รอยสักที่เล่าเรื่องราวอันไม่ลบเลือนของ เอก-วันประชา ธิติไพศาล แห่งสตูดิโอไกลจักรวาล

นับตั้งแต่เราก้าวเข้าไปในแนวรั้วของสตูดิโอไกลจักรวาล ตัวร้านที่ซ่อนอยู่ในบรรยากาศของต้นไม้ที่ร่มรื่น และการตกแต่งภายในที่ดูมินิมอล เรียบง่าย ทว่าแฝงไปด้วยความเท่จากวัสดุ ก็ทำให้เราลืมภาพจำของร้านสักแบบดั้งเดิมไปเสียสนิท

สอดคล้องกับที่ เอก-วันประชา ธิติไพศาล มองการสักว่าไม่ใช่เรื่องน่ากลัว รอยสักไม่ใช่สัญลักษณ์ของความเกเร ชั่วร้าย

ตรงกันข้าม มันเป็นเรื่องสบายๆ ที่ไม่ว่าใครก็เข้าถึงได้

รอยสักรอยแรก

ความสนใจในรอยสักของชายหนุ่มเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่สมัยที่เขายังอยู่ในวัยมัธยมศึกษา ในวัยนั้นเขาคิดว่าการสักนั้นเท่ และมันคงดีจะหากจะมีรอยสักที่ออกแบบเอง ไม่เหมือนกับใคร แต่เขาก็เก็บความคิดนั้นไว้กับตัวและไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนัก กว่าความคิดนั้นจะแจ่มชัดขึ้นมาจนทำให้เขาตัดสินใจสักลายแรก ก็ผ่านไปเกือบ 10 ปี ซึ่งเป็นลายสักที่เขาได้ออกแบบเองสมความตั้งใจ

“จริงๆ ผมอยากสักนานแล้ว แต่ผมไม่ได้สักเพราะแฟนเก่าไม่ชอบ พอเลิกกันประมาณเดือนเดียวเท่านั้นแหละ ผมก็ไปสักเลย” ชายหนุ่มเล่าช่วงเวลาที่ทำให้ตัดสินใจสัก ก่อนจะอธิบายต่อถึงความหมาย

“รอยสักลายแรกนี้ทุกคนมักจะดูเป็นรูปนาฬิกาทราย แต่สำหรับเรามันคือความเป็นตัวเองที่จะไม่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อใคร เป็นสัญลักษณ์เตือนสติ เพราะตอนที่คบแฟนเก่า เราค่อนข้างเปลี่ยนตัวเองเพื่อเขาเยอะ ยอมตามใจ ทั้งที่มันไม่ใช่ตัวเรา”

ในตอนนั้น ชายหนุ่มในวัย 28 ปีพร้อมรอยสักบนแขนขวายังไม่ได้เอะใจเลยว่า ความสนใจในการสักของเขาจะพัฒนาไปได้ไกลกว่าที่คิด

นับตั้งแต่จบปริญญาตรีด้านนิเทศศิลป์ ด้วยความรักในการวาดรูป เอกผ่านงานมาแล้วหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าทำงานในบริษัทกราฟิกเฮาส์ต่างๆ ออกแบบเสื้อผ้าแบรนด์ของตัวเองแล้วเปิดร้านขายในจตุจักร วางเลย์เอาต์นิตยสาร รับงานฟรีแลนซ์ด้านกราฟิกต่างๆ แต่ด้วยความเป็นคนขี้เบื่อ จึงยังไม่เคยมีงานไหนที่เขาอยู่กับมันได้นานนัก ในบางงานอาจสั้นเพียงครึ่งปีด้วยซ้ำ

ในขณะที่ทำงานฟรีแลนซ์ในบ้านเล็กๆ ที่เขาเช่าอยู่กับเพื่อนและตั้งชื่อมันว่า ‘สตูดิโอไกลจักรวาล’ ชายหนุ่มก็เริ่มสนใจการสักอย่างจริงจังมากขึ้น เขาไปศึกษาจากเพื่อนที่เป็นช่างสัก ลองซื้อเครื่องสักมาหัดสักกับหนังเทียมและเพื่อนฝูงที่ใจกล้า สั่งสมฝีมือมาเรื่อยๆ จนเมื่อเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมกรุงเทพฯ ครั้งใหญ่ เอกก็จำเป็นต้องรีโนเวตสตูดิโอไกลจักรวาลเสียใหม่

ในคราวนี้เขาได้ชักชวนปลา ช่างสักสาวมือใหม่ร่วมใช้พื้นที่ในสตูดิโอเพื่อรับสักโดยเฉพาะ

รอยสักกับเสียงค้าน

สำหรับคนบางกลุ่ม รอยสักยังคงเป็นตัวแทนที่ทำให้นึกถึงด้านมืดของสังคม เป็นร่องรอยที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรม การเข้าคุกเข้าตาราง การข้องเกี่ยวกับยาเสพติด หรือการเป็นส่วนหนึ่งของแก๊งอิทธิพลด้านมืดต่างๆ

โชคไม่ดีเท่าไหร่ที่พ่อแม่ของเอกเองก็เป็นเช่นนั้น

ย้อนกลับไปในวันที่เอกกลับมาจากการสักลายแรก แม้อาม่าของเอกจะชมว่า “สวยดี” แต่เมื่ออยู่กันภายในครอบครัวพ่อแม่ลูก เขาก็ไม่วายโดนพ่อและแม่ว่าด้วยความหวาดกลัวว่าลูกชายจะไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่อโคจรเข้า

และในวันที่เอกตัดสินใจจะทำสตูดิโอไกลจักรวาลให้เป็นร้านสักขึ้นมาจริงๆ และเข้าไปบอกพ่อ เขาก็ได้รับเสียงคัดค้าน ไม่เห็นด้วย เสียงบ่นว่า ความไม่เข้าใจ แต่ชายหนุ่มก็ตัดสินใจเปิดร้าน และพิสูจน์ให้ที่บ้านเห็นว่าลายสักไม่จำเป็นต้องเลวร้ายอย่างที่คิด

“ผู้ใหญ่เขามองภาพการสักว่าจะต้องเป็นยันต์ เป็นมังกร ปลาคาร์ป ที่เป็นสัญลักษณ์ของแก๊ง แต่มันไม่ใช่ ทุกวันนี้มันเปลี่ยนไปตามกาลเวลา กลายเป็นเรื่องแฟชั่น คำว่ารอยสักมันเป็นอะไรก็ได้

“สำหรับผมมันการสักคือการจารึกช่วงเวลาไว้ในร่างกาย เหมือนที่บางคนเขียนไดอารี่ รอยสักทุกที่ในตัวผมเล่าเรื่องราวของมันได้หมด”

รอยสักกลายเป็นงาน

ด้วยฝีมือ ด้วยความรัก ด้วยความเชื่อ

จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ ในที่สุด จำนวนคนที่เข้ามาก็ทำให้สตูดิโอไกลจักรวาลกลายสภาพเป็นร้านสักไปโดยสมบูรณ์ โดยมีเอกคอยดูแลจัดการร้าน และแม้จะไม่ได้เป็นช่างสักเสียเองเพราะรู้สึกไม่เชี่ยวชาญพอ แต่เขาก็เข้าใจข้อจำกัดและขั้นตอนการสัก จนออกแบบลายสักได้เป็นอย่างดี

เมื่อผ่านไปหนึ่งปี ช่างปลามีเหตุจำเป็นต้องออก เอกก็จ้างช่างอาร์มเข้ามารับช่วงต่อ แต่ดูเหมือนว่าช่างคนเดียวก็ไม่เพียงพอสำหรับสตูดิโอไกลจักรวาลอีกต่อไป

“ในปีแรกอาจจะยังลูกค้าไม่เยอะ แต่พอเข้าช่วงปีที่ 2 – 3 ผมกับอาร์มนั่งทำงานกัน 7 วัน ไม่หยุดเลย รับลูกค้าตลอด ผมก็เลยรับช่างแตงกวาเข้ามาเป็นคนที่สอง แต่พอมีช่าง 2 คน ลูกค้าก็เยอะขึ้นทุกวันเหมือนกัน และเรามีพื้นที่นิดเดียว สุดท้ายผมเลยต้องรีโนเวตห้องใหม่จนเป็นอย่างในปัจจุบัน” เอกเล่าถึงการเติบโตของร้านที่ไม่นานมานี้เขาได้จ้างช่างมาเพิ่มเป็นสักคนที่ 3 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“สนุกนะ บางคนมาสักลายสักลายแค่เพราะชอบ ผมก็จะทำให้มันโคตรเท่ ส่วนบางคนก็มีเรื่องราวเยอะมาก เขียนได้เป็นกระดาษ A4 เลย พ่อผมอย่างนี้ แม่ผมอย่างนี้ นี่ผมทำงานอย่างนี้ แฟนผมเจอกับผมที่นี่ เดี๋ยวอนาคตจะไปตรงนี้ แต่เอาไซส์ประมาณฝ่ามือครับ ผมก็ต้องรวมทุกอย่างของเค้ามาให้ได้ภายในภาพเดียว พอทำได้มันผมก็ได้สกิลล์ใหม่ เป็นรอยสักแนวใหม่ที่ไม่เคยมีชื่อสไตล์มาก่อน หรืออย่างงานสี ผมเกลียดสีมาตั้งนานแล้วเพราะผมลงสีไม่เก่งตั้งแต่ตอนเรียน ผมก็พยายามจะหลีกเลี่ยงมาตลอด จนกระทั่งมาทำงานสัก มันไม่ใช่งานของผมคนเดียว ลูกค้าจะเอา เราก็ต้องพยายามทำให้ได้ และทำร้านสักก็ทำให้ผมได้วาดรูปอย่างที่ชอบทุกวัน”

รู้ตัวอีกทีเอกผู้ไม่เคยทำงานที่ไหนได้นาน ก็เปิดร้านสักสตูดิโอไกลจักรวาลมาเป็นเวลาถึง 5 ปี ชายหนุ่มบอกกับเราอย่างภูมิใจว่าเป็นงานที่เขาอยู่กับมันได้นานที่สุดตั้งแต่เคยทำมา

และเมื่อเวลาผ่านไป พ่อของเอกก็ได้เห็นว่าลูกชายของตนไม่ได้เดินหน้าไปในทิศทางที่เขากังวล ทั้งยังได้รับการยอมรับ เสียงชมจากสื่อต่างๆ ที่สำคัญเอกอยู่บนลำแข้งตัวเองได้สบายๆ และขยับขยายสตูดิโอขึ้นทีละนิดจนมาถึงปัจจุบัน ผู้เป็นบิดาจึงคลายกังวลและสนับสนุนลูกชายในสิ่งที่เขารัก

“เดี๋ยวนี้แทนที่จะโดนบ่นว่า กลายเป็นถามว่าเมื่อไหร่จะรับช่างมาเพิ่มแล้ว” เอกเล่าติดตลกด้วยรอยยิ้ม

รอยสักกับตัวตน

ในทุกๆ วันที่ร้านเปิดทำการ เอกจะเดินทางจากบ้านที่นนทบุรีมายังสตูดิโอไกลจักรวาลที่ลาดพร้าว เพื่อต้อนรับลูกค้าวันละ 2 คน การต้องรับมือกับลูกค้ามากหน้าหลายตาที่ต่างก็มีความต้องการของตัวเองในบางครั้งก็ไม่ราบรื่น แต่ชายหนุ่มคิดว่าเขารับมือไหว

“เรื่องปัญหา มันก็มีตลอดเวลาแหละ แต่เรารู้สึกว่าทุกอย่างเราสามารถควบคุมมันได้ เราควบคุมลูกค้าได้ประมาณนึง เราควบคุมลูกน้องได้ เราควบคุมฝีมือเราได้ เราควบคุมอีโก้เราได้”

วรรคสุดท้ายทำให้เราสงสัยและถามต่อ ชายหนุ่มจึงอธิบายเพิ่มเติม

“คือสมัยก่อนผมรู้สึกว่าผมเก่งมาก เพราะทำอะไรคนก็จะชื่นชม จนพอผมทำร้านสัก เจอคนเยอะ นั่งคุยกับเขา ผมเลยเข้าใจว่างานที่ดีไม่ใช่งานที่เราชอบเสมอไป งานที่ดีไม่ใช่งานที่โคตรสวย งานที่ดีคืองานที่สามารถสัมผัสกับเค้าได้ สัมผัสกับเราได้ สื่อสารได้ และสวยงาม จากที่เคยแข็ง คิดว่าแบบนี้ดีแล้ว ไม่อยากแก้ เราก็ต้องแก้ ทำใหม่ คุยเพื่อหาสมดุลและทำให้มันออกมาได้ดีที่สุด มันเลยทลายอีโก้เราลง”

แม้ว่าสตูดิโอไกลจักรวาลจะมีลูกค้าเข้ามาสม่ำเสมอจนผู้สนใจจะสักจำเป็นต้องจองคิวล่วงหน้าถึงครึ่งเดือนหรือหนึ่งเดือน ทุกอย่างดูจะเป็นไปในทางที่ดีและมั่นคง เอกก็ยังตอบไม่ได้ว่าเขาจะมีแพสชันกับการสักไปอีกนานแค่ไหน แต่ที่เขาตอบได้อย่างมั่นใจ คือเขามีความสุขกับสิ่งที่ทำในปัจจุบัน

“เพราะผมมีความสุข ถึงทำมาได้นานขนาดนี้ ผมชอบสร้างอาณาจักรเล็กๆ ของตัวเอง มีคนรู้จักเท่านี้ก็พอ ไม่ต้องเยอะมาก ผมชอบความเป็นกันเอง ให้ลูกค้าเข้ามานั่งคุยสบายๆ และไกลจักรวาลก็เป็นอย่างนั้น”

สำหรับเรา
รอยสักลายแรกมันคือความเป็นตัวเอง
ที่จะไม่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อใคร
เป็นสัญลักษณ์เตือนสติ

ภาพ สลัก แก้วเชื้อ

AUTHOR