คนไทยน้อยคนนักที่จะส่ายหัวไม่รู้จัก ‘ยาหม่องตราถ้วยทอง’ เราพูดอย่างนี้ก็คงไม่เกินจริง
ว่ากันตามตรง ถ้าให้นึกถึงยาหม่อง ถ้วยทองก็เป็นชื่ออันดับแรกๆ ที่ต้องผุดขึ้นในใจ ไม่ว่ายุคสมัยเปลี่ยนผ่านแค่ไหน สโลแกน ‘ทาถู ทาถู’ และ ‘มิตรคู่เรือน เพื่อนคู่ตัว’ ก็ยังคงติดหูคนทุกรุ่นตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ และแค่พูดชื่อ เราก็จะนึกตลับยาหม่องสีส้มขนาดใหญ่กว่าเหรียญบาทนิดๆ รวมทั้งกลิ่นของสมุนไพรแสนคุ้นเคยออกแน่ๆ
น่าสนใจว่าท่ามกลางแบรนด์เก่าแก่ที่ค่อยๆ ล้มหายไปเพราะไม่ตอบโจทย์คนยุคใหม่ อะไรทำให้แบรนด์ที่อยู่มายาวนานถึง 70 ปีอย่างถ้วยทองยังอยู่ในใจคน
ว่าแล้วก็หยิบถ้วยทองประจำบ้านคุณมาทาถู ทาถูใต้จมูก สูดลมหายใจลึกๆ รับความผ่อนคลาย แล้วไปอ่านเรื่องราวของยาหม่องตลับสีส้มนี้พร้อมกัน
1
เจ้าแรกที่ใช้คำว่ายาหม่อง
หลายคนอาจไม่รู้ว่าแบรนด์ถ้วยทองเป็นคนใช้คำว่า ‘ยาหม่อง’ ที่หมายถึง ‘ขี้ผึ้งสารพัดประโยชน์’ เป็นเจ้าแรก แต่ก่อนนั้น คำว่ายาหม่องหมายถึงยาที่ไทยนำเข้ามาจากพม่าซึ่งเป็นอาณานิคมของประเทศอังกฤษ ส่งผลให้เป็นศูนย์รวมยาดีๆ ที่รักษาได้ทุกโรค เมื่อถูกนำเข้าจากพม่า คนไทยจึงนิยมเรียกติดปากว่า ‘ยาของหม่อง’
พ.ศ. 2487 ร้านขายของชำลี้เปงเฮง ที่อพยพจากจีนมาตั้งร้านอยู่ย่านตลาดพลูได้จดทะเบียนการค้ายาหม่องขี้ผึ้งสีเหลืองอ่อนในชื่อ ‘ยาหม่องตราถ้วยทอง’ โดยเริ่มปิ๊งจากไอเดียว่า ไหนๆ ขี้ผึ้งนี้ก็สามารถรักษาได้สารพัดประโยชน์เหมือนยาพม่า อย่างนั้นก็ใช้คำว่ายาหม่องไปเลยสิ และคนไทยก็คุ้นชินกับคำว่ายาหม่องมาตั้งแต่นั้น
2
ไม่ใช่ยาหม่องเจ้าแรก
ยังไงก็ดี ถ้วยทองก็ไม่ใช่คนที่ผลิตขี้ผึ้งสารพัดประโยชน์ขึ้นเป็นแบรนด์แรกเสียทีเดียว ก่อนหน้านี้มีแบรนด์ ‘ไทเกอร์บาล์ม’ จากพม่าที่นำน้ำมันสารพัดประโยชน์เข้ามาตีตลาดในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย และแบรนด์ไทยอย่าง บริษัท บริบูรณ์โอสถ จำกัด ได้ออกผลิตภัณฑ์ขี้ผึ้งมากคุณประโยชน์ในลักษณะเดียวกัน เพียงแต่ตอนนั้นใช้คำว่า ‘บาล์ม’

เมธัส ลีลารัศมี และสายฝน ลีลารัศมี ผู้บริหารรุ่นที่ 3 บริษัท ถ้วยทองโอสถ จำกัด
3
อุ่นต่งกอ
ต่อมาใน พ.ศ. 2493 ถ้วยทองได้จดทะเบียนเป็นบริษัท แต่รู้ไหมว่า ก่อนจะได้ชื่อว่ายาหม่องตราถ้วยทอง แบรนด์นี้เคยใช้ชื่อ ‘อุ่นต่งกอ’ ซึ่งเป็นภาษาจีนแปลว่า ‘ออกกำลังกาย’ มาก่อน เหตุเพราะอยากได้ชื่อที่สื่อถึงการแข่งขันและชัยชนะ แต่สุดท้าย ชื่ออุ่นต่งก่อใช้ไปแค่แป๊บเดียวก็ถูกโยนทิ้งไป สุดท้ายก็มาลงตัวที่ ‘ถ้วยทอง’ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะ สื่อความหมายสิริมงคล
4
พันธมิตรสร้างชื่อ
การตั้งชื่อถ้วยทองนี้ถือว่าตัดสินใจถูกต้อง เพราะหลังจากนั้น แบรนด์ก็กลายเป็นที่พูดถึงในหมู่คนไทยได้ทันที ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการสร้างการรับรู้มากที่สุด เห็นทีจะเป็นเพราะเจ้าของแบรนด์ถ้วยทองมีคอนเนกชั่นที่ดี กล่าวคือเพื่อนที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันอย่าง ‘ประดิษฐ์ กัลย์จาฤก’ เจ้าของฉายาราชาแห่งโลกบันเทิงผู้ให้กำเนิดบริษัทกันตนา ซึ่งตอนนั้นกำลังโด่งดังจากการทำละครวิทยุ กันตนาได้ขอให้ถ้วยทองเป็นสปอนเซอร์ละคร และประดิษฐ์ก็ได้ทำการไทอินยาหม่องตราถ้วยทองผ่านละครในสมัยนั้น
5
ทาถู ทาถู ยาหม่องตราถ้วยทอง
สโลแกนติดหูอย่างทาถู ทาถู หรือมิตรคู่เรือน เพื่อนคู่ตัว ก็เกิดจากมันสมองของประดิษฐ์เช่นกัน ก่อนหน้านั้น ยอดขายของยาหม่องตราถ้วยทองยังไม่คงที่เท่าไหร่นัก แต่หลังจากมีสโลแกนแสนติดหูนี้ออกมา ถ้วยทองก็มียอดขายขึ้นสูงปรี๊ด ติดตลาดในทันใด
6
รถฉายหนังถ้วยทอง
อีกหนึ่งกลยุทธ์ของถ้วยทองที่ทำให้หลายคนรู้จัก คือการใช้รถฉายหนัง
ราว พ.ศ. 2500 แบรนด์ยาหลากหลายเจ้าใช้วิธีการโปรโมตธุรกิจของตัวเองด้วยการจ้าง ‘รถฉายหนัง’ ไปจำหน่ายยาของตัวเองทั่วประเทศ วิธีการก็คือ จัดฉายหนังให้ชาวบ้านมาดูกันแบบฟรีๆ แล้วพักเบรกตรงช่วงไคลแมกซ์ของเรื่องเพื่อขายยา ถ้าขายไม่ได้ตามเป้าก็จะไม่ฉายต่อ ว่ากันว่าหลายแบรนด์ใช้กลยุทธ์นี้จนสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำและทำให้คนรู้จักยาของพวกเขามากขึ้นจริงๆ
ถ้วยทองเองก็เช่นกัน บริษัทมีรถฉายหนังกว่า 13 คันส่งออกไปขายยาหม่องทั่วประเทศ โดยก่อนไปจะมีการคัดเลือกหนังที่น่าจะโดนใจคนต่างจังหวัด วางแผนไปจนถึงว่าจะพักเบรกช่วงไหนเพื่อขายยาหม่องเลยทีเดียว
7
หัวใจคือความเข้าถึงง่าย
แต่ถึงแม้จะมีกลยุทธ์ช่วยผลักดันการขายและสร้างการรับรู้ในหมู่ผู้บริโภคมากเท่าไหร่ ถ้าของไม่ดีจริงก็คงไม่ทำให้ถ้วยทองขึ้นมาเป็นเจ้าตลาด
สิ่งหนึ่งที่ยาหม่องตราถ้วยทองเน้นย้ำคือความเข้าถึงง่าย ไม่ว่าจะเป็นราคา (เมื่อก่อนขายถูกสุดๆ ตลับเล็กขนาด 2 กรัมราคาแค่ครึ่งสลึงเอง) มีหลากหลายขนาดให้เลือกใช้ และที่สำคัญคือความซื่อสัตย์ที่มีต่อลูกค้า ถ้วยทองเลือกวัตถุดิบที่ดีที่สุดในตลาด แม้จะมีราคาแพง และหลายต่อหลายครั้งที่มีคู่ค้าใหม่ๆ มาเสนอวัตถุดิบราคาถูกลงเพื่อลดต้นทุน แต่ทุกครั้งถ้วยทองก็ปฏิเสธเสมอ ด้วยอยากรักษาคุณภาพในทุกตลับให้เท่ากันนั่นเอง
8
ปรับสูตรครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์
เมธัส ลีลารัศมี ทายาทรุ่นที่ 3 ที่บริหารงานถ้วยทองในขณะนี้บอกเราว่า ยอดขายมากที่สุดของถ้วยทองคือ 5 ล้านตลับต่อเดือน
ทว่าเห็นเป็นเจ้าตลาดอย่างนี้ ถ้วยทองเองก็เคยถูกยาหม่องยี่ห้ออื่นเข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาดจนเป๋ไปเหมือนกัน จากยอดขาย 5 ล้านตลับเหลือแค่หมื่นกว่าๆ เท่านั้น ถือเป็นวิกฤตครั้งใหญ่ที่ถ้วยทองต้องรีบแก้ไขด้วยการปรับสูตรครั้งใหญ่ จากที่ไม่เคยปรับมาตลอด 20 ปี
เพราะคู่แข่งในตอนนั้นขึ้นชื่อเรื่องเป็นยาหม่องที่ทาแล้วร้อนกว่า แรงกว่า ทำให้สูตรของถ้วยทองดูอ่อนไป ถ้วยทองจึงปรับสูตรใส่ตัวยาที่ทาแล้วเพิ่มความร้อนขึ้นอีกนิด แต่ไม่แสบจนเกินไป จนสุดท้ายก็สามารถกลับมาเป็นเจ้าตลาดได้เหมือนเดิม
9
บุกตลาดต่างประเทศ
อีกสิ่งหนึ่งที่หลายคนไม่รู้คือถ้วยทองบุกตลาดต่างประเทศด้วยเช่นกัน ตั้งแต่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไล่เรียงไปจนถึงโซนยุโรป โดยใช้ยาหม่องสูตรเดียวกับไทยไปจัดจำหน่าย โชคดีที่ยาหม่องไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่สำหรับต่างประเทศ และกิตติศัพท์เรื่องสมุนไพรของไทยมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ทำให้การติดต่อเพื่อจัดจำหน่ายในหลายประเทศเป็นไปได้ด้วยดี
10
ปรับตัวคือไม่ปรับตัว
พออยู่มานานๆ ถ้วยทองก็เหมือนแบรนด์เก่าแก่ทั่วไป คือมีความกลัวว่าวันหนึ่งจะหายไปจากตลาด มีพักหนึ่งที่พยายามเจาะกลุ่มตลาดวัยรุ่น โหมโปรโมตให้เป็นไอเทมของวัยใส และพบว่าเหมือนเอาแว่นสายตายาวไปให้วัยรุ่นใส่ ยังไงยาหม่องก็มีกลุ่มลูกค้าหลักคือคนอายุมากที่อยากทาแล้วเย็นสบายอยู่ดี
เมื่อคิดได้ดังนี้ ยาหม่องถ้วยทองจึงยึดหลักเดิมคือไม่พยายามเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ แต่ยังคงกลุ่มลูกค้าเดิมไว้ ในขณะเดียวกันก็โปรโมตให้คนทั่วไป โดยเฉพาะคนต่างจังหวัดได้เห็นว่าแบรนด์ไม่เคยหายไปไหน ยังเข้าถึงง่าย เป็นไอเทมที่ทุกบ้านควรมีไว้ เพราะเชื่อว่าวันหนึ่งที่เมื่อพวกเขาถึงวัยที่ต้องใช้ยาหม่อง พวกเขาก็จะนึกถึงถ้วยทองเอง
11
ยาดมตราถ้วยทอง
แต่ถึงยาหม่องจะไม่ตีตลาดกลุ่มใหม่ๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าถ้วยทองจะไม่ใช้สินค้าตัวอื่น
ก่อนหน้านี้ ตลาดยาขึ้นชื่อว่าเป็นตลาดที่โหดหินเรื่องการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ไปตีตลาดมากที่สุด คุณจะไม่มีวันรู้เลยว่าสินค้าที่ออกไปจะประสบความสำเร็จไหมจนกว่าจะผ่านไปราว 5-10 ปี มากกว่านั้น ตลาดยาทั่วไปยังเป็นตลาดที่คนมี loyalty สูง ถ้าเคยกินยายี่ห้อไหนแล้วดี จะไปเปลี่ยนคงยาก
เช่นเดียวกับยาดม ที่ก่อนหน้านี้เป็นที่รู้กันว่ามีแบรนด์ใหญ่ครองตลาดอยู่ แต่เมื่อไม่กี่ปีมานี้ มีอีกแบรนด์หนึ่งพยายามตีตลาดด้วยการเจาะกลุ่มวัยรุ่น ให้ยาดมเป็นของติดตัวคนรุ่นใหม่จนสามารถแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดมาได้สำเร็จ
ถ้วยทองเห็นโอกาสตรงนี้ จึงออก ‘ยาดมถ้วยทอง’ เข้าตีตลาดบ้างเหมือนกัน จุดเด่นของยาดมตราถ้วยทองคือนอกจากจะบรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะและคัดจมูก ในหลอดยังอัดแน่นไปด้วยคุณค่าจากสมุนไพรอย่างการบูร เมนทอล น้ำมันยูคาลิปตัส และน้ำมันกานพลู นอกจากนี้ ถ้วยทองยังเป็นยาดมเจ้าเดียวที่บอกกลิ่นให้ลูกค้ารู้กันชัดๆ ไม่ปกปิด ได้แก่กลิ่นลาเวนเดอร์ซึ่งถูกวิจัยมาแล้วว่าเป็นกลิ่นที่คนดมยาดมโปรดปรานมากที่สุด ด้วยความหอมเฉพาะตัวที่มอบความรู้สึกผ่อนคลาย เย็นสบาย ดมแล้วช่วยให้นอนหลับง่าย หลับสนิท
อีกกลิ่นคือ ‘เลม่อน’ ซึ่งแตกต่างจากลาเวนเดอร์อย่างสิ้นเชิงตรงที่หอมสดชื่น ดมแล้วรู้สึกกระปรี้กระเปร่า สดใส มีชีวิตชีวา นับว่าเป็นตัวเลือกให้วัยรุ่นและคนทุกวัยได้เลือกใช้ตามความชอบ ในขนาดพกพากับราคาที่ยังคงคอนเซปต์ซื้อง่ายขายคล่อง แค่หลอดละ 22 บาทเท่านั้น
12
ยาหม่องสำหรับเด็กคิดดี้บาล์ม
ไม่ใช่แค่ยาดมที่เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ถ้วยทองยังมี ‘คิดดี้บาล์ม’ ออกมาตีตลาดยาหม่องสำหรับเด็ก ถ้วยทองใช้ยาหม่องที่ใช้สูตรละเอียดอ่อนกว่าเดิม โดยมีส่วนผสมของการบูร เกล็ดสะระแหน่ และน้ำมันยูคาลิปตัส ลดความแรงจากยาหม่องตราถ้วยทองปกติลง และเพิ่มความอ่อนโยนที่เหมาะสมกับผิวบอบบางของน้องๆ หนูๆ ที่มีอายุตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป ทาแล้วจะไม่รู้สึกแสบร้อนหรือระคายเคืองผิว
มี 2 สูตรอีกเหมือนกันคือ ‘คิดดี้ บาล์ม สีเขียว’ ตลับสีเขียวสูตรบรรเทาอาการปวด บวม คันจากแมลงสัตว์กัดต่อย พร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆ ส่วนอีกสูตรคือ ‘คิดดี้ บาล์ม สีขาว’ ตลับสีชมพูลดอาการเป็นหวัดคัดจมูก เพียงทาเบาๆ บริเวณหน้าอก คอ และหลังของเด็ก
ทั้งสองสูตรยังมาพร้อมขนาด 22 กรัม พกพาได้ พร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆ เอาใจคุณแม่กับลูกน้อยเป็นพิเศษ
13
เจาะกลุ่มตลาดผู้ออกกำลังกายด้วยไมโอครีม
ยังไม่หมดเท่านั้น ถ้วยทองยังเจาะกลุ่มลูกค้าสายเฮลตี้ด้วย ‘ไมโอครีม’ ครีมบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อที่คนรักการเข้ายิมและนักวิ่งทั้งหลายควรมีติดตัวไว้ ด้วยมองเห็นว่าการออกกำลังกายกับการวิ่งคือเทรนด์ที่คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจ โดยไมโอครีมก็ยังคงคอนเซปต์เดียวกับยาหม่อง นั่นคือการใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุดในตลาด เพราะถึงแม้ไม่รู้ว่าคู่แข่งใช้วัตถุดิบอะไร แต่วัตถุดิบของถ้วยทองไม่แพ้คู่แข่งแน่นอน
ไมโอครีมออกมาในรูปแบบหลอดขนาด 50 กรัม บรรจุเนื้อครีมเข้มข้นที่รวมพลังจากสมุนไพรอย่างน้ำมันระกำ เกล็ดสะระแหน่ กับน้ำมันกานพลูมาช่วยแก้ปวดบริเวณกล้ามเนื้อและข้อ จุดเด่นอีกอย่างคือทาง่าย นวดสบาย ซึมเร็ว ทั้งยังอ่อนโยนต่อทุกสภาพผิวเป็นที่สุด
14
อยากอยู่ในทุกจังหวะชีวิต
จะเห็นได้ว่าสินค้าทุกตัวที่ยกตัวอย่างมานั้นล้วนมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่แตกต่างกัน ตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึงผู้ใหญ่วัยชรา นั่นเพราะว่าสิ่งที่ถ้วยทองตั้งใจคือการอยู่ในทุกจังหวะชีวิตของคนไทย หากคุณเคยใช้คิดดี้บาล์มตอนเด็ก โตเป็นวัยรุ่นอาจใช้ยาดม ครีมแก้ปวดเมื่อย และจบที่ยาหม่องในช่วงแก่ตัวนั่นเอง
15
มิตรคู่เรือน เพื่อนคู่ตัวตลอด 70 ปี
จวบจนตอนนี้ ถ้วยทองก็อยู่กับคนไทยมา 70 ปีแล้ว
สายฝน ลีลารัศมี ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของถ้วยทองคนปัจจุบันสรุปแนวคิดในการทำแบรนด์สินค้าที่อยู่ในใจคนได้นานขนาดนี้ว่า ถ้วยทองเน้นผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ซื่อสัตย์ และมีราคาเป็นมิตร และไม่ว่าจะในอดีต ปัจจุบัน หรือในอนาคต ถ้วยทองก็ยังมีเป้าหมายในการเป็น ‘ขี้ผึ้งสารพัดประโยชน์’ ที่ทุกคนนึกถึงเวลาไม่สบายกาย เหมือนสมาชิกคนหนึ่งของบ้านที่อยากดูแลทุกคน
ดูรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ถ้วยทองได้ที่ goldencup.co.th