วิกฤตโควิด-19 ได้สร้างผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงในมิติที่หลากหลาย รวมถึงการใช้ชีวิตของผู้คนทั่วโลก ประเด็น ‘พื้นที่อยู่อาศัย’ นับเป็นประเด็นแรกๆ ที่ถูกหยิบยกมาพูดคุยและชวนมองไปข้างหน้าในฐานะกุญแจสำคัญที่ช่วยเสริมความปลอดภัยและความสบายกายสบายใจให้กับมนุษย์
ด้วยวิถีชีวิตที่ต้อง work from home เป็นนิจ ต้องใส่ใจเรื่องความสะอาดของทุกสิ่งที่อาจสัมผัสเป็นพิเศษ หรือการไม่ลืมสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาเหมือนเป็นอวัยวะที่ 33 เมื่ออยู่ในพื้นที่สาธารณะ ประเด็นเหล่านี้ล้วนเป็นจุดเชื่อมโยงของการตั้งคำถามและการเชื่อมโยงประเด็นสำคัญระหว่าง ‘การใช้ชีวิตบริบทใหม่’ และ ‘ความปลอดภัย’ ที่ทุกบริษัทอสังหาริมทรัพย์ต้องตีให้แตก
วันนี้เราได้ไปขอคำแนะนำจาก คุณมิ่ง–วิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด ว่าการออกแบบที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัย สบายกาย และสบายใจ ในยุค next normal แบบนี้ต้องทำยังไงบ้าง
ว่าแล้วก็มาดูแนวคิดเบื้องหลังการสร้างพื้นที่อยู่อาศัยร่วมกันในบริบทโลก next normal กัน
เคล็ดลับที่ 1 : ยึดหลัก social distancing สร้างระยะปลอดภัย สบายใจ เป็นส่วนตัว
ตอนนี้ผู้คนทั่วโลกต่างต้องเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตร่วมกันแบบมีระยะห่างกับผู้อื่นและสังคมแวดล้อม การออกแบบพื้นที่ที่เอื้อให้เกิด social distancing จึงเป็นเรื่องสำคัญ
วิทการได้ยกตัวอย่างแนวคิดการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางภายในโครงการคอนโดมิเนียมเครือเอพีที่มีการรีดีไซน์หรือเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าสนใจว่า co-working space พื้นที่ส่วนกลางที่มีเสน่ห์ของการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันของผู้ใช้งาน ในเวลานี้แนวคิดออกแบบได้นำมาสู่การปรับบริบทใหม่ เอื้อให้เกิดระยะที่พอเหมาะของความเป็นส่วนตัวในพื้นที่ส่วนกลางที่มากขึ้น พร้อมรองรับการใช้งานจริงได้อย่างหลากหลาย อย่าง Private Co-working Space ที่แยกสัดส่วนภายในและภายนอกชัดเจน การนำหลักออกแบบ Cross Seating Plan การวางผังเฟอร์นิเจอร์แบบสับระหว่างไม่ให้มีการใกล้ชิดและเผชิญหน้าแบบ face to face มากเกินไป รวมทั้ง Individual Co-Coon พื้นที่สำหรับการทำงานที่เป็นส่วนตัวพร้อมรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์อย่างครบครัน
การออกแบบโดยยึดหลัก social distancing ที่ปลอดภัยนี้ไม่ใช่หลักที่ใช้แค่เฉพาะล็อบบี้หรือโซนที่นั่งเท่านั้น แม้กระทั่งพื้นที่ส่วนกลางอย่างฟิตเนสก็ต้องนำหลักนี้ไปใช้ออกแบบเช่นเดียวกัน
เคล็ดลับที่ 2 : ส่งความสุขให้มากขึ้นด้วย ‘อากาศสะอาด’
คุณภาพอากาศเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คนกรุงเทพฯ ต้องปวดหัวไม่น้อยในหลายปีให้หลัง เนื่องจากปัญหา PM2.5 และปัญหาไวรัส การระบายอากาศอย่างเหมาะสมของที่อยู่อาศัยกลายเป็นอีกเรื่องที่เราต้องให้ความสำคัญและเรียนรู้ที่จะแก้ไขปัญหานี้อย่างยั่งยืน
เริ่มจากสิ่งสำคัญสิ่งแรก นั่นคือการออกแบบด้วยหลักการระบายอากาศแบบ Ventilation Design เพื่อให้เกิดการระบายอากาศภายในล็อบบี้ที่มีเพดานสูงมากกว่า 4.5 เมตร หรือการนำนวัตกรรม AP Corridor Window หน้าต่างที่สามารถถ่ายเทอากาศได้ตามธรรมชาติ ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย เสริมให้คุณภาพอากาศบริเวณโถงทางเดินชั้นพักอาศัยดีขึ้น อีกทั้งยังระบายความร้อนและกลิ่นไม่พึงประสงค์ออก เหมาะกับสภาพอากาศของประเทศไทยที่มีความร้อนและความชื้นอยู่สูง
นอกจากนี้พื้นที่ปิดอย่างลิฟต์โดยสารหรือโถงลิฟต์ก็ใช้เทคโนโลยี Plasma Cluster ที่ช่วยฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ ปราศจากแบคทีเรีย ไวรัส และฝุ่นตัวร้ายอย่าง PM2.5
ขณะเดียวกันเรื่องการใช้สีก็ควรใช้สีที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง Ultra-Low VOCs Paint หรือสีไร้สารพิษในโครงการ เพิ่มความเชื่อมั่นในคุณภาพความสะอาดของอากาศแก่ผู้อยู่อาศัย เป็นการการันตีว่าผู้อยู่อาศัยสามารถอยู่ได้อย่างสบายใจและสบายกายกันมากขึ้น
เคล็ดลับที่ 3 : การบริหารพื้นที่ส่วนกลางที่ดีช่วยให้มีชัยไปกว่าครึ่ง
นอกจากการดีไซน์ที่ช่วยยกระดับการอยู่อาศัยของลูกค้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในยุค next normal แล้ว หากขาดการจัดการที่ดีหรือการบริหารนิติบุคคลที่ดี ความทุ่มเททุกอย่างที่ทีมทำไปคงแสดงผลไม่ได้เต็มร้อย ดังนั้นการสร้างสังคมที่เชื่อถือได้ทั้งในแง่การบริการและความปลอดภัยจึงเป็นจุดขายและสิ่งสำคัญของโครงการนี้ไม่แพ้หลักการข้ออื่น
แน่นอนว่าปัจจัยแรกที่จะสร้างความเชื่อมั่นของผู้อยู่อาศัยได้ต้องเป็นเรื่องความสะอาด การออกแบบและการจัดการของโครงการควรใส่ใจกับการใช้ Anti-Bacterial Film ฟิล์มที่ฆ่าเชื้อโรคเองได้ตามจุดสัมผัส อย่างบริเวณจุดกดลิฟต์และมือจับประตูต่างๆ รวมถึงการตั้งจุดบริการเจลแอลกอฮอล์เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจและดูแลตัวเองเรื่องความปลอดภัยจากเชื้อไวรัสในปัจจุบัน
ถึงหลายคนมองว่าการบริหารพื้นที่ส่วนกลางให้ดีเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย แต่แท้จริงแล้วเป็นเรื่องที่ท้าทายไม่น้อยอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะในโครงการที่มีพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ ทีมนิติบุคคลจำเป็นต้องถูกฝึกให้ตอบสนองความต้องการวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปของผู้อยู่อาศัยให้ครอบคลุม
เคล็ดลับที่ 4 : เพิ่มความสะดวกด้วยเทคโนโลยี
ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวไกลและการมาถึงของโควิด-19 ทำให้หลายวงการเรียนรู้ที่จะประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อให้เกิดประโยชน์ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยสูงสุด วงการอสังหาริมทรัพย์ก็เช่นเดียวกัน
อย่างในแนวคิดนี้บริษัทเอพีได้นำเอา SMART WORLD PLATFORM ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยทุกคนให้ง่ายและทันโลกมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือนเมื่อมีพัสดุจากการช้อปปิ้งออนไลน์มาส่ง การแจ้งข่าวสารที่สำคัญจากส่วนกลางของโครงการ วิธีนี้จะช่วยบริหารคุณภาพชีวิตหลังการเข้าอยู่อาศัยเข้ามาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกสบายในการอยู่อาศัย
จะเห็นได้จากเคล็ดลับทั้ง 4 ข้อนี้ เอพีมุ่งมั่นตั้งใจที่จะสร้างที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตแบบ next normal เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกสบายใจและปลอดภัยมากที่สุด
โดยการออกแบบแนว The Future of Longevity Design ที่สอดคล้องกับ next normal ลักษณะนี้ได้ถูกปรับใช้ในโครงการ ‘LIFE อโศก-พระราม 9’ เป็นที่แรกไปแล้วเรียบร้อย สิ่งที่น่าจับตามองคือโครงการนี้มีขนาดใหญ่ที่สุดในรอบ 29 ปีของเอพีเลยทีเดียว และต่อจากนี้จะเริ่มมีการประยุกต์ใช้กับอีกหลายโครงการในอนาคต เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยให้แฮปปี้และมีประสิทธิภาพสูงสุด เรียกว่าให้ทุกคนสามารถใช้เวลาอยู่บ้านและคอนโดได้ 24 ชั่วโมง โดยไร้ความกังวล
ใครที่สนใจอยากศึกษาหาที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ความสะอาดและความสุขในการอยู่ยุค next normal นี้ ติดต่อขอรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/2Nj4CQP
