ตึกคุณหญิงหรี่ : ชีวิตคือการลากเส้นต่อจุดเรื่อยไปและไม่มีทางย้อนกลับทางเดิม

เขียนบทและกำกับการแสดง: จตุรชัย ศรีจันทร์วันเพ็ญ
สถานที่: Democrazy Theatre Studio

เส้นปะต่อจุดและเส้นตรงที่ลากเป็นดวงดาวเต็มกำแพงห้องที่นักแสดงทั้ง
4 คนค่อยๆ เขียนตลอด 90 นาทีของการแสดง เป็นสิ่งที่เรายินดีจ้องมองมันนิ่งๆ หลังดูงานชิ้นล่าสุดของ
ชวน-จตุรชัย ศรีจันทร์วันเพ็ญ จบลง ถึงจะยังไม่แน่ใจว่ามันมีความหมายมากน้อยต่อการแสดงชิ้นนี้แค่ไหน
แต่เป็นองค์ประกอบที่ระหว่างนั่งดู
เราก็ชอบแอบมองว่านักแสดงจะต่อเติมจากจุดสีขาวกลมๆ ที่มีอยู่เดิมไปทางไหนยังไง

ตึกคุณหญิงหรี่ (Madam Ree Building) เป็นละครเวทีที่เขียนขึ้นมาตอบโต้กับบทละคร
The Pavillion ของ Craig Wright ซึ่งเป็นเรื่องของคู่รักมัธยมที่เลิกรากันไปเพราะฝ่ายชายทำผู้หญิงท้อง ทั้งคู่กลับมาเจอกันอีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไป
20 ปีในงานวันเผา Pavillion แต่จตุรชัยเลือกเล่าถึงอีกความเป็นไปได้จากตัวละครชายหญิงคู่นี้ว่าถ้าทั้งสองคนเลือกจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
เรื่องราวในอีก 20 ปีให้หลังของครอบครัวที่มีพร้อมสมบูรณ์ทั้งพ่อ แม่ ลูก
จะเป็นอย่างไร

ฉากแรกของละครเปิดด้วยการเล่าจุดกำเนิดของจักรวาลที่ตามมาด้วยสิ่งมีชีวิต
วัตถุ และวัฒนธรรมมากมาย ก่อนจะพาเราไปเพลิดเพลินในงานเลี้ยงรวมรุ่นศิษย์เก่าโรงเรียนอุดมทิพย์วิทยา
รุ่น 65 ในวาระที่ตึกคุณหญิงหรี่ สถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยความทรงจำของนักเรียนที่นี่จะถูกทุบทิ้งตอนเที่ยงคืน
ช่วงแรกของละครเลยเต็มไปด้วยความสนุกและสีสันที่ได้พลังและสมาธิขั้นสูงของ ญาดามิณ
แจ่มสุกใส ที่รับบทเป็นเหล่าเพื่อนหลากคาแรคเตอร์ทั้งหญิงชายสลับสับเปลี่ยนไป ต่อบทสนทนากับอีก
3 ตัวละครหลัก สมยศ (รับบทโดย ศุภสวัสดิ์ บุรณเวช) วิภา (รับบทโดย ปานรัตน กริชชาญชัย)
และลูกชาย ตะโก้ (รับบทโดย วิศรุต หิมรัตน์) เพื่อปูเรื่องราวให้เราเห็นการเปลี่ยนแปลงของระบบความสัมพันธ์ตามวันเวลาที่ผ่านไป

สารภาพตามตรงว่าแค่เห็นชื่อนักแสดงอย่างปานรัตนและศุภสวัสดิ์
ก็พอเดาทางละครได้ออกว่าคงจะสนุกสนานด้วยมุกตลกจังหวะแม่นยำและคำพูดต่างๆ
ซึ่งเราก็ไม่ผิดหวัง แต่ ตึกคุณหญิงหรี่ ยังใจดีสร้างเซอร์ไพร้ส์ให้เราตลอดทั้งเรื่อง
ตั้งแต่การแต่งเพลงขึ้นมาใหม่เพื่อใช้ประกอบบางฉากที่ช่วยทำให้เราดูการแสดงตรงหน้าได้อิ่มใจมากขึ้น
(เพลงเพราะมากจนเราสั่งพรีออเดอร์ไปหนึ่งแผ่น) แถมยังได้ดูซีนดราม่าเข้มข้นของ อิ๋ว-ปานรัตน
ที่ไม่ค่อยได้เห็นมากนักในเรื่องนี้ด้วย ซึ่งเธอก็พิสูจน์แล้วว่าทำได้ดีเหลือเกิน

นอกจากความคราฟต์ของโปรดักชั่นที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบถึงจะเป็นการแสดงรอบแรก
การแสดงแสนจริงใจและเต็มไปด้วยเคมีที่เข้ากันได้ดีของ 4 นักแสดง สิ่งที่เราชอบมากๆ
และยอมปรบมือให้หมดใจหลังการแสดงจบลงคือเนื้อหาที่ค่อยๆ เข้ามาปั่นป่วนความทรงจำในอดีตของเราทีละนิด

เราเรียนรู้แล้วว่าเมื่อเวลาผ่านไปนานพอ
บทสนทนาในวันเก่าก่อน ความทรงจำที่หวนย้อนคืนมาให้นั่งรำลึกถึงจะไม่มีความหมายใดนอกจากเรื่องเล่าที่ชวนให้หัวเราะขำทุกครั้งเท่านั้น
ทุกเหตุการณ์ที่ผ่านไปเป็นแค่จุดๆ หนึ่งที่เราเดินกลับไปหาไม่ได้อีก
มีแต่ชีวิตจริงในทุกวันนี้ที่ต้องนั่งแก้ไขปัญหากันไป ละครโยนคำถามที่เราเชื่อว่าหลายคนก็เคยสงสัยว่า
ถ้าวันนั้นเราเลือกอีกอย่าง? ถ้าวันนั้นเราไม่ทำอย่างนี้? ถ้าย้อนเวลากลับไปได้? ถ้า ถ้า ถ้า มากมาย แต่ก็อย่างที่รู้ ไม่มีใครสามารถย้อนกลับไปเลือกใหม่ได้
ไม่มีจักรวาลใหม่สำหรับชีวิตเราที่เลือกแล้ว ต่อให้ชีวิตจะแย่หรือดียังไง
มันก็เป็นชีวิตที่เราต้องอยู่กับมันเพราะว่า ‘มันก็โอเคไง’

“บางทีก็อยากให้ชีวิตเรามีพักเบรกเหมือนละคร
สัก 15 นาทีก็พอที่เราจะไม่ต้องเป็นอะไรเลย”
คือประโยคหนึ่งที่วิภาพูดขึ้นมาในซีนท้ายๆ และเราประทับใจมาก
เพราะบางครั้งชีวิตก็เล่นงานเสียจนเราย่ำแย่ บางครั้งเราก็ต้องพยายามมากเกินไปเพื่อรักษาบทบาทที่เลือกมาให้ดีที่สุด
บางครั้งเราก็แค่อยากหายตัวไปที่ไหนสักแห่ง บางครั้งเราก็เหนื่อย

แต่ชีวิตคือการเดินทางไปเรื่อยๆ เราทำได้แค่เลือกสิ่งหนึ่งเพื่อให้มีทางเดินต่อไป
เหมือนจุดของดวงดาวที่ลอยคว้างในจักรวาลให้เราเลือกต่อจุดจนเกิดเป็นหมู่ดาวใหม่ๆ
ด้วยตัวเอง

ลองแวะไปเก็บความทรงจำในอดีตถึงสิ่งที่เราเลือกมาตลอด
ก่อนที่เขาจะทุบตึกคุณหญิงหรี่กันในวันที่ 9 – 27 กุมภาพันธ์นี้
(ยกเว้นวันอังคารและพุธ) เวลา 20.00 น. ที่
Democrazy Theatre Studio (MRT ลุมพินี)
ติดต่อจองบัตรได้ที่เพจอีเวนต์
ตึกคุณหญิงหรี่ Madam Ree Building

ภาพ ธีรพันธ์ เงาจีนานันต์

AUTHOR