ขี่มอเตอร์ไซค์ท่องเอลซัลวาดอร์ สำรวจธรรมชาติและผู้คนที่อยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน

If we were meant to stay in one place, we’d have roots instead of feet. (Rachel Wolchin)

จู่ๆ ผมก็ได้เปลี่ยนรูปแบบการเดินทาง สำรวจประเทศเล็กๆ อย่างเอลซัลวาดอร์ (El Salvador) ด้วยมอเตอร์ไซค์

โฮสเทลในเมืองซานตาอานา (Santa Ana) ที่ผมเข้าพักมีบริการให้เช่าด้วยสนนราคาไม่แพงนัก ได้ “เจ๊แดง” (ผมชอบตั้งชื่อให้ข้าวของ รวมถึงมอเตอร์ไซค์เช่าคันนี้ด้วย) ซึ่งเป็น Honda mini ดูจิ๋วแต่ทะมัดทะแมงมาผจญภัยด้วยกัน

เอลซัลวาดอร์นั้นมีพื้นที่ทั้งหมดเพียงประมาณสองหมื่นตารางกิโลเมตร พอๆ กับจังหวัดกาญจนบุรีเท่านั้นเอง ดังนั้นถ้าไม่ได้ต้องการสำรวจแบบเจาะลึก การขับมอเตอร์ไซค์เที่ยวสัก 5 วันก็ทั่วทั้งประเทศแล้ว

ผมตั้งต้นที่ซานตาอานา ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ทว่าสะดวกสบาย สามารถใช้เป็นฐานในการสำรวจพื้นที่โดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นภูเขาไฟซานตาอานา (Volcan Santa Ana) อันเลื่องชื่อและเป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่ปีนง่ายที่สุด อุทยานแห่งชาติเซอโรเวรเด (Cerro Verde) และทะเลสาบโกอาเตเปก (Lago de Coatepeque) ทั้งสามแห่งนี้สามารถเที่ยวให้ครบภายในวันเดียวได้

ระหว่างทางสามารถแวะจอดถ่ายรูปตามจุดชมวิวหรือข้างทางกับต้นกาแฟทั้งหลาย นี่เป็นข้อดีอย่างหนึ่งของการเดินทางด้วยพาหนะส่วนตัว เพราะถ้าไปกับรถโดยสารจะบอกให้คนขับจอดแค่เพื่อลงไปถ่ายรูปก็ดูกระไรอยู่ ทำการสำรวจเสียให้ถ้วนทั่ว พอตกเย็นกลับมาพักในเมือง แบบนั้นก็ได้ แต่ถ้าหากต้องการความเนิบช้ามากกว่านั้น สามารถเตรียมเต็นท์และเครื่องนอนแล้วพักแรมที่อุทยานแห่งชาติ ใช้เวลาเดินเล่นตามเทรลกับถ่ายรูปตามมุมสวยๆ ที่มีภูเขาไฟเป็นฉากหลัง ถ้าไม่อยากพักแรมข้างบน ก็สามารถจองที่พักซึ่งมีอยู่ดาษดื่นริมทะเลสาบ เลือกทานอาหารในร้าน บรรยากาศผ่อนคลาย ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวมักมากันเป็นครอบครัวหรือมาเป็นคู่ คนที่ฉายเดี่ยวอาจเปลี่ยวเหงาเอาได้ง่ายๆ ท่ามกลางบรรยากาศเช่นนี้

ละแวกนี้มีโบราณสถานอยู่สองสามแห่ง เช่น แหล่งโบราณสถานซานอันเดรส (Sitio Arqueológico San Andrés) กับโฮยาเดเซเรน (Joya de Ceren Archaeological Site) คนที่สนใจประวัติศาสตร์สามารถจัดทริปไปเยี่ยมชมได้ อาจจะไม่ได้อลังการงานสร้างเหมือนติกัล (Tikal) ของกัวเตมาลา (Guatemala) หรือเตโอติวากาน (Teotihuacan) ของเม็กซิโก (Mexico) แต่ไปแล้วได้เพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจอารยธรรมแถบเมโสอเมริกาแน่นอน

พาหนะคันเก่งพาผมท่องห่างออกไปยังภูมิภาคอื่นของประเทศ ถนนหนทางค่อนข้างดี ผ่านป่าเขียวขจี สลับท้องทุ่งกสิกรรมและหมู่บ้าน ผัก ผลไม้ รวมถึงผลิตภัณฑ์พื้นบ้านขายกันริมทางก็คุ้นเคย ภูมิประเทศมองเผินๆ คล้ายเมืองไทยมาก แต่สิ่งอื่นๆ ทั้งหน้าตาผู้คน ภาษา อาหารล้วนแตกต่าง บางช่วงสวนทางกับก๊วนนักซิ่งมอเตอร์ไซค์ท้องถิ่นซึ่งส่วนใหญ่มักขับกันด้วยความเร็วค่อนข้างสูง ส่วนผมกับเจ๊แดงนั้นนับเป็นนักบิดสายชิวมากกว่า จึงค่อยๆ ไป อยากแวะจอดตรงไหนก็จอด ไม่ได้รีบร้อนแต่อย่างใด

บางเมืองมีความน่าสนใจมากกว่าที่อื่น เช่น เมืองชายแดนอย่างลาปาลมา (La Palma) เพราะเอกลักษณ์ด้านศิลปะตามกำแพงและผนังบ้านเรือนแทบทุกหลัง พวกเขาใช้สีฉูดฉาดกับลวดลายมองเผินๆ คล้ายงานเด็กวาด บอกเล่าเรื่องราวชีวิตประจำวันของคนท้องถิ่น รังสรรค์และถ่ายทอดออกมาให้เป็นสีสันแก่เมือง ศิลปินผู้ซึ่งเป็นเจ้าตำรับการวาดภาพลักษณะเฉพาะนี้ชื่อเฟอร์นานโด ยอร์ท (Fernando Llort) เขาเริ่มทำงานศิลปะในวัยหนุ่มแน่น ไฟแรง สร้างผลงานแล้วขายเพื่อเลี้ยงชีพ ขณะเดียวกัน ก็ต้องการเห็นสังคมและชีวิตผู้คนเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น จึงถ่ายทอดความรู้นี้ให้แก่ชาวเมือง รวมตัวกันกลุ่มสหกรณ์ จนกระทั่งลาปาลมาซึ่งเป็นเมืองเกษตรกรรม ชาวบ้านส่วนใหญ่ยากจน เคยพึ่งพารายได้จากการปลูกข้าวโพดและถั่ว ก็มีรายได้เพิ่มพูนจากการผลิตงานศิลปะ ความเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลต่อเนื่องถึงทัศนคติของคนทั้งเมืองในการพึ่งพาอาศัยช่วยเหลือเกื้อกูลกันด้วยความสามัคคี เพราะพวกเขาได้เห็นประจักษ์พยานของการรวมพลังกันนั่นเอง ไม่เพียงแต่เท่านั้น งานศิลปะซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะโดดเด่นของคนเมืองนี้ถึงขั้นได้รับการยกย่องให้เป็นอัตลักษณ์ของประเทศ นอกจากนั้น ยังมีการใช้งานศิลปะในจัดกิจกรรมบำบัดเพื่อลดการใช้ความรุนแรงในกลุ่มเด็กวัยรุ่น การได้ศึกษาข้อมูลล่วงหน้าเกี่ยวกับที่มาที่ไปของสถานที่ช่วยให้เกิดความประทับใจได้มากกว่าเยอะเลย

อีกเมืองเล็กที่มีเสน่ห์มาก คือ ซูชิโตโต (Suchitoto) อยู่เที่ยวสักวันสองวันมีอะไรให้ทำไม่มีเบื่อแน่นอน หรือถ้าจะอยู่นานกว่านั้นเพื่อเทคคอร์สภาษาสเปนก็ได้ อันที่จริง เมืองท่องเที่ยวแทบจะทุกแห่งในทวีปอเมริกากลางล้วนมีโรงเรียนสอนภาษาสเปน เป็นโอกาสดีสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มขีดความสามารถในการสื่อสารกับคนท้องถิ่น เมืองนี้เคยได้รับผลกระทบจากสงครามกลางเมืองกินเวลายาวนานสิบกว่าปีในปี 1979 ถึง 1992 ไม่แตกต่างจากทุกพื้นที่ในเอลซัลวาดอร์ ตึกรามทรุดโทรม ประชากรเมืองลดฮวบ แต่ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่หลังจากนั้น จึงกลับมาสวยน่าอยู่ เริ่มดึงดูดคนให้พากันมาเที่ยว เพราะได้อารมณ์ย้อนยุค ภาครัฐเข้ามาส่งเสริมร่วมด้วย จึงทำให้เมืองซึ่งไกลปืนเที่ยงได้รับความนิยม มีโรงแรมสไตล์โคโลเนียล ร้านกาแฟเก๋ ร้านอาหาร และความสะดวกสบายรองรับคนมาเยือนอย่างพร้อมสรรพ

ชาวเมืองนี้อยู่กันอย่างสโลว์ไลฟ์มาก ภาพพ่อแม่จูงมือลูกไปส่งที่โรงเรียนตอนเช้า และไปรอรับเมื่อโรงเรียนเลิก คุณป้านั่งขายขนมปังหน้าบ้านรับแดดอุ่นยามเช้า พลางพูดคุยทักทายเพื่อนบ้านที่ผ่านไปมาอย่างอารมณ์ดี คุณลุงคุณตานั่งจับกลุ่มกันหน้าตลาดสด เปิดเพลง พูดคุยหยอกล้อสัพเพเหระ บางคนอ่านหนังสือพิมพ์ ต่างไม่ได้รีบร้อนใด ๆ หรือถ้าไปนั่งร้านอาหาร สั่งมื้อเช้ามื้อเย็นมาทาน อาจจะต้องรอนานหน่อยถือเป็นเรื่องปกติ ถนนหนทางปูด้วยก้อนหิน เป็นการจำกัดความเร็วของรถราไปโดยปริยาย บริเวณใกล้เคียงมีทะเลสาบและน้ำตกสวยอะเมซิ่งที่สามารถไปเที่ยวได้ด้วย เพราะเป็นหน้าผาแท่งหินบะซอลต์สีดำแล้วสายน้ำไหลผ่านลงมา เป็นภาพแปลกตามากทีเดียว

ผมอาศัยข้อมูลในคู่มือโลนลี่แพลเน็ตช่วยในการวางแผนและตัดสินใจไปเยือนเมืองต่างๆ อย่างเมืองบนเขาอย่างอะเลเกรีย (Alegria) และเบอร์ลิน (Berlin) ก็แวะไปสำรวจด้วย แต่ไม่ได้ทำตามทุกอย่างที่หนังสือแนะนำ พยายามค้นหาสิ่งน่าสนใจตามแบบของตัวเอง แน่นอน การขึ้นไปบนเขาทำให้ได้เห็นวิวสวยตามจุดต่างๆ แค่นี้ก็ถือว่าคุ้มแล้ว

เสร็จจากภูเขาก็ลงทะเลบ้าง เมืองและหมู่บ้านชายทะเลเลียบไปตามชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกความยาวนับร้อยกิโลเมตร ส่วนใหญ่รองรับนักท่องเที่ยวท้องถิ่น ซึ่งอะไรต่อมิอะไรยังคงความดิบอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารทะเลริมหาด หรือเกสต์เฮาส์ไม่ได้ดูหรูหราและเป็นระเบียบเรียบร้อยแต่อย่างใด แต่มีหมู่บ้านอย่างน้อย 2 แห่งที่ดูดีกว่าที่อื่นและดึงดูดคนต่างชาติให้นิยมไปเที่ยวกัน ได้แก่ เอลตุงโก (El Tunco) กับเอลซุนเต (El Zunte) บรรดาแบ็คแพ็คเกอร์หนุ่มสาวโปรดปราน 2 แห่งนี้มากเป็นพิเศษ เพราะมีผับบาร์รองรับความบันเทิงยามค่ำคืน แทบทุกคนไปเพราะต้องการเล่นกระดานโต้คลื่น หรือไม่ก็ไปเทคคอร์สโต้คลื่น ตลอดแนวชายฝั่งเป็นหาดทรายดำสลับกับกรวดก้อนใหญ่ เป็นลักษณะพิเศษของทรายที่เกิดจากการผุกร่อนหินภูเขาไฟ

ทริปขับมอเตอร์ไซค์เที่ยวรอบนี้ถือว่าเป็นการแค่การสำรวจคร่าวๆ เป็นเหมือนน้ำจิ้มชิมลาง รอบหน้าถ้ากลับมาเที่ยวเอลซัลวาดอร์ ผมอยากจะเช่ามอเตอร์ไซค์เที่ยวช้าๆ สักหนึ่งเดือน เจาะลึกและทำความรู้จักประเทศเล็กๆ แห่งนี้ให้มากขึ้น

AUTHOR