01
THE SWEDISH
NUMBER
THE SWEDISH
TOURIST ASSOCIATION
INGO Stockholm,
SWEDEN
นี่คืองานโฆษณาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยุโรปในรอบปีที่ผ่านมา
งานนี้คว้ามาได้ถึง 4 กรังปรีซ์จากหมวดDirect,
Moblie, PR และ Promo & Activation การท่องเที่ยวสวีเดนไม่อยากโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวเป็นแห่งๆ
แต่ต้องการโปรโมทสวีเดนในภาพรวม โดยจุดขายที่อยากหยิบขึ้นมาชูก็คือ
คุณค่าในตัวของชาวสวีเดน ซึ่งก็คือ ‘ความคิด’ ที่เปิดกว้างในการแสดงความคิดเห็น เมื่อปี 1766 สวีเดนเป็นประเทศแรกในโลกที่ออกกฎหมายยกเลิกการเซนเซอร์
สวีเดนจึงถือว่าเป็นดินแดนแห่ง ‘free speech’ 250 ปีต่อมา
การท่องเที่ยวสวีเดนก็เลยเปิดหมายเลขโทรศัพท์ของประเทศขึ้นมา เมื่อมีคนต่างชาติโทรเข้ามาจะสุ่มไปที่เบอร์ของชาวสวีเดนที่เข้าร่วมโครงการ
จากนั้นก็เชิญพูดคุยหรือแลกเปลี่ยนความเห็นกันได้ตามชอบใจ โครงการนี้รับสมัคร Telephone
Ambassadors ด้วยการให้ดาวน์โหลดแอพแล้วเข้าไปลงทะเบียน
ถ้าช่วงไหนไม่อยากคุยก็ปิดระบบได้ผ่านแอพ มีชาวสวีเดนสมัครเข้ามากว่า 32,000
คน และมีคนต่างชาติจาก 194 ประเทศ
โทรเข้ามาพูดคุยเกือบ 200,000 สาย สายที่คุยกันยาวนานที่สุด
คุยกันเกือบ 5 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ถึงแคมเปญนี้จะไม่ได้ทำให้เรารู้ว่าสวีเดนมีอะไรน่าเที่ยว
แต่ก็ทำให้เรารับรู้ว่าชาวสวีเดนนั้นน่ารัก และน่าเดินทางไปเยี่ยมพวกเขาเป็นที่สุด
02
DOT.
THE FIRST BRAILLE SMARTWATCH
DOT
INCORPORATION
SERVICEPLAN
Munich, GERMANY
งานชิ้นนี้คว้ากรังปรีซ์มาได้
2 ตัว จากหมวด Healthcare และ Innovation
และโกลด์จากอีกหลายหมวด งานนี้เป็นความคิดสร้างสรรค์ที่โดดเด่นในฟากของการออกแบบและนวัตกรรม
DOT เป็น smartwatch เรือนแรกในโลกที่แสดงผลบนหน้าจอเป็นอักษรเบรลล์
และเมื่อ smartwatch เรือนนี้เชื่อมต่อกับ smartphone
ผ่านบลูทูธ
ก็เหมือนผู้พิการทางสายตาได้เชื่อมต่อกับโลกทั้งใบบนหน้าปัดนาฬิกา
เพราะมันไม่ได้ทำหน้าที่แค่บอกเวลา
แต่ยังแสดงข้อความทั้งหลายที่เข้ามาทางโทรศัพท์มือถือ บอกทางได้ รับสายโทรศัพท์ได้
ใช้เป็นรีโมทก็ได้ DOT พัฒนานาฬิกาของพวกเขาร่วมกับ Google
Uber สถาบันสอนภาษาเบรลล์ทั่วโลก แล้วก็ยังเปิดช่องให้ Developer
ร่วมพัฒนาแอพที่ใช้งานร่วมกันได้อย่างง่ายๆ สิ่งที่ลงตัวที่สุดของการออกแบบชิ้นนี้ก็คือ
เมื่อเทียบกับอุปกรณ์ดิจิทัลระบบอักษรเบรล์ที่มีอยู่ DOT มีขนาดเล็กลง
น้ำหนักน้อยลง และราคาถูกกว่าเกือบ 10 เท่า วางขายในราคา 290
เหรียญสหรัฐเท่านั้น
03
PARALYMPICS
‘WE’RE THE SUPERHUMANS’ (DIR. DOUGAL WILSON)
CHANNEL
4
4 creative
London, UNITED KINGDOM
BLINK
PRODUCTIONS London, UNITED KINGDOM
การคว้ากรังปรีซ์มาได้ทั้งหมวด
Film และ Film Craft ทำให้หนังโฆษณาเรื่องนี้นั่งแท่นนั่งโฆษณาที่ดีที่สุดของยุโรปในรอบปีอย่างเป็นเอกฉันท์
ความท้าทายของงานนี้ก็คือ Channel 4 เจ้าของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดกีฬาพาราลิมปิก
เคยทำหนังโฆษณาเรื่อง Meet the Superhumansเมื่อปี 2012
เอาไว้แบบขึ้นชั้นหนังโฆษณาที่ดีที่สุดตลอดกาลเรื่องหนึ่งของโลก
คราวนั้นหนังเล่าว่า คนพิการนั้นไม่ใช่คนที่ดูแลตัวเองไม่ได้
แต่เป็นยอดมนุษย์แห่งวงการกีฬาที่ไม่แตกต่างจากนักกีฬาปกติเลย เมื่อ Channel
4 ต้องกลับมาทำงานบนโจทย์เดิมอีกครั้งจึงน่าสนใจว่าเขาจะข้ามผ่านความสำเร็จเดิมไปได้ยังไง
แต่หนังเรื่อง We’re The Superhumans ก็ทำสำเร็จ
หนังเรื่องนี้ไม่ได้พูดแค่คนพิการกับความสามารถด้านกีฬาเหมือนเดิม แต่ขยายไปเล่าถึงคนพิการที่ทำสิ่งต่างๆ
ที่น่าทึ่งอีกมากมาย หนังเรื่องนี้ใช้นักแสดงซึ่งเป็นคนพิการกว่า 140 คนจากทั่วโลก และเพลงประกอบก็ใช้เพลง Yes I Can ของ Sammy
Davis Jr. ซึ่งบันทึกเสียงใหม่โดยนักดนตรีพิการ
เห็นการข้ามขีดจำกัดของคนพิการในหนังเรื่องนี้แล้วก็อยากรู้เลยว่า อีก 4 ปี ข้างหน้า Channel 4 จะทำหนังโฆษณาให้ดีกว่าเรื่องนี้ได้ยังไง
04
YOU WILL NEVER
WALK ALONE
DCA MINE ACTION
GREAT GUNS
London, UNITED KINGDOM
หนังเรื่องนี้เริ่มต้นด้วยภาพของลูกบอลที่หลากหลาย
และเพลง You’ll never walk alone ซึ่งเป็นเพลงที่แฟนบอลหลายสโมสรทั่วโลกร้องกันเป็นประจำ
ดูเหมือนว่าโฆษณาเรื่องนี้จะพูดถึงความงดงามของเกมฟุตบอล
แต่แล้วเรื่องก็มาหักมุมตรงที่… ดูเองดีกว่า
05
DACIA FAMILY
PROJECT
DACIA
PUBLICIS ITALY
Milan, ITALY
Dacia เป็นแบรนด์รถยนต์ที่เป็นสปอนเซอร์ประจำทีมอูดิเนเซ่
ในกัลโช่เซเรียอา ของอิตาลี
ทุกปีพวกเขาจะมีแคมเปญโฆษณาซึ่งเล่นกับสปอนเซอร์บนหน้าอกเสื้อของทีมอูดิเนเซ่ที่คิดนอกกรอบสุดๆ
ออกมาให้ฮือฮาตลอด ปีนี้ก็เช่นกัน Dacia เป็นแบรนด์รถครอบครัวราคาประหยัด
ดังนั้น Dacia จึงสนับสนุนให้แฟนบอลของทีมอูดิเนเซ่มีครอบครัว
พวกเขาแจกชุดตรวจการตั้งครรภ์ให้กับแฟนบอล ถ้าใครตรวจแล้วพบว่าตั้งครรภ์
จะมีแถบสีดำขึ้น 2 ขีด (ตรงกับเสื้อลายขาวดำของทีม)
หลังจากที่แฟนบอลที่ตั้งครรภ์เข้าไปลงทะเบียน
ก็จะมีการคัดเลือกเพื่อเชิญแฟนบอลที่ท้องและสามีเข้ามาชมเกมในสนามซึ่งจัดที่นั่งไว้เป็นพิเศษให้กับ
ว่าที่แฟนบอลของทีมที่กำลังจะเกิดมา
แล้วสนามของทีมก็ยังมีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่เพื่อให้เป็นมิตรกับครอบครัว
เด็กเล็กๆ จะได้เข้ามาชมเกมได้ นอกจากคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์จำนวน 100 คน จะได้นั่งชมเกมบนอัฒจันทร์แล้ว คุณแม่อีก 20 คนก็ยังได้ทำหน้าที่เป็นตัวนำโชคเดินลงสนามพร้อมนักฟุตบอลทั้งสองทีม
ซึ่งความน่ารักที่สุดของแคมเปญนี้ก็คือเสื้อของทีมอูดิเนเซ่ที่คุณแม่ใส่
06
THE DNA JOURNEY
MOMONDO
& CO.
Copenhagen, DENMARK
ไม่น่าเชื่อว่านี่โฆษณาของเว็บเสิร์ชข้อมูลท่องเที่ยว
เพราะเรื่องราวมันช่างยิ่งใหญ่ไปไกลกว่าการให้ข้อมูลท่องเที่ยวหลายร้อยเท่า
เว็บไซต์ให้ข้อมูลท่องเที่ยวทั่วไปมักอยากให้คนออกเดินทางสำรวจโลกแบบเปิดใจ
ซึ่งเป็นสิ่งที่พูดง่ายแต่ทำยาก ผลสำรวจบอกว่า คน 48% บอกว่าตัวเองยอมรับกับวัฒนธรรมอื่นได้น้อยลง
Momondo วางจุดยืนของตัวเองว่าไม่ใช่แค่เว็บให้ข้อมูลท่องเที่ยว
แต่ยังต่อสู้การแบ่งแยกดินแดน อคติ และการอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยของตัวเอง
ซึ่งสิ่งเหล่านี้กำลังแบ่งแยกคนและวัฒนธรรมในโลกให้แยกออกจากกัน Momondo ก็เลยตั้งโจทย์ใหม่ เขาอยากให้เกิดการเดินทางที่ไม่ต้องคิดว่าอยากไปไหน
แต่ให้ DNA ของเราเป็นคนพาเราไปเอง
ก็เลยเชิญคนจากทั่วโลกมาพูดเรื่องสัญชาติของตัวเอง
ว่าเขามองตัวเองและคนอื่นอย่างไร จากนั้นก็ตรวจ DNA เพื่อหาว่า
บรรพบุรุษของเราเมื่อ 500-2,000 ปี มาจากที่ไหน
ผลที่ออกมาทำให้วิดีโอตัวนี้กลายเป็นไวรัลที่ฮือฮาไปทั่วโลก
จนทำให้เว็บไซต์แห่งนี้ดังตามไปด้วย พร้อมกับการส่งสารที่ยิ่งใหญ่มากว่า นี่แหละ
การเดินทางที่จะได้เห็นคุณค่าที่แท้จริงของการเดินทาง
07
MA PLACE EST
DANS LA SALLE
PRODISS
FRED & FARID
PARIS, FRANCE
วันที่ 13 พ.ย. 2015 ปารีสโดนผู้ก่อการร้ายถล่ม
ชาวปารีสผู้ซึ่งเคยเข้าโรงละครเพื่อชมละคร บัลเล่ต์ ดนตรี ตลก กันเป็นเรื่องปกติ
รู้สึกหวาดกลัวกับการเข้าไปชมมหรสพ ส่งผลให้ยอดผู้ชมลดลงถึง 80% เหล่าศิลปินในวงการทุกแขนงก็เลยรวมตัวกันส่งสารถึงผู้ชม
ด้วยการใส่ข้อความว่า Ma place est dans la salle (My Place is at the
show) ลงไปในโปสเตอร์ของการแสดง 150 โชว์
ที่จะแสดงพร้อมกันในวันที่ 18 ธ.ค.
เพื่อทำให้ผู้ชมก้าวข้ามผ่านความกลัว เข้ามาในโรงละครอีกครั้ง
โดยได้ร้บความร่วมมือจากเหล่าเซเล็บอีกมากมายท่ีช่วยกันโปรโมทแคมเปญนี้
สุดท้ายตั๋วของทุกโชว์ในวันนั้นก็ขายหมด และผู้ชมก็ได้กลับเข้าสู่โรงละครอีกครั้ง
08
THE MAN ON THE
MOON
JOHN LEWIS
ADAM&EVEDDB
London, UNITED KINGDOM
ทุกคริสต์มาส
ห้างสรรพสินค้า John Lewis จะปล่อยหนังโฆษณาที่แสนจะอิ่มอวลไปด้วยความสุขออกมาให้ชมกันเสมอ
หนังในปี 2015 ก็ยังคงรักษามาตรฐานและความฮือฮาได้เช่นเดิม
หนังเรื่องนี้เริ่มต้นจากข้อมูลที่ว่า ในแต่ละปีมีคนแก่ในสหราชอาณาจักรกว่า 1
ล้านคน ที่ไม่ได้ติดต่อพูดคุยกับใครเลยเป็นเวลา 2 เดือน John Lewis ก็เลยจับมือกับองค์กร Age
UK ทำหนังเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อพูดถึงความเหงาของคนแก่
โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลคริสต์มาส สิ่งที่ต่างจากหนังเรื่องก่อนๆ ก็คือ
คราวนี้ไม่ได้จบแค่หนัง แต่ยังมีแคมเปญอื่นๆ ตามมาด้วย จนได้รับเงินบริจาคกว่า 2
แสนปอนด์ มีองค์กรธุรกิจอื่นๆ เข้ามาร่วมช่วยด้วย
และได้อาสาสมัครไปช่วยงานถึงกว่า 12,000 คน
แล้วหนังเรื่องนี้ก็อาจจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ในปี 2015 John Lewis มียอดขายในช่วงคริสต์มาสสูงที่สุด
ครบเครื่องขนาดนี้แคมเปญนี้ก็เลยคว้ากรังปรีซ์ในหมวด Intregrated ไปครอบครอง
09
HOME FOR
CHRISTMAS
EDEKA
JUNG von MATT
Hamburg, GERMANY
เป็นเรื่องบังเอิญที่ทางฝั่งเยอรมนี
ก็มีหนังโฆษณาคล้ายๆ กัน ของซูเปอร์มาร์เก็ต EDEKA ซึ่งพูดในประเด็นคล้ายๆ
กันว่า ในช่วงคริสต์มาสคนแก่มักอยู่อย่างโดดเดี่ยว เลยชวนทุกคนให้กลับไปใช้เวลากับครอบครัว
แต่ไม่ได้เป็นหนังที่สวยใสเหมือน John Lewis ถึงจะเป็นหนังหม่นๆ
แต่ก็ได้ใจผู้คนมากมาย
และเพลงประกอบหนังเรื่องนี้ก็ขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่งในเยอรมนีเชียวนะ
10
JUSTINO
CHRISTMAS
LOTTERY
LEO BURNETT Madrid,
SPAIN
ถ้าเทียบกันแค่ตัวหนัง
สื่อหลายสำนักลงความเห็นตรงกันว่า ปี 2015 John Lewis ได้สูญเสียตำแหน่งหนังคริสต์มาสที่ดีที่สุดให้กับหนังเรื่อง
Justinoหนังเรื่องนี้เป็นของสำนักงานสลากกินแบ่งสเปน
ที่มาพร้อมกับข้อมูลอินไซต์ที่ว่า สิ่งที่พนักงานบริษัททุกบริษัทในสเปนทำร่วมกันในช่วงคริสต์มาสก็คือ
การซื้อสลากกินแบ่งงวดคริสต์มาสร่วมกัน แล้วก็มาจบลงตรงไอเดียที่ว่า
รางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการได้แบ่งปัน
ซึ่งก็หมายถึงการได้ทำกิจกรรมร่วมกันในช่วงคริสต์มาสนั่นเอง
หนังเรื่องนี้พูดถึงชีวิตของ Justino ยามกะดึกของโรงงานหุ่น
ที่ไม่มีเพื่อนร่วมงานเลยสักคน แต่เขาก็พยายามสร้างความสุขให้กับคนอื่น
หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จขนาดที่มีคนไปตามอินสตาแกรมและเฟซบุ๊กของ Justino
กว่าแสนคน เพื่อดูว่าแต่ละคืนคุณลุงทำงานอะไรบ้าง
ไอเดียการทำอินสตาแกรมให้พระเอกของเรืื่องนั้นไม่แปลกเท่าไหร่
แต่การเปิดเพจโรงงานหุ่นในเรื่องราวกับว่าเป็นโรงงานที่มีอยู่จริงๆ นี่สุดมาก
ที่แปลกกว่านั้นก็คือ คนก็ตามไปไลก์กันเพียบ
รับรองเลยว่านี่จะเป็นหนังที่ดูได้รอบแล้วรอบเล่าโดยไม่เบื่อแน่นอน
อย่าลืมตามไปดู 10 งานโฆษณาคิดนอกกรอบที่สุดในยุโรปประจำปี 2016