หลังจากได้ดูซีรีส์เรื่อง Crash Landing on You ที่กำลังเป็นที่พูดถึงในตอนนี้ ก็ได้หวนรำลึกถึงตัวเองดังเป็นนางเอกตอนไป paragliding ที่ลูเซิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ทริปนี้เกิดขึ้นโดยการวางแผนล่วงหน้าแค่ 15 วัน หลังจากเราที่ไปใช้ชีวิตอยู่ในมอลตาได้ 1 เดือน
เมื่อเราถือพาสปอร์ตที่มีวีซ่าเชงเก้นไว้ในมือหนึ่งข้าง มืออีกหนึ่งข้างก็คอยคลิกเข้าเว็บไซต์ Skyscanner แบบรัวๆ แล้วเลือกปลายทางว่า ‘ถ้ายังไม่รู้ว่าจะไปไหนดี’ เราก็จะค้นพบว่ามีตั๋วเครื่องบินราคาถูกมากมายจากประเทศเพื่อนบ้านรอเราอยู่
ปิ๊งงงงงงง (เหมือนนางฟ้ามาเสก) สวิตเซอร์แลนด์ 1,200 บาท! มันถูกมาก แต่ ณ ขณะเดียวกันก็เกิดคำถามกับตัวเองว่า ฉันไปทำอะไรนะ
เพราะสวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่ไม่เคยอยู่ในความคิดมาก่อนเลยสักนิด เห็นภาพวิวสวยๆ บนหน้าเดสก์ท็อปมาตั้งแต่เด็กจนชินตา และเป็นประเทศที่ดูเหมือนใครๆ ก็อยากไปและใฝ่ฝัน ฉันเลยรู้สึกงั้นๆ กับประเทศนี้
จนได้ไปพบกับ paragliding บนยอดเขาหิมะ แถบทะเลสาบลูเซิร์นอันสวยงาม ที่ทำให้ว้าวจนอยากลุกขึ้นมาเต้นและอยากไปมากขึ้นมาทันที โอเค กดซื้อตั๋วเครื่องบิน ชิลล์ๆ ลุยเดี่ยว 12 วัน
paragliding ที่นี่สามารถเล่นได้ตลอดปี ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละวัน แต่จะพีคมากช่วงฤดูร้อนในเดือนสิงหาคม เพราะเป็นช่วงฟ้าใส การเลือกวันควรเช็กพยากรณ์อากาศให้ดีด้วย หรือถามจากครูฝึกเพื่อความชัวร์ เพราะถ้าหากว่าฟ้าสวยเราก็จะได้รูปสวยนั่นเอง
เรานั่งรถไปพร้อมครูฝึกและนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันอีก 5 คน ไปยังจุดฝากกระเป๋า เปลี่ยนรองเท้าเรียบร้อย แล้วไปขึ้นยอดเขาด้วยกระเช้าที่มีวิวสวยๆ ตลอดทาง
เราจำความสูงของยอดเขาไม่ได้ แต่รู้สึกได้ว่ารอบข้างมีก้อนเมฆลอยอยู่ บนนั้นมีแค่พวกเรากับครูฝึก ไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นเลย วิวเลยโล่งและสวยสงบมาก
Dani ครูฝึกที่เป็นผู้อยู่ติดกับหลังของเรา คอยดูทิศทางลม เปลี่ยนจุดร่อนไปประมาณ 3 รอบกว่าจะได้จุดที่เหมาะสม เพราะลมเปลี่ยนทิศทางตลอดเวลา เมื่อหาจุดที่เหมาะสมได้ ชุดอุปกรณ์พร้อมแล้ว สิ่งที่เขากำชับสุดๆ ขณะเริ่มร่อนคือ เราต้องวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้และอย่าหยุดวิ่ง เพื่อให้ลมยกชูชีพขึ้นให้สูงและลอยอยู่บนฟ้าได้นาน ไปค่ะ พี่ Dani! วิ่ง วิ่ง วิ่งงงง
ฟิ้วววววว… ผิดคาด มันนิ่มและชิลล์มาก ไม่มีกระตุกอะไรเลย และไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เหมือนเราได้นั่งเล่นอยู่บนท้องฟ้า ได้มองยอดเขาตรงหน้า มองน้ำ มองพื้นหญ้าในมุมกว้างๆ แบบมีสายลมโอบล้อมรอบตัว เท้าที่ไม่ได้แตะพื้นรู้สึกได้ถึงความเป็นอิสระอย่างบอกไม่ถูก
จนกระทั่งเมื่อ Dani เริ่มพาเราเข้าสู่ไฮไลต์ คงกลัวว่านั่งชิลล์นานๆ จะเบื่อ เขาจึงเริ่มหมุนชูชีพ เหวี่ยงเราอยู่ในแนวขนานกับพื้นโลกด้วยความเร็ว 3 เท่า เพื่อให้ได้วิดีโอที่เห็นบรรยาศแบบ 360 องศา ตอนนั้นเกร็งมาก และหากมากกว่านี้คิดว่าคงจะอ้วกแล้ว
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานเราก็ลงถึงพื้นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่สีเขียวที่มีดอกไม้ป่าสีเหลืองน่ารักอย่างนิ่มนวล หลังจากนั่งเล่นอยู่บนฟ้าประมาณ 15-20 นาที ความรู้สึกที่ได้รับมันดีมาก เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คุ้มค่าในชีวิตจริงๆ
หลังจากที่ทุกคนแยกย้าย เราก็เดินทางไปยังบ้านพักที่จองไว้ผ่าน Airbnb นั่นคือบ้านกลางทุ่งที่อยู่ห่างจากตัวเมืองลูเซิร์นออกไปไม่ไกลนัก เพราะความอยากวิ่งเล่นท่ามกลางทุ่งหญ้าสีเขียว บ้านหลังนี้จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เป็นจุดหมายในการเดินทาง
เราคือ ‘แขกคนแรก’ Helen เจ้าของบ้านกล่าวหลังจากทักทายต้อนรับอย่างอบอุ่น
บ้านที่อยู่กันแค่พ่อแม่ เพราะลูกสาวต้องเข้าไปทำงานในเมืองกันหมด บ้านหลังใหญ่จึงมีห้องของลูกสาวให้เข้าพัก
บ้านของเฮเลนมีวัว 30 ตัว ม้า 2 ตัว และแมวน้อยวิสกี้ 1 ตัว ซึ่งเจ้าตัวนี้รับแขกสุดๆ
เฮเลนมีสวนผักน้อยๆ อยู่หลังบ้าน ปลูกผักสลัดไว้ทานเองและแบ่งให้เราทานด้วย มีทุ่งหญ้าสีเขียวรอบบ้าน มีภูเขาโอบล้อมอยู่ไกลลิบๆ สามารถมองเห็นได้จากหน้าต่างห้องนอน
จากบ้านเราเดินทางไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตด้วยการนั่งรถบัสแค่ 5 นาที แต่ไม่ เราจะเดิน เมื่อกดดูในกูเกิลแมปส์แล้วใช้เวลาทั้งหมด 30 นาที แต่พอเดินจริงๆ เราใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง เพราะเดินเข้าๆ ออกๆ ทุ่งหญ้าข้างทางอย่างสนุกสนาน
คนสวิสทั้งน่ารักและใจดี เราสามารถเดินเล่นเข้าไปฟาร์มหรือทุ่งหญ้ากว้างได้โดยไม่หวงห้าม คนที่นั่นกลับทักทายและส่งยิ้ม ยิ่งถ้าหากเรามีท่าทางสงสัยก็จะมีคนเข้ามาถามไถ่หรือให้ความช่วยเหลือแม้จะคุยกันคนละภาษาก็ตาม
นับว่าเป็นอีกเมืองที่น่ารักและสวยมากจริงๆ เข้าใจแล้วว่าทำไมสวิตเซอร์แลนด์จึงเป็นที่ที่หลายคนใฝ่ฝัน
คงมีสถานที่ที่สวยงามกว่านี้อีกมากที่เรายังไปไม่ถึง และมีอะไรที่มากกว่าความสวยงามบนหน้าเดสก์ท็อปที่ควรค่าแก่การไปสัมผัสด้วยตัวเอง