Zipolite ชายหาดว่างเปล่าที่กลายเป็นจุดกำเนิดวัฒนธรรมฮิปปี้ในประเทศเม็กซิโก

People who walk around in the rain naked don’t get wet: they get washed.

(Hone Tuwhare, Deep River Talk: Collected Poems)

1

พวกเราบังเอิญพบกัน โดยสารรถสองแถวคันเดียวกัน ผมเพิ่งเสร็จจากไปเยือนไร่กาแฟแห่งหนึ่งในละแวกพลูมาฮีดาลโก (Pluma Hidalgo) ส่วนเอมิลิโอเพิ่งลงมาจากเมืองบนภูเขาในละแวกเดียวกัน เพื่อมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านชายทะเล

เขาใช้เวลาหลายวันที่ซานโฮเซเดลปาซิฟิโก (San Jose del Pacifico) ในการสื่อสารกับเห็ด ชายหนุ่มบอกเช่นนั้น

ดูเหมือนเหตุผลในการเสพเห็ดเมาของเขาแตกต่างพอสมควรจากนักท่องเที่ยวทั่วไป เพราะขณะเห็ดออกฤทธิ์ มันเหมือนกับเหตุการณ์ซ่อนเร้นปรากฎชัด สิ่งที่เขาเคยพยายามเก็บงำไว้ รวมถึงเรื่องราวในอดีตกำลังชกเขาเข้าที่ใบหน้าอย่างเต็มเหนี่ยว เป็นการเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่เจ็บปวด

นั่นไม่ใช่ความมึนเมาอันรื่นรมย์พึงประสงค์เลยแม้แต่น้อย แต่ผลลัพธ์ก็คือ เขาได้ชำระล้างบางสิ่งบางอย่างออกไป และนั่นเป็น “จุดเริ่มต้น” ของการก้าวต่อไป ใช้ชีวิตบนโลกอันแสนซับซ้อนใบนี้

อันที่จริง ชนพื้นเมืองในรัฐวาฮากา (Oaxaca State) รู้จักคุณสมบัติของเห็ดเมากันมานานแล้ว หมอพื้นบ้านใช้สมุนไพรหลากชนิดกันมาแต่โบร่ำโบราณ รวมถึงเห็ดบางชนิดก็นำมาใช้รักษาอาการเจ็บป่วยให้แก่คนในชุมชน เป็นการผสมผสานทั้งพิธีกรรมเข้าด้วยกันกับยาจากป่า การเยียวยาแบบองค์รวม หมายถึงจัดการกับปัญหาทางกายและใจไปพร้อมๆ กัน มาเรีย ซาบินา (Maria Sabina) คือหนึ่งในหมอซึ่งเป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง รูปภาพหญิงมีอายุกำลังคาบบุหรี่จากใบยาสูบมวนเองพ่นควันโขมงมักปรากฎตามสถานที่ท่องเที่ยวหรือโฮสเทล กลายเป็นไอคอนสำคัญ คนทั่วโลกแห่แหนกันไปยังหมู่บ้านของเธอเพื่อรับการรักษาจนกลายเป็นกระแส แน่นอน นักท่องเที่ยวจำนวนมากนิยมเสพของมึนเมาและสารเสพติดฉวยโอกาสนี้ ใช้เห็ดด้วยจุดประสงค์เดียวกับการดื่มเหล้า สูบกัญชา หรือการฉีดยาเข้าเส้น

ครึ่งชั่วโมงให้หลัง สองแถวไปถึงหมู่บ้านมาซุนเต (Mazunte) ผู้โดยสารทุกคนลงจากรถ พวกเราต่างบอกลาและอวยชัยให้พรแก่กัน ชายหนุ่มแบกเป้ใบเขื่องขึ้นหลัง เพื่อไปยังที่พักที่เขาจองไว้ ส่วนผมยังคงต้องจับรถอีกต่อ ตั้งใจไปหาที่พักแรมริมหาดที่หมู่บ้านซิโปลิเต (Zipolite) ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงราวห้ากิโลเมตร

2

มนุษย์แบ็คแพ็กเกอร์ทั้งหลายมีเส้นทางท่องเที่ยวจำเพาะของพวกเขาเอง บอกต่อกันปากต่อปาก กลายเป็นสถานที่หรือเมืองคลาสสิก คู่มือท่องเที่ยว Lonely Planet ซึ่งยุคหนึ่งเคยได้รับความนิยมอย่างสูง แทบจะนับเป็นคัมภีร์นักเดินทางท่องโลก ก็ผลิตหนังสืออ้างอิงตามเส้นทางคนแบกเป้เช่นกัน จึงไม่แปลกแม้แต่น้อย หากเพื่อนใหม่คนหนึ่งหรือหลายคนเคยเจอกันที่เมืองหนึ่ง แล้วหวนมาพบกันอีกในอีกที่หนึ่ง 

ถ้าเฉพาะในรัฐวาฮากาแล้ว แหล่งท่องเที่ยวหลักๆ เห็นจะหนีไม่พ้นการไปตั้งต้นที่เมืองวาฮากา (Oaxaca City) ซึ่งอยู่บนเขา จากนั้นส่วนใหญ่มักจะมุ่งหน้าต่อไปยังเมืองริมทะเลฝั่งแปซิฟิก อย่างปวยร์โตเอสกอนดิโด (Puerto Escondido) หรือไม่ก็วาตุลโก (Huatulco) ส่วนพวกต้องการหนีความวุ่นวาย ทว่ายังมีความสะดวกสบายพร้อมสรรพ มักเลือกไปหมู่บ้านท่องเที่ยวอย่างมาซุนเต หรือซิโปลิเต บางส่วนแวะไปเที่ยวหาดไร้ผู้คนอย่างกากาลูตา (Cacaluta Beach) เพื่อตามรอยฉากหนัง road trip ในตำนานตำรับเม็กซิกันเรื่อง Y Tu Mama Tambien

แต่ก่อนไปถึงทะเล ก็มักพากันแวะที่เมืองเห็ดเมาอันเลื่องชื่ออย่างซานโฮเซเดลปาซิฟิโก ค่าที่อยู่กึ่งกลางระหว่างทาง อีกทั้งยังเอื้อต่อการรับประสบการณ์สุดแสนพิเศษจากเห็ดเมาด้วยนั่นเอง นับเป็นครึ่งทางระหว่างภูเขากับทะเลอันแสนวิเศษเสียนี่กระไร 

สำหรับซิโปลิเตแล้วมีความพิเศษมากกว่าแห่งอื่นๆ อยู่บ้าง ในฐานะที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหาดเปลือยแห่งเดียวของประเทศเม็กซิโกซึ่งกฎหมายรับรองเมื่อปี 2016 และตั้งแต่ปีนั้นเป็นต้นมา ในช่วงกุมภาพันธ์ก็มีการจัดเทศกาลเปลือยขึ้นทุกปี ให้สาวความย้อนกลับไป จุดเริ่มต้นมาจากยุคฮิปปี้ในช่วงทศวรรษที่ 70 หมู่บ้านริมทะเลแห่งนี้เป็นแม่เหล็กดึงดูดพวกเขามาที่นี่เพราะความไม่มีอะไรนี่แหละ ชายหาดโล่ง บังกะโลสร้างด้วยวัสดุธรรมชาติ ถนนหนทางยังเป็นลูกรัง ไร้ความเจริญทางวัตถุโดยประการทั้งปวง ผ่านไปห้าสิบปี ปัจจุบันสภาพหมู่บ้านเปลี่ยนแปลงไป เจริญมากขึ้น ทว่ายังคงเค้าความบ้าน ๆและฟีลฮิปปี้ไว้สูงมากอยู่ดี

นักเล่นกระดานโต้คลื่นนิยมพิชิตคลื่นสูงที่นี่ ทั้งที่รู้ว่าโอกาสจะโดนซัดสำลักน้ำเค็มนอกฝั่งซึ่งตนเองอาจหาญต่อกรกับธรรมชาติ แต่ก็มิวายยังคงไม่ยินยอมศิโรราบต่อคลื่นแรงเหล่านั้น การเกิดเป็นมนุษย์บางครั้งก็มักจะมาพร้อมกับโจทย์ยาก ๆเช่นนี้นี่เอง

ชาวราสต้าบางกลุ่มจู่ ๆก็พากันโผล่มา สยายเต็นท์เต็มหาดกันราวกับเป็นหมู่บ้านชาวโฮมเลสริมทะเล จัดกิจกรรมอะไรต่อมิอะไรกันไปวันสองวัน ถึงเวลาก็สลายตัว คืนชายหาดให้แก่หมู่บ้านดังเดิม รถตู้โวคสวาเกนของหนุ่มสาวชาวเดรดล็อคคู่หนึ่งหลบมุมในซอย นั่นเป็นทั้งพาหนะและบ้านเคลื่อนที่ซึ่งพาพวกเขาไปยังที่ต่าง ๆ เพื่อเห็นโลกกว้าง ขณะเดียวกันก็ประกอบอาชีพถักทำเครื่องประดับขายไปด้วย ภาพคนหนุ่มสาวผมยาวชาวละตินเดินถือแผงกำไลข้อมือและสร้อย เร่ขายตามหาด คละเคล้ากันกับชาวบ้านที่เดินขายทาโคส (tacos) หรือทามาเลส (tamales) ให้แก่นักเที่ยวเป็นภาพชินตา

ชั้นเรียนโยคะ คอร์สทำสมาธิ การนวดบำบัด และเวิร์คช้อปผสมผสานจิตวิทยาเข้ากับหลักปรัชญาว่าด้วยการสร้างความสงบสุขให้แก่จิตใจเป็น “สินค้า” ขายดีในที่แบบนี้ ในขณะเดียวกันปาร์ตี้ถึงเช้าและการเสพยาทุกขนานก็พร้อมจะทำลายใครก็ตามที่หลงไปชื่นชอบมันด้วย 

3

สายๆ ของวันปกติ แดดจัดจ้า ผมมุดออกจากเต็นท์ตัวเอง เทของเหลวสีน้ำตาล เป็นกาแฟสกัดเย็นซึ่งแช่ผงกาแฟในน้ำเปล่าข้ามคืนลงไปในแก้วพลาสติก นั่งลงไปบนพื้นทราย จิบกาแฟอร่อยรสละมุน

ลมเย็นยามเช้าทำให้สดชื่นมาก คลื่นร่าเริงขยันม้วนตัวขึ้นสูง ไม่ต่ำกว่าสองเมตร แล้วพากันกระแทกตัวแรงสู่ฝั่ง คำรามกึกก้องเช่นนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย มองไปยังฉากทะเล ในกรอบสายตา เห็นครอบครัวหนึ่ง ประกอบด้วยพ่อแม่วัยสามสิบต้น ลูกชายตัวน้อยน่าจะราวห้าขวบ พวกเขาพากันเดินผ่านหน้าลานพักแรม คนพ่อถือร่มชายหาดคันเบ้อเร่อ คุณแม่เทินตุ๊กตาเป่าลมรูปเสือตัวใหญ่เท่าเสือจริงสีสันสดใสไว้บนหัว ขณะเด็กน้อยเดินตามต้อยๆ

ครอบครัวนี้เปลือยกายล่อนจ้อนคล้ายเป็นสิ่งสามัญพึงกระทำประการหนึ่ง เดินสวนผ่านคุณตาคุณยายร่างท้วมหนังพุงห้อยเผละเปลือยเปล่าอีกคู่ที่เดินเล่นจูงมือกันรับแดดยามเช้า ในขณะหญิงฝรั่งเรือนร่างสมส่วนอีกนางเสียบหูฟังก้าวย่างเหยียบทรายละเอียด ที่นี่มีผู้คนเปลือยเดินย่ำหาดทรายและลงเล่นน้ำเค็มเป็นเรื่องธรรมดา ภาพลักษณะนี้เห็นกันชินตา เป็นภาพปกติเกินกว่าจะมาตั้งคำถาม

ไม่ได้หมายความว่าทุกคนหรือประชากรหลักแก้ผ้าเดินกันโทง ๆทั่วไป น่าจะมีเพียงแค่ห้าเปอร์เซ็นต์เท่านั้นกระมังที่จัดอยู่ในกลุ่มนัก naturist หรือ nudist นักท่องเที่ยวทั่วไปและชาวบ้านจากหมู่บ้านนี้ก็ยังคงนุ่งห่มตามปกติ นักนิยมเปลือยกายไม่ได้รู้สึกประดักประเดิด ขณะที่คนใส่เสื้อผ้าก็ไม่ได้มองว่าชีเปลือยเป็นสิ่งอุจาดตาแต่อย่างใดด้วยเช่นกัน

ตามทัศนะของชาว naturist แล้ว พวกเขามีความเชื่อแรงกล้า ว่าการเปิดโอกาสให้ทุกส่วนของร่างกายได้สัมผัสสภาพแวดล้อมโดยรอบนั้น เป็นการสร้างเสริมจิตใจให้แข็งแรงได้ทางหนึ่ง

ราวเที่ยงวันของวันเดียวกัน ผมเดิน (ใส่เสื้อผ้า) ไปยังปลายาเดลอามอร์ (Playa del Amor) ซึ่งอยู่ปลายสุดด้านตะวันออก หาดนี้แยกขาดจากหาดหลักซึ่งยาวเกือบสองกิโลเมตรด้วยโขดหินสูง ต้องเดินขึ้นเนินเล็ก แล้วจึงลงไปสู่หาดอามอร์ซึ่งกว้างไม่ถึงร้อยเมตร นั่งหลบแดด สั่งเครื่องดื่มขวดเล็กจากเพิงขายของเพียงเพื่อจะได้ครอบครองมุมหลบแดดบ่าย เปิดหนังสือติดกระเป๋ามาอ่าน พลางสายตากวาดไปด้วยบ้าง เห็นและได้ยินเสียงสามีภรรยาคู่เมื่อเช้าหัวเราะร้องร่า หญิงทำหน้าที่ผลักตุ๊กตาเสือยักษ์ออกสู่ทะเล สามีนั่งเปลือยกายบนตัวเสือโดนคลื่นพัด คลื่นแรงซัดเข้าฝั่ง ซัดโครมจนเสือพลิกคว่ำ สามีตกจากหลังเสือ ภรรยากรีดร้อง ไม่ใช่เพราะเห็นว่าอันตราย แต่เพราะสนุกสนานราวกับได้กลับไปเป็นเด็กน้อยเช่นลูกชายอีกครั้ง ผมหัวเราะออกมาดังๆ ด้วยความขบขัน คนข้างเคียงก็พากันหัวเราะด้วยเช่นกัน ครอบครัวนี้ทำให้ผมมองความเปลือยเปล่าด้วยมุมมองที่แตกต่าง เปลือย หาใช่อนาจารแต่อย่างใดไม่ 

ย่ำค่ำ บรรยากาศผ่อนคลายกว่าทุกช่วงของวัน ใครต่อใครพากันออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ริมหาด ร้านอาหาร ผับ บาร์เปิด แสงไฟและเสียงเพลงดึงดูดผู้คน คลื่นยังคงซัดแรงเช่นเดิม และราตรียังคงยาวนานเกินกว่าจะรีบกลับไปมุดเต็นท์นอน แม้จะรู้ว่าในที่สุดจะต้องพ่ายแพ้ ไม่อาจยืนหยัดผ่านค่ำคืนได้นานและนิรันดร์กาลเฉกเช่นทะเล แต่การได้เตร็ดเตร่ไปตามชายหาดในเวลาเช่นนี้นับเป็นความรื่นรมย์มากยิ่ง

AUTHOR