เมื่อตำนานสยองมาจากเรื่องจริง ‘Lore’ ซีรีส์ตีแผ่ประวัติศาสตร์หลอนของเรื่องลึกลับระดับโลก

ในปี 1836 Sarah Hart หญิงสาวผู้พักอยู่ในรัฐคอนเนตทิกัต ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ต้อนรับ Mary หลานสาววัย 12 ปี เข้ามาอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน Lore

แมรีเป็นเด็กกำพร้าเพราะพ่อแม่เสียชีวิตไปหมดแล้ว เธอจึงมีแค่ซาราห์คอยดูแล หลายปีผ่านไปทั้งคู่สนิทกันมากจนเหมือนมีความคิดจิตใจเดียวกัน

เช้าวันหนึ่ง ขณะทั้งคู่กำลังทำงานบ้าน แมรีก็ล้มลง

ตอนแรกซาราห์คิดว่าหลานสาวของเธอแค่เป็นลม แต่…เธอหยุดหายใจ

แม้จะไม่เชื่อว่าหลานสาวจะมาด่วนจากไปตอนอายุยังน้อย แต่ซาราห์ก็จำใจต้องฝังแมรีในวันต่อมา และในคืนนั้นเธอฝันร้าย ซาราห์เห็นภาพแมรีตะกุยตะกายอยู่ในโลงศพ แล้วกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งให้ช่วย

ซาราห์เชื่อว่านี่ไม่ใช่แค่ฝัน เธอจึงขอให้ทางโบสถ์ขุดหลุมศพแมรีขึ้นมา ไม่มีใครเชื่อหญิงสาวจนกระทั่งเปิดโลงออกมาแล้วพบกับเรื่องน่าตกใจ

Lore
Amazon Prime

ร่างไร้วิญญาณของแมรีลืมตา ใบหน้าของเธอเหมือนใบหน้าของคนที่เผชิญกับความตายอันสยดสยอง เล็บฉีกขาด เต็มไปด้วยเลือด ฝาโลงด้านในถูกตะกุยและทิ้งร่องรอยแห่งความทรมานไว้

ถูกฝังทั้งเป็นว่าน่ากลัวแล้ว แต่ที่น่ากลัวกว่าคือการตายแล้วฟื้นขึ้นมาในโลงศพลึกใต้ดิน และตระหนักว่ายังไงก็ไม่มีทางรอด

นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงกับแมรี ฮาร์ต ในวันที่ 16 ตุลาคม 1872 และเป็นหนึ่งในเคสการ ‘ฝังแต่ไม่ตาย’ จากหลายเคสในอดีต โดยเฉพาะในช่วงปีที่เกิดโรคระบาดใหญ่ คนตายเป็นเบือ มีข่าวลือว่าเมื่อตกดึกคนที่ตายไปแล้วจะฟื้นขึ้นมาเพื่อเอาชีวิตคนในครอบครัวให้ตายตาม จนเกิดวิธีการที่ชาวบ้านในนิวอิงแลนด์เชื่อว่าการจะหยุดคำสาป (โรคระบาด) นั้น ต้องหา ‘ศพเดินได้’ ให้เจอ ควักหัวใจมาเผา นำขี้เถ้ามาทำเป็นเครื่องดื่มเพื่อรักษาโรคร้าย

วิธีการนี้เป็นแรงบันดาลใจให้ Bram Stoker นักเขียนดัง สร้างตัวละครผีดูดเลือดที่เรารู้จักกันดีอย่าง Dracula

Amazon Prime

ยินดีต้อนรับสู่วงเล่าเรื่องผีรอบกองไฟ Lore

Lore เล่าเรื่องราวทำนองเดียวกับที่ว่ามา โดยเจาะลึกไปยังตำนานลึกลับ เรื่องประหลาด หรือปรากฏการณ์สุดหลอนในอดีต ซึ่งยังถูกกล่าวขวัญถึงในปัจจุบัน ก่อนหน้านี้ Lore เคยเป็นพ็อดแคสต์ดังของ Aaron Mahnke ชายหนุ่มนักเล่าเรื่องผู้ชอบเสพตำนานสยองเป็นชีวิตจิตใจ ในแต่ละสัปดาห์แมห์นคีจะมาพร้อมธีมหลักของตอนที่เรียบง่ายแต่น่าสนใจ เช่น มนุษย์หมาป่า ตุ๊กตา คนทรง หรือที่ยกตัวอย่างไปอย่างแวมไพร์

พ็อดแคสต์ชุดนี้ได้รับความนิยมในหมู่คนฟังมากจนติดชาร์ต Best of iTunes ปี 2015-2016 เพราะการดำเนินเรื่องของแมห์นคีที่เล่าอย่างค่อยเป็นค่อยไป หากเร้าอารมณ์จนทำให้อยากติดตามต่อจนจบ ผู้ฟังบางคนเปรียบว่าการเล่าเรื่องของเขานั้นเหมือนการเล่าเรื่องผีรอบกองไฟ ซึ่งเป็นธรรมเนียมของวัยรุ่นอเมริกันเวลาออกค่ายเข้าป่า ถ้ายกตัวอย่างแบบบ้านเราก็คงเหมือนการตั้งวงเล่าเรื่องผี

เสน่ห์ของ Lore คือการรวบรวมหลักฐานทางประวัติศาสตร์มาช่วยเล่าเรื่อง เสมือนว่าพอมีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริงก็ทำให้คนฟังอินตามได้ไม่ยาก และบางครั้งแมห์นคียังเชื่อมเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันมาเล่าเรื่องในหัวข้อเดียวกันได้จนเราเซอร์ไพรส์

จากความสำเร็จของพ็อดแคสต์ Lore จึงถูกต่อยอดกลายเป็นหนังสือชุด The World of Lore, การ์ตูนคอมิก และซีรีส์แนวสยองขวัญแบบจบในตอน (anthology) ฉายทาง Amazon Prime ภายใต้การควบคุมการสร้างของโปรดิวเซอร์ผู้อยู่เบื้องหลัง The Walking Dead และ The X-Files รวมถึงตัวแมห์นคีย์เอง

Lore
popculthq.com

เปิดประวัติศาสตร์หลอน Lore

ในซีซั่นแรกของ Lore ฉบับซีรีส์ ทีมผู้สร้างเลือกพ็อดแคสต์ 6 ตอนฮิต อย่างผีดูดเลือด, การรักษาโรคจิต, changeling (ภูติของชาวไอร์แลนด์ที่ชอบลักพาตัวผู้คน), คนทรง, มนุษย์หมาป่า และตุ๊กตาผี มาถ่ายภาพเป็นเวอร์ชั่นภาพเคลื่อนไหว

แน่นอนว่าเวอร์ชั่นนี้ดีกว่าพ็อดแคสต์ตรงที่ไม่ต้องหลับตาแล้วจินตนาการ เพราะ Lore ไปไกลกว่าความคาดหวังของเราตรงที่มันผสมผสานทั้งการเล่าเรื่องแบบซีรีส์ที่ใช้นักแสดง แอนิเมชั่นลายเส้นสุดสะพรึง ภาพถ่ายจริงในอดีต ฟุตเทจวิดีโอและเสียงของผู้คนยุคเก่า เข้าด้วยกันอย่างลงตัว

ที่สำคัญมันคือซีรีส์ที่เราไว้ใจได้เลยว่าจะไม่มี jump scare หรือจังหวะตุ้งแช่แบบที่หนังฮอลลีวูดยุคนี้ชอบใช้ แต่ออกแนวเล่าเพลินๆ มีภาพน่ากลัวให้ยกมือขึ้นมาปิดตาบ้าง รู้ตัวอีกทีก็จบตอน แต่เรื่องเล่าเหล่านั้นยังซึมลึกจนเราเก็บไปฝัน

Lore
Amazon Prime

ไม่ได้เล่าแค่เรื่องผี แต่มีเรื่องคน

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ Lore โดดเด่นจากซีรีส์เล่าเรื่องผีรายการอื่นคือมันไม่ได้เล่าแค่เรื่องผี

ซีรีส์พาเราไปเรียนรู้สังคมกับวัฒนธรรมอันแตกต่าง เปิดโลกให้คนดูได้เห็นโลเคชั่นแปลกตาตามแต่ละตำนานจะพาไป ตอนหนึ่งที่เราชอบคือซีซั่น 1 EP.3 ‘ถุงน่องสีดำ’ เล่าเรื่องคู่สามี-ภรรยาที่ใช้ชีวิตในชนบทอันห่างไกลของประเทศไอร์แลนด์ ในสังคมนั้นเชื่อเรื่อง changeling หรือภูติผีภูเขาที่ชอบลักพาตัวคนในหมู่บ้านไปและปลอมตัวเป็นคนคนนั้นมาอยู่แทน ว่ากันว่าหากไม่สามารถทำให้พวกมันออกจากบ้านได้ใน 9 วัน ผู้โดนลักพาตัวจะหายไปตลอดกาล

Lore
Amazon Prime

นอกจากความสนุกจากการลุ้นว่าภรรยาจะโดน changeling ลักพาตัวไปจริงหรือเปล่า ซีรีส์ยังตั้งคำถามกับความงมงายและขนบความเป็นสตรีในสังคมชายเป็นใหญ่ ที่ซึ่งผู้หญิงไม่มีปากมีเสียงและทำอะไรเพื่อตัวเองไม่ได้ การลุกมาใส่ ‘ถุงน่องสีดำ’ ของภรรยาซึ่งสามีมองว่าแปลกประหลาดจนมโนไปว่านี่ไม่ใช่ภรรยาตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเธอไม่ได้ถูกภูตผีสลับตัว แค่อยากทำอะไรที่ตัวเองพึงพอใจเท่านั้น

เมื่อดูไปหลายตอน สิ่งหนึ่งที่เรามองเห็นคือแต่ละตอนมักมีตัวละครที่มีชะตากรรมอีหรอบนี้ ตกเป็นเหยื่อ ดิ้นรน สิ้นหวัง และบางครั้ง ‘คน’ ในเรื่องน่ากลัวกว่าผีเสียอีก

Lore
bleedingcool.com

“ถ้าคุณหมกมุ่นกับเรื่องเหล่านี้มากๆ เหมือนผม คุณจะจับจุดได้ว่าทำไมเราทุกคนถึงชอบเสพเรื่องน่ากลัวนัก” แมห์นคีตั้งทฤษฎีนี้ในบทสัมภาษณ์ของ Los Angeles Times

“ในทางหนึ่งผมคิดว่ามันดีนะที่เราได้รู้ว่าบางคนมีชีวิตแย่กว่าเรา มันคือเหตุผลเดียวกันกับที่เราชอบมองออกไปบนถนนตอนเกิดอุบัติเหตุรถชนนั่นแหละ ยามนั้นเราทุกคนมีความคิดว่า ‘ดีนะที่ไม่ใช่ฉัน’ ทั้งนั้น ในเวลาเดียวกันผมคิดว่าเรื่องน่ากลัวเหล่านี้ทำให้เรารู้สึกว่าเรายังมีชีวิต มันทำให้ใจเราเต้นแรง อะดรีนาลีนหลั่ง มันย้ำเตือนว่าร่างกายของเรายังทำงานได้ปกติ”

บางทีอาจเป็นอย่างที่แมห์นคีบอก เราชอบเสพเรื่องสยองขวัญเพราะมันทำให้หัวใจเต้นแรง

เรื่องของคนตายทำให้คนเป็นอย่างเรารู้สึกมีชีวิต


อ้างอิง

Los Angeles Times

1

11นอกจากความสนุกจากการลุ้นว่าภรรยาจะโดน changeling ลักพาตัวไปจริงหรือเปล่า ซีรีส์ยังตั้งคำถามกับความงมงายและขนบความเป็นสตรีในสังคมชายเป็นใหญ่ ที่ซึ่งผู้หญิงไม่มีปากมีเสียงและทำอะไรเพื่อตัวเองไม่ได้ การลุกมาใส่ ‘ถุงน่องสีดำ’ ของภรรยาซึ่งสามีมองว่าแปลกประหลาดจนมโนไปว่านี่ไม่ใช่ภรรยาตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเธอไม่ได้ถูกภูตผีสลับตัว แค่อยากทำอะไรที่ตัวเองพึงพอใจเท่านั้น

12นอกจากความสนุกจากการลุ้นว่าภรรยาจะโดน changeling ลักพาตัวไปจริงหรือเปล่า ซีรีส์ยังตั้งคำถามกับความงมงายและขนบความเป็นสตรีในสังคมชายเป็นใหญ่ ที่ซึ่งผู้หญิงไม่มีปากมีเสียงและทำอะไรเพื่อตัวเองไม่ได้ การลุกมาใส่ ‘ถุงน่องสีดำ’ ของภรรยาซึ่งสามีมองว่าแปลกประหลาดจนมโนไปว่านี่ไม่ใช่ภรรยาตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเธอไม่ได้ถูกภูตผีสลับตัว แค่อยากทำอะไรที่ตัวเองพึงพอใจเท่านั้น

13นอกจากความสนุกจากการลุ้นว่าภรรยาจะโดน changeling ลักพาตัวไปจริงหรือเปล่า ซีรีส์ยังตั้งคำถามกับความงมงายและขนบความเป็นสตรีในสังคมชายเป็นใหญ่ ที่ซึ่งผู้หญิงไม่มีปากมีเสียงและทำอะไรเพื่อตัวเองไม่ได้ การลุกมาใส่ ‘ถุงน่องสีดำ’ ของภรรยาซึ่งสามีมองว่าแปลกประหลาดจนมโนไปว่านี่ไม่ใช่ภรรยาตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเธอไม่ได้ถูกภูตผีสลับตัว แค่อยากทำอะไรที่ตัวเองพึงพอใจเท่านั้น

2

21นอกจากความสนุกจากการลุ้นว่าภรรยาจะโดน changeling ลักพาตัวไปจริงหรือเปล่า ซีรีส์ยังตั้งคำถามกับความงมงายและขนบความเป็นสตรีในสังคมชายเป็นใหญ่ ที่ซึ่งผู้หญิงไม่มีปากมีเสียงและทำอะไรเพื่อตัวเองไม่ได้ การลุกมาใส่ ‘ถุงน่องสีดำ’ ของภรรยาซึ่งสามีมองว่าแปลกประหลาดจนมโนไปว่านี่ไม่ใช่ภรรยาตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเธอไม่ได้ถูกภูตผีสลับตัว แค่อยากทำอะไรที่ตัวเองพึงพอใจเท่านั้น

22นอกจากความสนุกจากการลุ้นว่าภรรยาจะโดน changeling ลักพาตัวไปจริงหรือเปล่า ซีรีส์ยังตั้งคำถามกับความงมงายและขนบความเป็นสตรีในสังคมชายเป็นใหญ่ ที่ซึ่งผู้หญิงไม่มีปากมีเสียงและทำอะไรเพื่อตัวเองไม่ได้ การลุกมาใส่ ‘ถุงน่องสีดำ’ ของภรรยาซึ่งสามีมองว่าแปลกประหลาดจนมโนไปว่านี่ไม่ใช่ภรรยาตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเธอไม่ได้ถูกภูตผีสลับตัว แค่อยากทำอะไรที่ตัวเองพึงพอใจเท่านั้น

23นอกจากความสนุกจากการลุ้นว่าภรรยาจะโดน changeling ลักพาตัวไปจริงหรือเปล่า ซีรีส์ยังตั้งคำถามกับความงมงายและขนบความเป็นสตรีในสังคมชายเป็นใหญ่ ที่ซึ่งผู้หญิงไม่มีปากมีเสียงและทำอะไรเพื่อตัวเองไม่ได้ การลุกมาใส่ ‘ถุงน่องสีดำ’ ของภรรยาซึ่งสามีมองว่าแปลกประหลาดจนมโนไปว่านี่ไม่ใช่ภรรยาตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเธอไม่ได้ถูกภูตผีสลับตัว แค่อยากทำอะไรที่ตัวเองพึงพอใจเท่านั้น

3

31นอกจากความสนุกจากการลุ้นว่าภรรยาจะโดน changeling ลักพาตัวไปจริงหรือเปล่า ซีรีส์ยังตั้งคำถามกับความงมงายและขนบความเป็นสตรีในสังคมชายเป็นใหญ่ ที่ซึ่งผู้หญิงไม่มีปากมีเสียงและทำอะไรเพื่อตัวเองไม่ได้ การลุกมาใส่ ‘ถุงน่องสีดำ’ ของภรรยาซึ่งสามีมองว่าแปลกประหลาดจนมโนไปว่านี่ไม่ใช่ภรรยาตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเธอไม่ได้ถูกภูตผีสลับตัว แค่อยากทำอะไรที่ตัวเองพึงพอใจเท่านั้น

32นอกจากความสนุกจากการลุ้นว่าภรรยาจะโดน changeling ลักพาตัวไปจริงหรือเปล่า ซีรีส์ยังตั้งคำถามกับความงมงายและขนบความเป็นสตรีในสังคมชายเป็นใหญ่ ที่ซึ่งผู้หญิงไม่มีปากมีเสียงและทำอะไรเพื่อตัวเองไม่ได้ การลุกมาใส่ ‘ถุงน่องสีดำ’ ของภรรยาซึ่งสามีมองว่าแปลกประหลาดจนมโนไปว่านี่ไม่ใช่ภรรยาตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเธอไม่ได้ถูกภูตผีสลับตัว แค่อยากทำอะไรที่ตัวเองพึงพอใจเท่านั้น

33นอกจากความสนุกจากการลุ้นว่าภรรยาจะโดน changeling ลักพาตัวไปจริงหรือเปล่า ซีรีส์ยังตั้งคำถามกับความงมงายและขนบความเป็นสตรีในสังคมชายเป็นใหญ่ ที่ซึ่งผู้หญิงไม่มีปากมีเสียงและทำอะไรเพื่อตัวเองไม่ได้ การลุกมาใส่ ‘ถุงน่องสีดำ’ ของภรรยาซึ่งสามีมองว่าแปลกประหลาดจนมโนไปว่านี่ไม่ใช่ภรรยาตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเธอไม่ได้ถูกภูตผีสลับตัว แค่อยากทำอะไรที่ตัวเองพึงพอใจเท่านั้น

4

41นอกจากความสนุกจากการลุ้นว่าภรรยาจะโดน changeling ลักพาตัวไปจริงหรือเปล่า ซีรีส์ยังตั้งคำถามกับความงมงายและขนบความเป็นสตรีในสังคมชายเป็นใหญ่ ที่ซึ่งผู้หญิงไม่มีปากมีเสียงและทำอะไรเพื่อตัวเองไม่ได้ การลุกมาใส่ ‘ถุงน่องสีดำ’ ของภรรยาซึ่งสามีมองว่าแปลกประหลาดจนมโนไปว่านี่ไม่ใช่ภรรยาตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเธอไม่ได้ถูกภูตผีสลับตัว แค่อยากทำอะไรที่ตัวเองพึงพอใจเท่านั้น

42นอกจากความสนุกจากการลุ้นว่าภรรยาจะโดน changeling ลักพาตัวไปจริงหรือเปล่า ซีรีส์ยังตั้งคำถามกับความงมงายและขนบความเป็นสตรีในสังคมชายเป็นใหญ่ ที่ซึ่งผู้หญิงไม่มีปากมีเสียงและทำอะไรเพื่อตัวเองไม่ได้ การลุกมาใส่ ‘ถุงน่องสีดำ’ ของภรรยาซึ่งสามีมองว่าแปลกประหลาดจนมโนไปว่านี่ไม่ใช่ภรรยาตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเธอไม่ได้ถูกภูตผีสลับตัว แค่อยากทำอะไรที่ตัวเองพึงพอใจเท่านั้น

5

51นอกจากความสนุกจากการลุ้นว่าภรรยาจะโดน changeling ลักพาตัวไปจริงหรือเปล่า ซีรีส์ยังตั้งคำถามกับความงมงายและขนบความเป็นสตรีในสังคมชายเป็นใหญ่ ที่ซึ่งผู้หญิงไม่มีปากมีเสียงและทำอะไรเพื่อตัวเองไม่ได้ การลุกมาใส่ ‘ถุงน่องสีดำ’ ของภรรยาซึ่งสามีมองว่าแปลกประหลาดจนมโนไปว่านี่ไม่ใช่ภรรยาตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเธอไม่ได้ถูกภูตผีสลับตัว แค่อยากทำอะไรที่ตัวเองพึงพอใจเท่านั้น

52นอกจากความสนุกจากการลุ้นว่าภรรยาจะโดน changeling ลักพาตัวไปจริงหรือเปล่า ซีรีส์ยังตั้งคำถามกับความงมงายและขนบความเป็นสตรีในสังคมชายเป็นใหญ่ ที่ซึ่งผู้หญิงไม่มีปากมีเสียงและทำอะไรเพื่อตัวเองไม่ได้ การลุกมาใส่ ‘ถุงน่องสีดำ’ ของภรรยาซึ่งสามีมองว่าแปลกประหลาดจนมโนไปว่านี่ไม่ใช่ภรรยาตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเธอไม่ได้ถูกภูตผีสลับตัว แค่อยากทำอะไรที่ตัวเองพึงพอใจเท่านั้น

53นอกจากความสนุกจากการลุ้นว่าภรรยาจะโดน changeling ลักพาตัวไปจริงหรือเปล่า ซีรีส์ยังตั้งคำถามกับความงมงายและขนบความเป็นสตรีในสังคมชายเป็นใหญ่ ที่ซึ่งผู้หญิงไม่มีปากมีเสียงและทำอะไรเพื่อตัวเองไม่ได้ การลุกมาใส่ ‘ถุงน่องสีดำ’ ของภรรยาซึ่งสามีมองว่าแปลกประหลาดจนมโนไปว่านี่ไม่ใช่ภรรยาตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเธอไม่ได้ถูกภูตผีสลับตัว แค่อยากทำอะไรที่ตัวเองพึงพอใจเท่านั้น

AUTHOR