ZURICH STILL ON MY MIND

วันนั้นคือวันที่ตัวฉันตัดสินใจเดินทางกลับบ้านเกิดหลังจาก 2 ปีของการเรียนอย่างหนักหน่วง
ซูริคไม่ใช่เมืองที่ฉันเรียน แต่เป็นเมืองสุดท้ายในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่ฉันจะได้ร่ำลา
ฉันไม่ค่อยคุ้นเคยกับซูริคนัก เพราะซูริคมักจะเป็นที่ที่ฉันรอต่อรถไฟหรือไม่ก็มาเพื่อขึ้นเครื่องบินไปยังประเทศอื่นเท่านั้นเอง

เช้าวันนั้นคือวันสุดท้ายที่ฉันจะได้อยู่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ฉันปล่อยเพื่อน 2 คนนอนกรนอยู่ในห้อง ส่วนตัวเองก็เดินออกมาดูเมืองในตอนเช้าตรู่ก่อนที่จะต้องซิ่งไปสนามบิน

ทำไมถึงออกมาเดินในเช้าตรู่ของวันนี้กันนะ? คำตอบก็คือฉันอยากจะจำช่วงเวลาดีๆ ให้ตราตรึงใจนานเท่านานก่อนที่จะต้องกลับไปเจอกับอะไรก็ไม่รู้ที่เมืองไทย
อย่างน้อยความทรงจำดีๆ ที่เรามีอาจจะช่วยโอบกอดเราไว้เวลาเราเหนื่อยได้ล่ะมั้ง
ฉันว่าใครๆ ก็คงเป็นกันทั้งนั้นแหละ บางทีเราก็กลัวบางสิ่งบางอย่างที่ยังมาไม่ถึง ฉันครุ่นคิดระหว่างการเดินรอบเมืองตลอดเวลาว่าฉันจะกลับไปเจออะไรบ้างนะ
พร้อมกับมองทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาในสายตาด้วยความรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้มีค่าเหลือเกิน
ไม่ว่าจะเป็นร้านที่ยังไม่แกะมิสเซิลโทออกจากประตู รถบรรทุกที่มีรูปคุณป้าคนหนึ่งกำลังกางกางเกงในตัวใหญ่
ช็อกโกแลตก้อนเล็กๆ ที่เรียงกันอยู่หน้ากระจก หรือจะเป็นเต๊นท์ละครสัตว์ขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำ
ฉันได้แต่หวังลึกๆ ว่าความทรงจำที่สวยงามเหล่านี้จะคอยโอบกอดในวันที่ฉันท้อใจ

จากวันนั้นจนวันนี้ เวลาผ่านไปครบ 1 ปีพอดี
ฉันเจอและผ่านเรื่องหนักๆ มาพอสมควร แต่ทุกครั้งที่ฉันเหนื่อย
ฉันก็มักจะนึกถึงความสวยงามในเช้าวันนั้นที่ฉันมองทุกอย่างอย่างง่ายๆ ก็สามารถมีความสุขได้
สิ่งเหล่านี้เหมือนเครื่องเตือนใจฉันเสมอมาว่าถ้าเหนื่อยใจหรือเจอปัญหา ก็มองให้มันง่ายซะสิ
ขนาดมองรถบรรทุกหรือช็อกโกแลตก้อนเล็กๆ ในร้านตอนนั้นยังมีความสุขเลย แล้วทำไมจะมองปัญหาที่เจอให้เป็นเรื่องง่ายๆ หรือเป็นเรื่องที่สอนใจเราไม่ได้

บางทีอะไรที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เราก็ควรมีความสุขหรือเรียนรู้ไปกับมันซะ

มันอาจจะเป็นเชื้อเพลิงที่เติมพลังให้เราในวันที่เราเหนื่อยล้าก็เป็นได้นะ

ใครมีเซ็ตภาพถ่ายสวยๆ อยากส่งมาลงคอลัมน์นี้บ้าง คลิกที่นี่เลย

AUTHOR