หนังสือ ‘The Last House on Needless Street’ บ้านหลอนสุดท้ายที่ปลายถนน เขียนโดย Catrina Ward และแปลโดย ธีปนันท์ เพ็ชร์ศรี ของสำนักพิมพ์ Beat ขอสารภาพว่ามันคือหนังสือนิยายแฟนตาซีที่ผมเกือบจะล้มเลิกความตั้งใจในการอ่านหนังสือเล่มนี้หลายรอบ หลังจากอ่านไปแล้วสามสี่บท
ความรู้สึกแรกที่อ่านครึ่งแรกของหนังสือ เล่าเรื่องปูพื้นหลังของตัวละครที่เหมือนกับหนังสือลักพาตัวหรือสืบฆาตรกรรมเล่มอื่นๆ ที่เคยอ่านมา โดยแต่ละบท เล่าผ่านความคิดของตัวละครนั้นๆ ทั้งคนและสัตว์เลี้ยงของเขาคิดเห็นอย่างไรบ้างกับคนในครอบครัว พร้อมกับตัวละครใหม่ที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเนื้อเรื่องดำเนินตามความคิดของตัวละครไปเรื่อยๆ
ในช่วงที่กำลังอ่านพาร์ตแรกของหนังสืออย่างเนิบช้าต้องเปลี่ยนไป เมื่ออ่านถึงกลางเรื่อง ตัวละครที่แนะนำตัวในพาร์ตแรกเฉลยบางอย่างที่ผูกปมให้กับเรื่องราวที่กล่าวมาข้างต้นจนผมไม่สามารถวางหนังสือเล่มนี้ได้เลย หลังจากนั้นยิ่ง 100 หน้าสุดท้าย ขอสปอยล์ว่าปมทุกอย่างจะผูกมากขึ้นจนคุณรู้สึกตื่นเต้นกับพาร์ตสุดท้ายแน่ๆ เพราะมันพีคจริงๆ ทั้งความโรคจิต ความวิปริตเต็มแม็กซ์ สำหรับใครที่ขวัญอ่อนต้องขอเชิญข้ามเล่มนี้ไปเลย
หนังสือ ‘The Last House on Needless Street’ เล่าเรื่องผ่านตัวละครหลัก 4 ตัว ได้แก่:
1) เท็ด : ชายวัยกลางคน เป็นคนซกมกติดเหล้าและมีปมเรื่องแม่ที่ไม่ค่อยดี แต่เขาก็รักแมวกับลูกสาวมาก
2) ลอเรน : ลูกสาวโรคจิตอารมณ์ร้าย ผู้ชอบเก็บตัว และเธอเกลียดพ่อของตัวเอง
3) โอลิเวีย : แมวเกย์คลั่งศาสนา ผู้สังเกตุการณ์พฤติกรรมของคนในบ้าน
4) ดี : พี่สาวของเด็กคนหนึ่งที่ถูกลักพาตัวไปเมื่อ 11 ปีก่อน
นอกจากนั้นแล้วในเรื่องยังมีการเล่าเรื่องของตัวละครอื่นๆ ยิบย่อยหลายตัวอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ‘แม่จ๋า’ ผู้คลั่งการเย็บแผล ถ้าไม่มีแผล เธอก็จะสร้างแผลขึ้นมาเอง หรือ ‘ราตรีกาล’ แมวกระหายเลือด
เรื่องราวในหนังสือเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันครบรอบ 11 ปีหลังจากที่ ‘เด็กหญิงไอติม’ หายตัวไป ครอบครัวหนึ่งที่ใช้ชีวิตในบ้านปิดตายจากโลกภายนอกตกเป็นเป้าสายตาของปริศนาในครั้งนี้ คุณพ่อติดเหล้า คุณลูกใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้าน และแมวประหลาดหนึ่งตัวที่ชอบเล่าเรื่องแปลกๆ ผ่านมุมมองของตัวเอง
จนกระทั่งวันหนึ่งมีหญิงสาวปริศนาเล่าว่า น้องสาวของเธอหายตัวไป ซึ่งตรงกับข่าวเด็กหญิงไอติมหายตัวไป และเธอกำลังสงสัยว่าลูกของเท็ดเป็นน้องสาวของเธอหรือไม่ ตัวละครแต่ละตัวพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแตกต่างกันไป ในมุมมองที่ไม่เหมือนกันและไม่มีใครมาตัดสินว่าใครพูดถูกหรือผิด
ในมุมผู้อ่านมันทำให้เรารู้สึกว่าใครสักคนกำลังโกหกอยู่ จากเนื้อเรื่องสืบสวนเลยค่อยๆ คลี่คลายปมจากแนวอาชญากรรม การทารุณกรรมจนไปถึงเหตุการณ์เลวร้ายทั้งหมด ที่ไม่ได้มาจากความหลอนของสิ่งลี้ลับทางธรรมชาติ หากแต่มันเกิดขึ้นมาจากมนุษย์ที่สร้างปมและรอยแผลจนถึงบทสรุปของเรื่องนี้ ในช่วงครึ่งหลังของเล่มผมได้สัมผัสถึงความน่ากลัวของมนุษย์เอง ผ่านตัวละครทั้ง 4 ตัว ทำให้เราเกิดตั้งคำถาม ใครถูกใครผิด ใครพูดจริงหรือไม่จริง และไม่แน่ว่าในตัวละครเหล่านั้น อาจมีใครมีความสัมพันธ์ที่ต่างออกไปจากที่เราคิดหรือเป็นคนเดียวกันก็ได้
หนังสือเล่มนี้จะพาเราไปดำดิ่งในโลกของจิตวิทยา พฤติกรรมแปลกๆ ของตัวละครบางตัวและสาเหตุเบื้องหลังการกระทำนั้นๆ และปมต่างๆ ที่อาจส่งผลไปถึงการดูแลเลี้ยงดูของเด็กคนหนึ่งที่ทำให้เขาเติบโตเป็นคนพฤติกรรมแปลกๆ เช่น ทำไมเท็ดชอบอัดเสียงตัวเองพูดถึงสูตรอาหาร ทำไมลอเรนชอบปั่นจักรยานสีชมพู ทำไมโอลิเวียถึงชอบอ่านพระคัมภีร์ไบเบิล คำตอบของคำถามเหล่านี้จะได้รับการเปิดเผยตอนจบถึงที่มาดังกล่าว
อีกทั้งในเรื่องยังมีการพูดถึงโรคหลายบุคลิกและโรคทางจิตที่ทำให้เรื่องราวมันลึกลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่แน่ว่าทั้งหมดนี้คือเรื่องจริงหรืออาจจะเป็นคำลวงครั้งใหญ่ ความลับบางอย่างที่ถูกกุมไว้ที่คุณคาดไม่ถึงจากที่อ่านมาตั้งแต่ต้น ไม่ว่าคุณจะเดาไว้ว่ามันคืออะไร ความจริงนั้นอยู่เหนือจากสิ่งที่คุณคาดไว้อย่างแน่นอน
ถ้าใครชอบหนังสือสยองขวัญ หักมุม เร้าใจ สายดาร์ก (หรือชอบแมว) ผมขอแนะนำหนังสือเล่มนี้ สนุกมากสมกับที่หนังสือเล่มนี้ได้รับรางวัล Best Horror Novel จาก British Fantasy Awards ปี 2022 นั้นไม่เกินจริงเลยทีเดียว และใครที่เริ่มอ่านไปแล้วแต่ยังอ่านไม่จบสักที ขอให้อ่านไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่แอบอ่านข้ามตอนจบไปเสียก่อน เพราะ the more you don’t know, the better the story will be