสนา การได้เจอ ‘ใครสักคน’ ถือว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นเพราะเคยได้ทำอะไรร่วมกันมาไม่ว่าในชาติไหนๆ ฉันเลยกลับมาคิดถึงเรื่องของตัวเองว่า ถ้าอย่างนั้นการที่ฉันได้เจอ ‘ใครสักแมว’ ก็คงไม่บังเอิญเหมือนกันสินะ

สองปีก่อนฉันเจอลูกแมวตัวหนึ่งกลางถนน มันตกจากใต้ท้องรถกระบะแล้ววิ่งหนีขึ้นฟุตปาธมาด้วยความกลัวและตกใจ ถ้าฉันเลือกปล่อยให้มันมีชีวิตข้างถนนไปตามยถากรรมแล้วเดินจากมา ทุกอย่างก็คงจบแค่นั้น

แต่ฉันดันอุ้มมันขึ้นมา!

ยังไม่รู้หรอกว่าต้องทำยังไง แค่คิดว่าคงต้องทำอะไรสักอย่าง โถ ก็ไอ้ที่อุ้มขึ้นมามันตาแป๋วซะขนาดนี้ แล้วซนเกาะรถหลงมาจากไหนก็ไม่รู้ แถวนี้ต้องไม่ใช่บ้านของมันแน่นอน

สัตวแพทย์หน้าตาตื่นเล็กน้อยเมื่อได้ยินฉันที่เพิ่งผลุนผลันเข้ามาในคลินิกพูดว่า

“เพิ่งเก็บได้เมื่อกี้ค่ะ ฝากคุณหมอไว้แป๊บหนึ่งนะคะ เดี๋ยวจะมารับค่ะ”

เพราะไม่มีอะไรการันตีคำพูดนี้ของคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนได้ ฉันจึงพยายามส่งสายตาที่แสดงถึงความจริงใจ…ได้ผลแฮะ คุณหมอพยักหน้ารับคำ และยินยอมรับลูกแมวตัวเล็กมอมแมมไปจากมือฉัน ที่จะเอามาฝากก็คือไอ้ตัวนี้นี่แหละ ก่อนเดินออกจากคลินิกฉันย้ำอีกครั้งให้คุณหมออุ่นใจว่าจะไม่โดนหลอกตอนบ่ายๆ ว่า “จะรีบกลับมารับนะคะ”

จากคลินิกสัตว์ฉันเดินเข้าไปในตลาดแถวๆ นั้นเพื่อหาซื้ออะไรสักอย่างสำหรับใส่แมว พอดีได้ตะกร้าพลาสติกหูหิ้วมีฝาปิดมาใบหนึ่ง ตะกร้าใบน้อยสีเขียวดูสบายตา แต่ฉันชักเริ่มไม่สบายใจ นี่กำลังทำอะไรอยู่ จะเอาลูกแมวไปไหน เอาไปให้ใครเลี้ยง หรือฉันต้องเลี้ยงเอง ไม่สิ ภารกิจชีวิตฉันไม่เหมาะจะเลี้ยงอะไรเลย แต่มันก็น่าสงสารเกินกว่าจะปล่อยทิ้งไว้ที่เดิมโดยไม่เหลียวแล

ฉันเดินถือตะกร้าถามตอบกับตัวเองวกไปวนมา ยังคิดไม่ออกว่าจะเอายังไงดี อ้าว ขาพาเดินกลับมาถึงคลินิกซะแล้ว เปิดประตูเข้าไปทั้งสัตวแพทย์และผู้ช่วยดีใจมากกับการปรากฏตัวเป็นครั้งที่สองของฉัน คุณผู้ช่วยบอกว่า “กำลังคุยกันว่าพี่จะกลับมารับแมวหรือเปล่า กลัวจะเอาแมวมาทิ้งไว้” ระหว่างที่ฉันขอตัวออกไปซื้อตะกร้าเมื่อกี้คงจะเครียดกันน่าดูเลยสิ…ซอรี่นะ

กลับมารอบนี้ได้เห็นเจ้าเหมียวตัวดีชัดขึ้น ไอ้หมอนี่เป็นแมวตัวผู้ สีส้ม ผอมแห้ง ตัวนิดเดียว แต่แขนขายาวเก้งก้าง หูโต ตาแฉะช้ำ ใบหน้ามีแต่สะเก็ดแผลเต็มไปหมด บอกได้ว่าการใช้ชีวิตแต่ละวันของมันคงลำบากน่าดู สภาพจัดเต็มเบอร์ใหญ่แบบไม่เสียชื่อแมวจรจัดเลยสักนิด เด่นสุดคงเป็นหางที่กุดสั้น ถ้าไม่พิการมาแต่เกิดก็คงไปโดนอะไรหนีบจนหักงอ เห็นแล้วเวทนาหนักเข้าไปอีก ถ้าปล่อยไว้ที่เดิมไม่ป่วยตายก็น่าจะตายเพราะรถเหยียบ ชีวิตของลูกแมวตัวนี้น่าจะมีตัวเลือกแค่สองทางนี้เท่านั้น

คุณหมอคาดว่าอายุน่าจะประมาณสองเดือน ฉันขอให้จัดวัคซีนสำหรับลูกแมวแบบครบเซตเผื่อประกาศหาบ้านได้พรุ่งนี้มะรืนนี้เจ้าของใหม่จะได้ไม่เป็นภาระมากนัก ได้ยาหยอดแก้ตาแฉะสำหรับเช้า-เย็นมาด้วย เรียบร้อยแล้วฉันก็หิ้วตะกร้าเขียวใส่แมวขึ้นรถกลับบ้าน อดกังวลไม่ได้ว่าพ่อแม่จะเปิดใจรับเด็กใหม่หรือเปล่า แต่เอาน่า มันก็แค่ชั่วคราวเท่านั้นแหละ เดี๋ยวก็คงหาบ้านได้

ถึงจะแอบเครียดนิดหน่อยแต่ระหว่างทางกลับบ้านฉันยังมีกะใจคิดจะตั้งชื่อให้แมว โอ้ย ชื่ออะไรดีเนี่ย ส้ม เสือ เฮงเฮง นำโชค ไอ้เงิน ไอ้ทอง อืม เจอกันบนถนนหน้าธนาคารก็น่าจะมีอะไรให้ระลึกถึงกันหน่อย แต่คิดไปคิดมาก็เริ่มสิ้นคิด งั้นชื่อ ‘แบงก์’ ก็แล้วกัน ‘Bank-ธนาคาร’ โอเค ลงตัว เดี๋ยวได้เจ้าของใหม่ก็ค่อยให้เขาไปเปลี่ยนชื่อกันเอง ตอนนี้เอาชื่อชั่วคราวไปก่อน

ฉันเดินเข้าบ้านแทบไม่ต้องบอกพ่อแม่เลยว่าหิ้วอะไรติดไม้ติดมือมาด้วย เพราะเจ้าแบงก์แหกปากร้องโหวกเหวกมาตั้งแต่ประตูรั้ว ฉันพยายามทำทุกอย่างให้เป็นเรื่องปกติเหมือนซื้อส้มตำคอหมูย่างกลับมาฝากแม่ “เก็บลูกแมวข้างถนนมาค่ะ ฉีดวัคซีนเรียบร้อยแล้ว” พูดแล้วก็กลั้นใจรอฟังการตอบรับ เพราะงานนี้ไม่ได้ขออนุญาตล่วงหน้า นี่คือการจู่โจมพ่อแม่แบบไม่ทันตั้งตัว แต่ก็นั่นแหละ แค่ชั่วคราวเท่านั้น บอกแล้วไงว่าเดี๋ยวก็ได้บ้าน อาบน้ำแต่งตัวหน่อยเดียวขี้คร้านจะมีคนแย่งกันรับเลี้ยง

ชีวิตนี้ยังไม่เคยเห็นคนที่บ้านชอบแมว ถ้าเป็นหมายังพอว่า แต่ฉันคงประมาทในพลังลึกลับของสัตว์ที่คิดจะครองโลกชนิดนี้มากไป เพราะพอเปิดตะกร้าไอ้ตัวแสบก็ออกมาเดินทั่วบ้านทันที ปีนขึ้นไปนั่งบนตักพ่อ เอาตัวไปถูขาแม่ นั่นไง มันเริ่มปฏิบัติการหลอกเหยื่อให้ตายใจจนกลายเป็นทาส จากนั้นคงเริ่มยึดบ้าน และก็ใช่จริงๆ เพราะไม่มีการปฏิเสธจากพ่อ ส่วนแม่ก็เริ่มไปค้นผ้าขนหนูเก่าๆ มาให้ “คืนนี้นอนตรงนี้นะลูก ปูผ้าหน่อยหนูจะได้อุ่นๆ”

หันมามองตัวเอง ฉันคือทาสระดับต่ำสุดที่ต้องออกไปซื้ออาหารแมวเด็ก นมแพะ ถาดใส่ข้าวใส่น้ำ ปลอกคอ ทรายแมวสำหรับอึฉี่ จังหวะนั้นกระบะใส่ทรายที่จะใช้เป็นห้องน้ำแมวหาไม่ได้ฉันก็คว้ากะละมังพลาสติกมาแก้ขัดไปก่อน แค่นี้ก็หรูแล้ว ยังคิดอยู่ว่าเดี๋ยวหาเจ้าของใหม่ได้อุปกรณ์พวกนี้จะยกให้เขาไปทั้งหมดพร้อมแมวเลย

แต่คำว่า ‘เดี๋ยว’ ของฉันดูจะไม่มีความหมาย ประกาศหาบ้านให้แบงก์อยู่แค่ไม่กี่วันก็ต้องล้มเลิก เพราะนอกจากจะไม่มีวี่แววว่าใครจะรับเลี้ยงแล้วแม่ก็ยังบอกว่า “คงต้องเลี้ยงเองแล้วแหละ ไม่มีใครรับเลย สงสารมัน” ส่วนเพื่อนฝูงก็กล่อมให้ฉันเลี้ยงเองด้วยเหตุผลว่า เป็นพรหมลิขิตที่ทำให้ได้เจอกัน ว่าเข้าไปนั่น

และเพราะแบงก์เป็นสิ่งมีชีวิต แบงก์มีหัวใจ การได้อยู่ในบ้านที่อบอุ่น มีคนรักคนเอ็นดู มีข้าวกิน มีที่นอน เวลาผ่านไปความผูกพันระหว่างคนกับแมวก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น ถ้าจะให้ย้ายไปอยู่บ้านใหม่แบงก์ก็คงไม่อยากไปเหมือนกัน ส่วนฉันหลังจากที่มีแบงก์ชีวิตก็เปลี่ยนไปบ้าง กลางวันทำงาน กลางคืนต้องถ่างตามาเป็นเพื่อนเล่นไล่จับกัน แมวเด็กนี่ซนบรรลัย ทำข้าวของเสียหายไปเยอะ แต่ก็ไม่มีใครโกรธหรือลงโทษ นางทาสอย่างฉันแค่ก้มหน้าก้มตาเก็บกวาดไป อ่อ หน้าที่ตักทรายเก็บอึเก็บฉี่ก็ไม่พ้นฉัน ชีวิตทาสระดับต่ำสุดก็ต้องเป็นแบบนี้แหละ ห้ามบ่น

เรื่อยมาถึงวันนี้สองปีแล้วที่มีทั้งเรื่องสนุกและไม่สนุกของแบงก์เกิดขึ้นทุกวัน แบงก์มีฉันเป็นแม่ พ่อแม่ฉันกลายเป็นตาและยาย นี่คือหลานชายคนเดียวของบ้านที่รักตายายเหลือเกิน นอนซบตากับยายได้ทุกวัน ค่อยๆ ขยายขนาดตัวจนใหญ่โตผิดหูผิดตา หน้าตาหูหัวสะอาดสะอ้านอ้วนฟู รู้ภาษา รู้จักชื่อตัวเอง กลางวันหลับนิ่งสนิทเหมือนแมวตาย หลังเที่ยงคืนดีดสะบัดเหมือนแมวผี ตีหนึ่งตีสองเวลาดีจะมาเกาประตูชวนไปเล่นด้วยกันเสมอ แม่สะเทือนใจตรงนี้ค่ะลูก

ขอให้แบงก์แข็งแรงและมีชีวิตอยู่กันไปนานๆ เท่าที่อยากอยู่ก็แล้วกัน ทำยังไงได้…ก็เรารู้จักกันแล้วนี่นา.

AUTHOR