Glad to Have You

สิบกว่าปีมานี้ คนฟังเพลงทุกคนคงรู้จัก วิน ศิริวงศ์ ในนามนักร้องหนุ่มสุดอินดี้จากวง Sqweez Animal และแฟนๆ รุ่นเก่าก็คงคุ้นชินกับภาพชายหนุ่มที่แต่งตัวสบายๆ สะพายกีตาร์โปร่ง แบ่งปันเสียงร้องของตัวเองพร้อมกับรอยยิ้มพิมพ์ใจบนเวที

จากวันที่เขาสูญเสียน้องชายผู้เป็นที่รักไป เมื่อเส้นทางที่เคยก้าวเดินกันสองคนเหลือเพียงคนเดียว ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจินตนาการถึงความรู้สึกที่เขาต้องเผชิญ

เราดีใจที่ชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าในนาทีนี้สามารถส่งรอยยิ้มนั้นให้กับทุกคนได้เหมือนเดิมแล้ว บทสนทนาที่ไม่ยาวหรือสั้นเกินไปบอกเราว่า จริงอยู่ที่เวลาอาจเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเยียวยาอดีตของคนคนหนึ่งได้ แต่สิ่งใหม่ที่คนคนนั้นเลือกที่จะรับเข้ามาในช่วงเวลาแห่งการรักษาใจนั้นสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย

เรื่องราวหลังจากนี้คือสิ่งของและสิ่งมีชีวิตที่วินรักและมีความหมายอย่างมากต่อตัวตนของเขาในวันนี้ เป็นเศษเสี้ยวของอดีตที่เขา ‘ยินดี’ จะเก็บมันไว้ในความทรงจำ

กีตาร์

“กีตาร์ตัวนี้เป็นกีตาร์ที่เสียงดีที่สุดเท่าที่ผมเคยมี ผมใช้เขาอัดเพลงต่างๆ อย่างเพลงใหม่ ขอบคุณทุกช่วงเวลา ก็ใช้ ยิ่งเป็นอะคูสติกที่ต้องเล่นกีตาร์เด่นๆ ผมจะใช้ตัวนี้เสมอ แต่ผมไม่ค่อยเอาเขาไปทัวร์คอนเสิร์ต เพราะใหญ่เกินไป เวลาขนย้ายบางทีก็ลำบากทีมเทคนิเชียน ผมไม่อยากเอาไปเป็นภาระของพวกเขา”

เสื้อคอกว้าง

“เสื้อตัวนี้ผมใส่จนจะเป็นผงอยู่แล้ว ควรเอาไปใส่กรอบได้แล้วล่ะ ก่อนจะเละไปมากกว่านี้ (หัวเราะ) ผมใส่ตัวนี้บ่อยมาก ตั้งแต่อัลบั้มแรกจนตอนนี้เปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวแล้วก็ยังใส่อยู่ สิบกว่าปีแล้วครับ มันเป็นแค่เสื้อคอกว้างสีขาวธรรมดาๆ ที่มีบางอย่างที่มันพอดี แต่บางทีมันก็กว้างไปจนมันตกแบบนี้เลย (เปิดไหล่) บางทีก็ใส่ซ่อนข้างในเสื้ออื่นๆ เหมือนใส่แล้วอุ่นใจ ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นมานิดนึงเวลาประหม่า”

ตู้จ่ายน้ำมัน

“สิ่งนี้อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ผมรักอะไรมากมาย แต่เราอยู่ด้วยกันตั้งแต่วันจันทร์-ศุกร์ กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของนายวินไปแล้ว เพราะเป็นสิ่งที่นายวินขาย เป็นงานที่ผมต้องเข้าใจให้มากที่สุด

“การทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำมันทำให้ผมคิดเรื่องความปลอดภัยสูงขึ้นเยอะมากๆ ถ้าผมตัดสินใจผิดหรือคนของเราทำงานพลาดไปนิดเดียว มันสร้างความเสียหายอย่างมหาศาลทั้งสิ่งแวดล้อมและชีวิตคน ไม่ว่าผมจะทำอะไร ผมจะคิดถึงความปลอดภัยเสมอ เป็นสิ่งที่สอนอะไรนายวินเยอะมากจริงๆ”

อาลี่

“วันแรกๆ ที่อาลี่เข้ามา มันเหมือนเราเลี้ยงเด็กอ่อนเลยครับ อาลี่ฉี่ทั่วบ้านเลย วุ่นวายมาก (หัวเราะ) แต่เขาน่ารักทุกอย่างนะ ผมเชื่อว่าถ้าเทียบกับตัวอื่น อาลี่เป็นสุนัขที่เลี้ยงง่ายมากๆ แต่ในเวลาเดียวกัน เราก็มีพันธะว่าเราต้องกลับบ้าน เวลาไปไหนไกลเรายังมีเขาที่ต้องเป็นห่วง ทุกอย่างต้องคิดเผื่อเหมือนเขาเป็นลูกคนหนึ่งเลย

“ตอนที่ผมเสียสิงห์ไป อาลี่เป็นสิ่งเดียวที่ผมทดลองรับเข้ามาในชีวิต ผมคิดว่าเขาน่าจะเอาความสนใจและเวลาของเราไปเยอะ ไม่งั้นผมคงจะมีเวลาคิดฟุ้งซ่านเยอะเหมือนกัน

“ชื่ออาลี่มีที่มาจาก Ali G นักแสดงตลกชาวอังกฤษคนโปรดของสิงห์ สิงห์ชอบเลียนแบบสำเนียงและคำพูดตลกๆ ของคนนี้ เวลาที่เรานึกถึงชื่ออาลี่ปุ๊บ เราจะอมยิ้มตลอดเลย ผมเลยตั้งชื่อเขาว่าอาลี่เพื่อที่จะคิดถึงน้องด้วย”

เน็กไทจากสิงห์

“เป็นของขวัญชิ้นแรกและชิ้นเดียวจากสิงห์ครับ มันแปลกดีที่เรามีความสัมพันธ์แบบนั้น แต่ผมไม่เคยคิดว่าเขาไม่มีน้ำใจนะ ผมรู้ว่าบางทีเขาก็เอาใจพี่วินไม่ถูก ไม่รู้ว่าพี่วินต้องการอะไร เพราะผมก็เป็นแบบนั้นกับรุ่นพี่บางคนเหมือนกัน

“จนวันที่เสียเขาไป ในงานสวดศพ อยู่ๆ คุณแม่ของสิงห์ก็ถือถุงมา บอกว่าตอนที่ไปเที่ยวต่างประเทศครั้งล่าสุดกับสิงห์ เขาเห็นสิงห์วิ่งไปต่อแถวซื้อเน็กไทชิ้นนี้ให้ผม สิงห์บอก ‘เน็กไทนี้ต้องพี่วินเท่านั้น’ ผมรับมาด้วยความรู้สึกงงๆ ซึ้งๆ

“เขาทำสิ่งนี้ให้ผมทั้งๆ ที่ผมไม่มีโอกาสได้รู้เลย คือตัดใจไปแล้วว่าน้องคนนี้เป็นสไตล์ไม่ให้ของผม (หัวเราะ) คือเรารักกัน เราผูกพันกันจนสิ่งของไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้วล่ะ ตอนมีชีวิตอยู่ก็ไม่เอามาให้กันเนอะ ทำไมต้องรอให้มันมาถึงมือผมในวันแบบนั้นด้วย”

รถ Mercedes-Benz SL500

“ผมเคยใช้รถคลาสสิกสมัยเรียนที่อังกฤษ เลยมีความฝันอยากได้รถที่ดีกว่าคันนั้น พอกลับมาใช้ชีวิตที่ไทย เราเริ่มมีกำลังซื้อแล้ว แต่บ้านเราหารถคลาสสิกยากมาก จนพี่พีท Blissonic (พรพิชา ตันสกุล) แนะนำรถเบนซ์คันนี้มา ตอนแรกก็เฉยๆ นะ เพราะจริงๆ แล้วผมไม่ชอบรถเบนซ์ มันเป็นรถที่ดูฟู่ฟ่าเกินไป

“แต่หลังจากนั้นผมมีโอกาสเดินทางไปแอฟริกาใต้ ไม่รู้ทำไมผมเห็นรถรุ่นนี้เต็มถนนไปหมด กลายเป็นว่ายิ่งเห็นก็ยิ่งชอบ แล้วก็ไปเจอว่าเขามีฐานการผลิตอยู่ที่นั่นพอดี มันเหมือนเป็นนิมิตหมายอะไรบางอย่าง พอกลับไทยก็เลยติดต่อเจ้าของเก่า ขอไปลองขับดู กลับบ้านมาคืนนั้นผมนอนไม่หลับ (หัวเราะ) ไม่รู้ว่าโอกาสแบบนี้มันจะมาอีกเมื่อไหร่ ตื่นเช้ามาผมโทรหาเจ้าของเก่าทันทีเลย

“ตอนรับมา ผมกะจะเก็บเขายาวๆ ก็เลยส่งเข้าอู่ตกแต่งและทำสีใหม่เหมือนกับว่าเพิ่งออกรถเมื่อปี 1980 ระหว่างหนึ่งปีนั้นผมเข้า-ออกอู่ตลอด มันเป็นความสุขอย่างหนึ่งเหมือนกันที่ได้เห็นชิ้นส่วนนั้นชิ้นส่วนนี้ค่อยๆ เสร็จ เขาเป็นรถยนต์คันแรกที่ถูกใจผมมาก”

มอเตอร์ไซค์ BMW R nineT

“ผมสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ขี่มอเตอร์ไซค์ใหญ่มาเกือบสิบปีเพราะเคยประสบอุบัติเหตุ แต่สุดท้ายผมก็ต้านทานความอยากของตัวเองไม่ได้ ขนาดเพลงยังแต่งว่าอยากมีมอเตอร์ไซค์เลย (หัวเราะ) จริงๆ ที่ตอนนั้นเราพลาดมันเป็นเพราะเรายังอยู่ในวัยคะนอง ตอนนี้เราโตแล้ว เราควรเอาอดีตที่ผิดพลาดมาสอนตัวเองไม่ให้ประมาทดีกว่าหรือเปล่า

“พอโยนหินถามทางคุณพ่อดู เขาก็กึ่งเชียร์กึ่งห้าม ใจหนึ่งเขาเข้าใจผม เพราะเมื่อก่อนเขาเป็นสิงห์มอเตอร์ไซค์ อีกใจก็คงจะเป็นห่วง แต่ผมมั่นใจว่าวันนี้ผมเป็นผู้ใหญ่พอที่จะขี่มันอย่างไม่ประมาทได้

“ผมเล็งรุ่นนี้พักใหญ่เลย เขาดูกึ่งสปอร์ตกึ่งวินเทจ แต่ราคามือหนึ่งก็แพงกว่าคันอื่นๆ อยู่ๆ โอกาสก็เข้าหานายวินอีกแล้ว (ยิ้ม) ผมเจอเพื่อนเก่าในงานแต่ง เขาอยากขายรถรุ่นนี้พอดี เหมือนคนขายกับคนซื้อมาเจอกันในจังหวะที่ถูกต้องอีกแล้วครับ ทุกวันนี้ก็ใช้เขาเป็นยานพาหนะเดินทางไปบริษัท เรียกว่าเป็นรถที่ผมรักมากที่สุดคันหนึ่งเลย”

หมวกกันน็อก

“หมวกใบนี้ผมได้มาจากร้านของรุ่นพี่ที่เคยสอนผมขี่มอเตอร์ไซค์ตอนอายุ 16-17 หลังจากที่ผมกลับมาขี่มอเตอร์ไซค์ก็ตั้งใจว่า อยากอุดหนุนของที่ร้าน ตอนแรกแอบคิดว่าถ้าเลือกหมวกกันน็อกสีกลิตเตอร์แบบนี้จะดูสาวหรือเด่นเกินไปหรือเปล่า แต่ผมว่ายังไงเราก็ควรมีหมวกกันน็อกสำหรับโอกาสเวอร์ๆ ไว้สักใบ (หัวเราะ) พอผมจะจ่ายตังค์ เขาบอกว่า ‘ไม่เป็นไรวิน พี่อยากให้วินมีหมวกดีๆ ใช้ ขี่รถดีๆ นะ’ ผมซึ้ง
น้ำตาซึมเลย ความพิเศษของเขาคือหน้ากว้าง วิสัยทัศน์ดีมาก ทุกวันนี้ผมใส่หมวกใบนี้ขับมอเตอร์ไซค์บ่อยที่สุดแล้ว”

บทความนี้มาจากคอลัมน์ ‘s ใน a day ฉบับ 217 สั่งซื้อได้ที่นี่

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ชนพัฒน์ เศรษฐโสรัถ

ช่างภาพนิตยสาร a day ที่เพิ่งมีพ็อกเก็ตบุ๊กเล่มใหม่ชื่อ view • finder ออกไปเจอบอลติก ซื้อสิ ไปซื้อ เฮ่!