สุดท้ายแล้วการแต่งงานคืออะไร ‘A World of Married Couple’ ซีรีส์ที่เล่าความไม่สมบูรณ์แบบของชีวิตคู่

Highlights

  • A World of Married Couple คือซีรีส์เกาหลีใต้ 16 ตอนจบที่ฉายทางช่อง JTBC รีเมคจากซีรีส์อังกฤษ Doctor Foster ของช่อง BBC และปรับให้เข้ากับบริบทของเกาหลีได้อย่างลงตัว ด้วยเรื่องราวที่แสนเข้มข้น รุนแรง และสมจริง ทำให้ต้องจัดเรตผู้ชม 19+ เกือบทั้งเรื่อง พร้อมกับทะยานสู่ซีรีส์ที่เรตติ้งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของเกาหลีใต้
  • ว่าด้วยเรื่องราวความสัมพันธ์ของคู่สมรสที่ดูเพียบพร้อมสมบูรณ์แบบของแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวกับสามีผู้กำกับหนัง ทั้งคู่มีลูกชาย 1 คน แต่แล้ววันหนึ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อภรรยาจับได้ว่าสามีนอกใจ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของวงจรการแก้แค้นที่ไม่สิ้นสุด
  • นอกจากเล่าเรื่องความสัมพันธ์ของชีวิตคู่สมรสและครอบครัวได้ดีแล้ว ซีรีส์เรื่องนี้ยังสะท้อนวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่และปัญหาการกีดกันทางเพศที่ผู้หญิงเอเชียเจอ

ฉันเริ่มสนใจ A World of Married Couple อย่างจริงจังก็ตอนที่ซีรีส์เรื่องนี้ฉายมาถึงอีพีที่ 5-6 แล้ว ในแฮชแท็กทวิตเตอร์มักมีคนมาแสดงความเห็นทำนองว่ากดดันทุกอีพี ดูไปลุ้นไปอินไปจนอยากรู้แล้วว่าสุดท้ายตัวละครเอกจะมีความสุขได้จริงไหม

อีกเหตุผลที่ทำให้ฉันตัดสินใจดูเรื่องนี้เพราะตอนนั้นคิดไปเองว่าน่าจะเป็นซีรีส์ผัว-เมียแซ่บๆ จิตๆ คงได้เห็นฝ่ายหญิงลุกขึ้นมาแก้แค้นสามีที่นอกใจไปมีเมียน้อย จนไม่ใครก็ใครต้องล่มสลายไปข้าง

แต่หลังจากที่ดูไปเรื่อยๆ ฉันกลับพบว่าผิดคาด เพราะไม่ว่าใครก็ตามต่างเจ็บปวดกับหนทางที่ตนเลือก

A World of Married Couple คือซีรีส์เกาหลีใต้ที่ฉายทางช่อง JTBC รีเมคจากซีรีส์อังกฤษ Doctor Foster ของช่อง BBC และปรับให้เข้ากับบริบทของเกาหลีได้อย่างลงตัว ด้วยเรื่องราวที่แสนเข้มข้น รุนแรง และสมจริง ทำให้ต้องจัดเรตผู้ชม 19+ เกือบทั้งเรื่อง ซึ่งนั่นทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ได้รับความนิยมและมีกระแสพูดถึงอย่างต่อเนื่องบนโลกออนไลน์ ถึงขนาดทำลายสถิติ Sky Castle ที่ฉายในช่องเดียวกันเมื่อปี 2018 ไปแล้วเรียบร้อย

แม้ว่าฉันจะไม่เคยมีชีวิตคู่นานๆ หรือแต่งงานมาก่อน จึงทำให้อาจไม่เข้าใจการกระทำของตัวละครในเรื่องได้ดีเท่าคนที่เคยมีประสบการณ์แต่งงาน แต่การได้เห็นความสัมพันธ์ของพ่อแม่ที่ไม่ลงรอยกันตั้งแต่จำความได้ วันนี้ผลักไสไล่ส่ง พูดจาว่าร้ายกัน วันต่อมากลับมาบอกรักและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่นทำให้ฉันพอเข้าใจความผุพังและความอัปลักษณ์ของชีวิตหลังสมรสของ Ji Sun-woo และ Lee Tae-oh ได้บ้าง

 

ชีวิตแต่งงานจบ แต่ความสัมพันธ์ไม่จบ

A World of Married Couple มีทั้งหมด 16 อีพี ว่าด้วยเรื่องราวความสัมพันธ์ของคู่สมรสที่ดูเพียบพร้อมสมบูรณ์แบบของจี ซอนอู (Kim Hee-ae) แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว กับอี แทโอ (Park Hae-joon) ผู้กำกับหนัง ทั้งคู่มีลูกชาย 1 คนชื่อ Lee Joon-young (Jeon Jin-seo) แต่แล้ววันหนึ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อจี ซอนอู จับได้ว่าสามีนอกใจ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของวงจรการแก้แค้นที่ไม่สิ้นสุด

ถ้าคุณกำลังนึกถึงละครไทยหลังข่าวที่เมียน้อยเมียหลวงกรี๊ดๆ แว้ดๆ ฟูมฟาย ตบกัน โดยที่ฝั่งผู้ชายลอยตัวไม่ต้องรับกรรม ฉันอยากให้คุณลบภาพนั้นทิ้งไปก่อน เพราะแก่นหลักของซีรีส์เรื่องนี้อยู่ที่ผู้หญิง พวกเธอต่อสู้โดยใช้สิทธิและกฎหมายเพื่อรักษาสถานะของครอบครัวเอาไว้ไม่ให้พังทลาย โดยแทบไม่เกี่ยวข้องกับตัวผู้ชายเลย ซึ่งนั่นถือเป็นการแหกขนบซีรีส์แนวนี้ของเอเชียมากทีเดียว

แน่นอนว่าตัวละครในเรื่องอาจทำให้คุณเหนื่อยหน่าย รำคาญ หรือไม่ชอบ แต่ในขณะเดียวกันพวกเธอและเขาก็มีอีกมุมที่น่าเห็นใจจนอยากเอาใจช่วย ไม่มีใครที่ดำสนิทหรือขาวสว่างไปหมด แม้แต่ตัวหมอจี ซอนอู ที่รับบทผู้ถูกกระทำในตอนแรกก็ตาม ความเทาๆ นี่เองที่ทำให้เราคิดว่าซีรีส์เรื่องนี้มี ‘ความเป็นมนุษย์’ มากเหลือเกิน

ระหว่างที่ดูมีหลายครั้งที่ฉันไม่อยากดูต่อเพราะมันช่างแสน ‘จริง’ ในความสัมพันธ์ ทำไมไม่ตัดความสัมพันธ์ให้ขาดเสียที ทำไมยังติดต่อกันอยู่ได้ ทำไมยังต้องกลับมาวนเวียนกันอยู่นั่น ราวกับดูละครน้ำเน่าที่ฉายวนซ้ำๆ แม้จะรู้ตอนจบอยู่เต็มอก

ใช่ ถ้าเป็นแค่คู่รักมันคงจบไปนานแล้ว แต่เมื่อไรก็ตามที่กลายเป็นคู่สมรส แม้การแต่งงานจะจบสิ้นไป แต่ความสัมพันธ์หลังจากนั้นไม่มีทางจบลงง่ายๆ แน่นอน ซึ่งคู่ของจี ซอนอู และอี แทโอ คือตัวอย่างชั้นดีเชียวล่ะ

 

ผู้หญิง ผู้ชาย และความเป็นธรรม

อีกหนึ่งจุดที่ฉันประทับใจและรู้สึกรีเลตมากๆ คือการที่ซีรีส์นำบทออริจินอลมาเรียบเรียงใหม่ให้เข้ากับบริบทสังคมเกาหลี โดยเฉพาะประเด็นผู้หญิงในสังคมชายเป็นใหญ่และความไม่เท่าเทียมทางเพศ

เรื่องนี้ผู้หญิงต้องต่อสู้อย่างหนัก ตั้งแต่พื้นที่ครอบครัว ที่ทำงาน ไปจนถึงสังคม เห็นได้จากหมอจี ซอนอู ที่เมื่อตัดสินใจหย่าร้าง เธอกับลูกกลับต้องเผชิญกับความไม่เป็นธรรม การนินทาต่อว่า และปัญหาที่ตามมาอีกมากมาย หรือแม้แต่ตัวละคร Yerim เองก็ต้องคอยปล่อยผ่านสิ่งที่สามีทำเพื่อรักษาหน้าและประคับประคองครอบครัวให้ไปต่อได้ ขณะเดียวกันตัวละครหมอซอลก็ต้องเจอกับการกีดกันด้านหน้าที่การงานเพียงเพราะเธอเป็นหญิงโสด

ทว่าตัวละครชายในเรื่องกลับลอยตัว ทั้งยังใช้ชีวิตต่อไปด้วยดี แม้จะเป็นผู้กระทำผิดแต่ก็ได้รับการแก้ต่างจากสังคมรอบข้างด้วยวาทกรรมเดิมๆ ว่า ‘ผู้ชายก็แบบนี้แหละ’ เสมอมา

หากให้ฉันเลือกตัวละครชายที่สะท้อน toxic masculinity ได้ชัดเจนที่สุด คงหนีไม่พ้นอี แทโอ

ไม่ว่าจะคำพูดคำจาที่บอกว่าเขารักผู้หญิงทั้งสองคนในเวลาเดียวกัน ไม่อยากให้พวกเธอมาเรียกร้องจนเกินขอบเขต แต่ก่อนหน้านั้นตัวเองกลับใช้เงินที่ภรรยาหามาอย่างเหน็ดเหนื่อยไปกับการซื้อของปรนเปรอเมียน้อยอย่างไม่สำนึกผิด ทั้งยังโกหกหน้าด้านๆ กับคำถามตรงๆ จากจี ซอนอู ว่าคุณนอกใจฉันใช่ไหม

พอถึงคราวตัวเองต้องเจอกับความเจ็บปวดบ้างก็มาโทษคนนั้นคนนี้ หยิบยกเอาความเป็นชายมาแก้ต่างให้ตัวเองจนฉันโกรธมากแทบทนฟังไม่ไหว เพราะรู้อยู่เต็มอกว่านี่ไม่ใช่แค่ไดอะล็อกในซีรีส์อย่างเดียว ในโลกแห่งความเป็นจริงฉันก็เคยเจอผู้ชายหลายคนที่ให้เหตุผลด้วยชุดความคิดนี้เวลาตัวเองนอกใจคนรักไปหาเศษหาเลยข้างนอก แต่พอผู้หญิงทำบ้างกลับแปะป้ายให้เธอเป็นผู้หญิงไม่ดี

นี่คือความไม่เป็นธรรมทางเพศที่ผู้หญิงเจอตลอดมา และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะจบลง ในเมื่อสังคมเอเชียยังยึดถือค่านิยมร่วมผิดๆ อย่างระบบชายเป็นใหญ่ กดผู้หญิงให้รู้สึกว่าต้องพึ่งพาผู้ชายอยู่ตลอด

 

เหยื่อของปัญหาครอบครัวไม่ได้มีแค่ผัวเมีย

นอกจาก A World of Married Couple จะเล่าเรื่องความสัมพันธ์ของคู่สมรสได้ดีแล้ว ซีรีส์ยังเล่าประเด็นครอบครัวได้ดีไม่แพ้กัน เห็นได้จากบุคลิกลูกชายของจี ซอนอู กับอี แทโอ

ด้วยความที่อี จุนยอง ยังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ บวกกับได้รับการเลี้ยงดูอย่างตามอกตามใจเพราะพ่อแม่ไม่ค่อยมีเวลาให้ เมื่อเขาต้องประสบกับเหตุการณ์แตกหักของผู้ปกครองที่ตัวเองไม่ได้มีส่วนผิดอะไร ทำให้เด็กชายวัยแรกรุ่นอย่างเขาสติแตกจนทำร้ายจิตใจคนเป็นแม่ไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

ช่วงแรกสารภาพว่าฉันรำคาญตัวละครนี้มากเพราะดูเป็นเด็กที่ไม่ฟังเหตุผล เห็นแก่ตัว และเรียกร้องความสนใจอย่างที่สุด แต่เมื่อได้เห็นการกระทำของพ่อแม่ที่แก้แค้นกันไปมา เดี๋ยวรักเดี๋ยวเกลียดจนฉันที่เป็นคนดูยังเหนื่อยหน่าย เด็กที่ยังไม่เคยเจอประสบการณ์แบบนี้ก็คงสับสน ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน หนำซ้ำเวลามีปัญหาก็ไม่รู้จะหันไปหาใคร เพราะคนที่น่าจะพึ่งพิงได้กลับผูกใจอยู่กับปัญหาของตัวเองไปหมด

นี่จึงทำให้ฉันย้อนกลับมาคิดว่าคงไม่แฟร์นักหากจะบอกว่าที่อี จุนยอง เป็นแบบนี้เพราะเขานิสัยไม่ดีอยู่แล้ว ถ้าลองสืบสาวกลับไปที่การเลี้ยงดูและพฤติกรรมของพ่อแม่ที่ไม่เด็ดขาดชัดเจนสักหน่อย ฉันคิดว่าเหตุผลนี้มีส่วนไม่น้อยในการหล่อหลอมให้เขาเป็นแบบที่เห็น

ลองจินตนาการเล่นๆ ว่าถ้าจี ซอนอู ไม่พยายามกันตัวอี จุนยอง ให้ออกจากปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่แบกรับเรื่องราวทั้งหมดไว้คนเดียว รวมถึงแชร์สถานการณ์ให้เขาได้ทราบบ้าง หลายๆ ความปวดร้าวที่เกิดขึ้นอาจเบาบางลงกว่านี้ หรืออาจไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้

แต่เพราะฉันไม่เคยแต่งงาน ไม่เคยเป็นแม่คน ไม่เคยต้องประสบชะตากรรมแบบเธอ การจะมาคิดหรือตัดสินใจแทนแล้วบอกว่าวิธีการไหนดีกว่าคงดูมักง่ายไปหน่อย

ก็ได้แต่หวังว่าหากมีวันหนึ่งที่เจอเหตุการณ์แบบนั้น ฉันจะก้าวข้ามผ่านมันไปได้และเจ็บปวดน้อยที่สุด

เพราะวันหนึ่งการแต่งงานที่เราเฝ้าทะนุถนอมอย่างสุดชีวิตอาจกลายเป็นฝุ่นผงที่รังแต่จะพัดเข้าตาให้ระคายเคืองไม่จบสิ้น เหมือนที่จี ซอนอู พูดในตอนท้ายว่า

“มันไร้ค่าขนาดนั้นเลยล่ะ ทั้งที่น่าจะเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่มหาศาล”

AUTHOR