โลกสวย โลกเถื่อน โลกแคบ โลกกว้าง : ธรรมดาโลก

หากพูดถึงนักบันทึกการเดินทาง เรานึกถึง ‘นิ้วกลม’ สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ เจ้าของหนังสือการเดินทาง ‘หิมาลัยไม่มีจริง’ และ วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล นักเดินทางสายแอดเวนเจอร์ผู้ผจญ ‘เถื่อนแปด’

เราอยากคุยกับนักเดินทาง แต่ทั้งคู่กินกันไม่ลงในหัวของเรา คารมของพวกเขาทั้งคมคายและน่าคุย เราจึงจับทั้งคู่มาคุยด้วยกันดีกว่า จากแค่คิดสนุกกลับกลายเป็นความพึงใจ ทั้งนิ้วกลมและวรรณสิงห์เป็นนักมวยรุ่นเดียวกัน ต่างกันที่ท่าไม้ตายหรือท่าถนัด พวกเขาเดินทางด้วยทัศนคติที่ต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เรารู้สึกได้จากการเดินทางผ่านบทสนทนาของทั้งคู่ คือการเติบโตผ่านประสบการณ์ที่พวกเขาได้พบเห็นจากที่ต่างๆ

เป็นนักเดินทางทั้งคู่ถ้าให้เดินทางด้วยกันคิดว่าจะเข้ากันได้ไหม

นิ้วกลม : ผมว่าไม่น่าจะเข้ากันได้ สิงห์เป็นคนผจญภัยมากกว่า ผมเป็นคนชอบออกไปแสวงหาสิ่งกระตุ้นให้หัวใจตื่นเต้น ผมอาจจะเคยเป็นแบบนั้นตอนเด็กกว่านี้ หนุ่มกว่านี้ มุมที่ผมเป็นอาจจะใกล้เคียง พื้นที่ชีวิต มากกว่า เถื่อนฯ เพราะ พื้นที่ชีวิต มันเดินทางไปเพื่อค้นหาข้างใน มันเป็นการเดินทางที่เอาข้างนอกมาปะทะกับข้างใน ผมสนใจอะไรที่เกี่ยวกับปรัชญา ศาสนา ความเชื่ออะไรทำนองนี้

วรรณสิงห์ : จริงอย่างที่พี่เอ๋บอกครับ ผมเป็นคนรักการผจญภัยแล้วก็เป็นแง่ที่ตัวเองชอบด้วย ผมรู้สึกว่าหลายคนพอโตขึ้นก็ปล่อยให้ความเป็นเด็กผู้ชายของตัวเองตายลงไป แต่ผมรู้สึกว่ามันไม่เคยหายไปไหนแล้วก็ยินดีจะตอบสนอง need ของตัวเองตรงนี้ไปจนแก่ แต่นั่นคือแรงผลักดันในการเดินทางแค่ด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งคือการค้นหาภายในเช่นกัน แต่ผมมักจะไม่ตั้งมันเป็นเป้าหมาย ผมจะให้มันเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ ในหลายครั้งหรือบางครั้งเกิดขึ้นหลังจากการเดินทางครั้งนั้นผ่านไปแล้วหลายปี เรื่องเหล่านั้นก็ยังสะท้อนกลับมาในหัวได้สิ่งที่เราตั้งใจจะทำในทุกการเดินทางโดยเฉพาะอย่างยิ่งใน เถื่อน Travel คือการพยายามเข้าใจแง่มุมของโลกและมนุษยชาติที่เข้าถึงได้ยากและเข้าใจได้ยาก เป็นแง่ที่ไม่ค่อยมีใครไปสำรวจกัน

แปลว่าคุณนิ้วกลมจะไม่ไปวิ่งหลบระเบิดที่อัฟกานิสถานกับคุณสิงห์แน่ๆ

นิ้วกลม : จริงๆ มุมนี้ผมก็คล้ายที่สิงห์บอกนะ ทุกคนมีเด็กผู้ชายในตัว ผมว่ามุมนี้มันก็ยังต้องมีอยู่ครับ ถ้าให้ไปเองหรือไปกับเพื่อนผมคิดว่าผมอาจจะไปได้นะ แต่ไปกับสิงห์อะ…อาจจะไม่ได้

มองว่าการเดินทางจำเป็นกับความเข้าใจชีวิตขนาดไหนคิดไหมว่าคนบางคนอยู่ที่เดิมตลอดชีวิตเขาก็อาจจะเข้าใจชีวิตได้เหมือนกัน

นิ้วกลม : ผมว่าคนที่ไม่เดินทางมีอยู่เยอะเลยฮะ ตอนที่ไปหิมาลัยก็เจอคุณลุงคนหนึ่งซึ่งแกก็อยู่บนเขาไม่เคยลงมาจากเขาเลย ตอนนี้อายุหกสิบกว่าปี ผมเชื่อเสมอว่าคนเรามันเดินทางข้างในทุกคน ชีวิตมันพาประสบการณ์มาเจอเรา เราไม่ต้องเอาตัวเองไปเจอประสบการณ์ก็ได้ เพียงแต่การเดินทางมันอาจจะตอบสนองส่วนลึกอะไรบางอย่าง ผมว่าคนมันมีข้อสงสัยอยู่แล้ว ผมเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง เขาบอกว่ามนุษย์เนี่ยโดยตำแหน่งของดวงตามันติดไว้แล้วมันมองไปข้างหน้ามันจะมีคำถามตลอดเวลาว่าสุดสายตาที่เราเห็นน่ะมันเป็นอะไร ซึ่งน่าจะเป็นแรงผลักที่ทำให้เราเดินออกไปหาคำตอบ อีกอย่างหนึ่งที่คิดว่าอาจจะมีผลคือด้วยเทคโนโลยียุคใหม่มันยากที่คนจะไม่ตั้งคำถามว่าในโลกใบนี้มันมีอะไรอีก เพราะสิ่งต่างๆ ที่เราไม่เคยรู้จักไหลผ่านตาเราไปตลอดเวลา ผมคิดว่าความจริงในส่วนลึกของคนนั้นจะเดินทางหรือไม่เดินทางมันก็เดินทางภายในอยู่แล้ว แต่การที่เราจะเรียนรู้คนอื่นแล้วก็อยู่ด้วยกันอย่างเข้าใจเขามากขึ้น บางครั้งเราอาจจำเป็นจะต้องเข้าไปใกล้เขามากขึ้น เพราะแค่เราดูเขาจากระยะไกลบางทีเราอาจจะตัดสินเขาด้วยอะไรบางอย่างที่มันตื้นเขินเกินไปก็ได้

วรรณสิงห์ : จากที่เดินทางมาผมพบว่าคนส่วนใหญ่บนโลกไม่ได้เดินทางนะฮะ แล้วมันก็เป็นเรื่องธรรมดามากที่คนแทบทุกคนบนโลกนี้จะมีชีวิตเป็นรูทีนอยู่ในที่เดิม มีความถูก-ผิดที่ชัดเจนมีเซ็ตความคิดเดิมๆ ที่ถูก reinforce เข้าไปในหัวเขาอยู่เรื่อยๆ แล้วก็ได้เห็นว่าการโหยหาความถูกต้องเป็นเรื่องปกติมากของมนุษย์ ได้เห็นว่าการตัดสินคนอื่นโดยวัดจากเซ็ตความคิดที่เขามีก็เป็นสิ่งที่ปกติมาก ถ้าเป็นช่วงที่ผมตัดสินเยอะๆ ผมก็จะบอกพวกโลกแคบเหมือนกับที่เขาว่าเราโลกสวย เราก็บอกพวกนี้โลกแคบ แต่ว่าพอเราโตมาเราก็เห็นว่านี่คือธรรมชาติมนุษย์ส่วนใหญ่โลกมันหมุนไปด้วยคนที่ทำอะไรซ้ำๆ ทุกวัน อยู่ในกรอบความคิดที่เซ็ตไว้ การไปคาดหวังว่าเขาจะต้องเป็นอะไรที่กว้างกว่านั้นหรือมากกว่านั้นมันก็เป็นเรื่องไม่สมจริงไปอีก ทำให้หลังๆ ผมไม่รู้สึกมีปัญหากับกระบวนการตัดสินอย่างนี้ เพราะรู้ว่า เออ มันเป็นเช่นนั้นแล มนุษย์เป็นอย่างไรก็จะเป็นอย่างนั้นไปตลอดอยู่แล้ว อย่างไรโลกก็จะเป็นอย่างที่มันเป็น เพราะฉะนั้นถ้าเราจะ make a difference เราจะทำให้เวิร์กได้อย่างไรใน framework ที่คนส่วนใหญ่เป็นอย่างนี้ เพราะเราไม่สามารถคาดหวังให้มนุษย์เป็นอะไรมากกว่าหรือน้อยกว่านี้ได้ แต่ว่าเวลาเรากระตุ้นสังคม ผมก็จะพยายามดูว่าเราจะใช้ประโยชน์กับการที่คนเป็นอย่างนี้ได้อย่างไรบ้าง

นิ้วกลม : พวกปล่อยวาง

วรรณสิงห์ : เออโลกสวย

นิ้วกลม : ไม่สนใจบ้านเมือง

วรรณสิงห์ : โดนมาเยอะ เจ็บสิ (หัวเราะ)

ภาพ คเชนทร์ วงศ์แหลมทอง

อยากอ่านบทสัมภาษณ์เต็มๆ สั่งซื้อ a day 207 ได้ในลิงก์นี้เลย

AUTHOR