เดินเท้าไปให้ถึงทะเลสาบน้ำนม ที่ดินแดนสวรรค์บนดิน ‘อุทยานย่าติง’ ประเทศจีน

รู้ตัวอีกทีก็เป็นครั้งที่สามแล้วที่เราเดินทางไปยังประเทศจีน แปลกที่เรากลับไม่เคยรู้สึกเบื่อ คงเพราะเราเชื่อว่า ถึงจะต้องเดินทางกลับไปยังสถานที่ที่เคยไปซ้ำเดิมอย่างไร ผลลัพธ์ของการเดินทางแต่ละครั้งมักให้คำตอบที่แตกต่างกันเสมอ และนั่นทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อออกเดินทาง

เรากลับไปเยี่ยมอุทยานย่าติง (Yading Nature Reserve) อีกครั้งหลังจากเคยไปมาแล้วเมื่อสองปีก่อน เขตอนุรักษ์ธรรมชาติแห่งนี้เป็นหุบเขาหิมะเร้นลับที่ซ่อนอยู่ในเมืองเต้าเฉิง มณฑลเสฉวน มีวิวทิวทัศน์สวยงามราวกับภาพวาดจนขึ้นชื่อว่าเป็น ‘ดินแดนสวรรค์บนดิน’ ที่ใครหลายๆ คนต่างใฝ่ฝันถึง แน่นอนว่าการเดินทางไปให้ถึงสวรรค์ที่ว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยระดับความสูงกว่า 4,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ทำให้อากาศที่นั่นเบาบางมาก ยิ่งเป็นคนไทยที่อยู่ใต้ระดับน้ำทะเลอย่างเรายิ่งลำบาก ดังนั้นต้องทำการบ้านมาให้ดี

นักท่องเที่ยวหลายคนเลือกเดินทางไปย่าติงในช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี เพราะเป็นช่วงที่ภูเขาหิมะถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันโทนร้อนของใบไม้เปลี่ยนสี ภายในของอุทยานมีเส้นทางเดินเท้าศึกษาธรรมชาติหลายเส้นทาง หลักๆ แบ่งเป็น 2 เส้นทางคือ เส้นทางทะเลสาบไข่มุก สามารถเดินไป-กลับเพียง 3.5 กิโลเมตร และอีกเส้นทางก็คือ ทะเลสาบน้ำนมกับทะเลสาบห้าสี มีระยะทางไปกลับทั้งหมด 10 กิโลเมตร บางคนอาจแบ่งเดินเส้นทางระยะสั้นก่อนในวันแรก แล้วค่อยกลับมาเดินเส้นทางระยะยาวในอีกวัน

ส่วนเราเลือกไปแค่เส้นทางระยะไกล เพราะมีหมุดหมายที่อยากเดินเท้าไปหาที่สุดคือ ‘ทะเลสาบน้ำนม’ (Milk Lake) หรือที่เรียกกันในชื่อภาษาจีนว่า หนิวหน่ายไฮ่ ที่มีหน้าตาโดดเด่นเป็นแอ่งน้ำสีฟ้า มีฉากเบื้องหลังเป็นภูเขาหิมะสูง และยังเป็นหนึ่งในสามทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของย่าติง เส้นทางเดินเท้าไปให้ถึงทะเลสาบน้ำนมค่อนข้างโหดเลยทีเดียว แต่ก็มีหลายคนที่สามารถเดินไปถึงทะเลสาบน้ำนมได้

แต่ไม่ใช่สำหรับเรา—ด้วยสภาพอากาศที่เบาบาง การหายใจที่ยากลำบาก ขาที่หมดเรี่ยวแรง ทำให้เราไม่สามารถเดินไปถึงหมุดหมายที่ตั้งใจไว้ได้ ทะเลสาบน้ำนมจึงเป็นเสมือนภารกิจที่ติดค้างอยู่ในใจเรามาตลอดกระทั่งผ่านมาสองปีที่เราได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง เลยถือเป็นมิสชั่นแก้ตัวครั้งสำคัญที่เราจะพาตัวเองไปสัมผัสความสวยงามของทะเลสาบน้ำนมแห่งนี้ให้จงได้เสียที!

จุดเริ่มต้นออกเดินเท้าไปหาทะเลสาบน้ำนมคือ ทุ่งหญ้าลั่วหลง จากนั้นเดินเท้าไปตามทางเรื่อยๆ จากสมาชิกผู้ร่วมเดินทางทั้งหมด 7 คน เหลือแค่ 5 คน ผ่านไปอีกสักพักเหลือแค่ 4 คน เพื่อนร่วมทางบางคนเริ่มยอมแพ้แล้วกลับไปรอที่จุดเริ่มต้น จนเหลือเพียงเรากับผู้ร่วมทริปอีก 3 คนที่ยังคงเดินหน้าไปกันต่อ

เราเดินเท้าต่อไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก บ้างก็นั่ง บ้างก็นอน เลือกจุดพักตามใจชอบทั้งบนพื้นกรวด ก้อนหิน หรือใต้ต้นไม้ แล้วค่อยกลับมาเดินต่อ ทำแบบนี้วนไปซ้ำๆ เช่นเดียวกับความคิดที่วนลูปอยู่ในหัว “จะยอมแพ้แล้วหรอ ไปต่ออีกนิดน่า” เราบอกกับตัวเองว่า “เออยอม” เราบอกกับตัวเองอีกที “เฮ้ย ต้องไปต่อดิวะ!”

ความเหนื่อยหอบเริ่มเข้ามาแทนที่แรงฮึดสู้ โชคดีที่ประสบการณ์เก่าสอนให้รู้ว่า อย่าแบกของหนักเกินไป ควรพกของกินของใช้ให้เพียงพอ และถ้าจะให้ดีก็ควรหมั่นออกกำลังกายมาก่อน แล้วจะเดินสบายขึ้น! สิ่งของที่เรานำติดตัวมาจึงมีแค่น้ำดื่มสะอาด แคร็กเกอร์ Nut Walker โยเกิร์ต ยาดม ถังออกซิเจนแบบพกพา และกล้องถ่ายภาพ 1 ตัว แน่นอนว่า การเตรียมตัวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง มันทำให้หลายอย่างง่ายขึ้นมากจริงๆ ซึ่งเราเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง และไม่ใช่แค่เฉพาะกับการเดินเขา แต่หมายถึงกับทุกๆ เรื่องในชีวิตเลย

เรายังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ บรรยากาศระหว่างทางของภูเขาหิมะถูกแซมด้วยสีสันของใบไม้เปลี่ยนสี เรามองเห็นแสงที่กำลังไล่ส่องไปตามต้นไม้บนไหล่เขา ได้ยินเสียงน้ำที่กำลังไหลกระทบโขดหินจากลำธาร ธงมนต์ 5 สีกำลังปลิวสะบัด ทุกย่างก้าวเรามองเห็นรายละเอียดและความสวยงามเล็กๆ น้อยๆ ในสิ่งที่อยู่รอบตัว นี่แหละคือความน่ารักของการเดินเท้าที่เราตกหลุมรัก

จริงอย่างที่เขาพูดกัน ในบางครั้งเราอาจไปไม่ถึงเป้าหมายตามที่ใจหวังไว้ แต่ทุกๆ สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นกำไรที่เราเก็บเกี่ยวได้ระหว่างทาง ไม่ใช่ว่าที่บอกแบบนี้เป็นเพราะเราถอดใจกับการเดินเขาครั้งนี้ไปแล้วหรอกนะ ถ้ายังไหวอยู่ก็ไปต่อ! เรายังคงก้าวเดินต่อไปเหมือนเข็มนาฬิกาที่เดินไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดหย่อน

ก้าว…ก้าว…ก้าว…

และก้าว…ก้าว…ก้าว

ทันใดนั้นเอง เรามองเห็นแสงระยิบระยับที่ส่องกระทบผืนน้ำสีฟ้าอยู่ตรงด้านหน้า ถึงจะมองเห็นไกลๆ แต่เรารู้ดีว่านี่เป็นลวดลายของทะเลสาบที่สวยที่สุดเท่าที่เคยเห็น ความเหนื่อยล้าเริ่มยอมสลายตัว น้ำตาที่คลออยู่ในเบ้าตาส่งสัญญาณย้ำให้เรารู้ว่า อีกเพียงไม่กี่ก้าว เรากำลังไปถึงทะเลสาบที่ใฝ่ฝันหามาตลอดแล้ว

ในที่สุดก็เจอกันแล้วนะ ดีใจที่พาตัวเองมายืนอยู่ตรงนี้จนได้

และภารกิจพิชิตทะเลสาบน้ำนมก็เสร็จสมบูรณ์ : )

 

ขอบคุณภาพบางส่วนจากพี่ฮัดเช่ย หนึ่งในสี่คนจากผู้ร่วมทริปทั้งเจ็ดที่เดินไปถึงทะเลสาบน้ำนมด้วยกัน

AUTHOR