การเป็นศิลปินไม่ใช่การถ่ายทอดแต่สิ่งที่งดงาม แต่คือการสื่อสารความในใจต่างหาก

Tracey Emin
Tracey Emin
Tracey Emin
Tracey Emin
ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา Tracey Emin เป็นช่วงที่ฉันว่างมากขึ้นเพราะงานจ้างไม่เยอะเท่าแต่ก่อน เลยมีเวลาได้ลองกลับมาทำงานเพนต์เล่นๆ ดู แบบที่ไม่ต้องตามใจลูกค้าหรือกังวลว่าจะตรงบรีฟมั้ย ค้นพบว่าได้กลับมารู้สึกอิสระกับงานดี

ภาพวาดเซตนี้ฉันแทบไม่ใช้พู่กันหรือใช้เทคนิคละเอียดใดๆ ใช้แค่นิ้ว จิ้มสี ถูไปมา หรือใช้ดินสอที่วางอยู่ใกล้ๆ ขีดเขียนลงไปบนผ้าใบ ฉันค่อนข้างพอใจกับผลลัพธ์ที่ออกมา มันไม่ได้สวยสดใสแบบงานที่เคยทำเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว แต่ก็ดูมีชีวิตในแบบที่ฉันเป็นในช่วงจังหวะนี้ดี
งานศิลปะส่วนใหญ่ของฉันนั้นเกี่ยวกับตัวเองหรือเรื่องราวที่พบเจอมาในชีวิตของฉันเองเสมอ หากมวลอารมณ์ที่ประกอบขึ้นมาเป็นความรู้สึกนึกคิดของฉันในแต่ละวัน สามารถมองเห็นหรือหยิบจับได้ การวาดภาพคงเป็นเหมือนการหยิบเอาส่วนเล็กๆ ของมวลเหล่านั้นมาแบ หรือขยุ้มเป็นจุดๆ แปะไว้บนผ้าใบ ปาดสี ขีดเส้นไปมาให้คนอื่นได้ดู
มีงานหลายๆ ชิ้นที่ช่วยบรรเทาก้อนความรู้สึกนึกคิดที่ยุ่งเหยิงให้คลี่คลายขึ้น อาจฟังดูคลิเช่ แต่ฉันว่านี่คือเวทมนตร์ของศิลปะ ถึงภาพวาดของฉันจะเป็นไปด้วยเรื่องราวส่วนบุคคล ฉันเองกลับค่อนข้างเขินอายหรือไม่ค่อยสบายใจนักเวลาคนให้เปิดเผยที่มาที่ไปของงานแต่ละชิ้น หลายๆ ครั้งฉันก็แอบซ่อนความทรงจำไว้เป็นรายละเอียดเล็กๆ ในภาพที่เป็น symbolic ไว้ ซึ่งมีแต่ฉันเพียงคนเดียวที่รู้
พอได้เขียนถึงศิลปะและเรื่องราวส่วนตัวทำให้ฉันนึกถึงศิลปินหญิงคนหนึ่งที่ฉันนับถือ ถ้า David Hockney คือพ่อของฉันในโลกศิลปะ ศิลปินคนนี้ก็คงได้ตำแหน่งแม่ไป
แม่คนนี้ชื่อ Tracey Emin ฉันรู้จัก Tracey ผ่านงาน quilt (ปะต่อบนผืนผ้า) ของเธอเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว มองแวบแรก งานพวกนี้ดูน่ารักดีด้วยผืนผ้าสีชมพูและลวดลายดอกไม้สีพาสเทล แต่เมื่อยืนดูรายละเอียดของงานและ story ของตัวศิลปินแล้วมันเต็มไปด้วยอารมณ์ เรื่องราว ความเศร้า ความงาม และอีกหลายๆ ความที่ไม่ใช่ความน่ารักเลย
Tracey Emin ศิลปินหญิงลูกครึ่งอังกฤษ-ตุรกีที่เรียกตัวเองว่า Mad Tracey from Margate (Margate คือย่านในอังกฤษที่เธอเติบโตมา) ปีนี้เธออายุ 57 ปี เพิ่งรักษาโรคมะเร็งหายได้ไม่กี่เดือนและตอนนี้กำลังมีงานแสดงอยู่ที่ Royal Academy of Arts London (อยากไปดูมากๆ) Tracey มีวัยเด็กที่ค่อนข้างเจ็บปวด เธอถูกข่มขืนเมื่ออายุ 13 ปีและถูกล่วงละเมิดทางเพศหลายครั้ง Tracey เคยทำแท้งมาแล้ว 2 ครั้ง
ความสัมพันธ์ที่ล้มเหลว sex ความรุนแรง บาดแผลเหล่านี้ ฉันสามารถสัมผัสได้ผ่านงานศิลปะที่เป็นดั่งบทกวี และบางชิ้นก็เป็นบทกวีจริงๆ ของเธอ
Tracey เคยบอกว่าสำหรับเธอ ความร้าวราน ความงาม sex นั้นไปด้วยกันเสมอ งานของเธอคือความทรงจำที่มีบาดแผล ทุกวันนี้เวลาที่เธอวาดถึงความรัก ถ่ายทอดมันออกมา ความรักไม่จำเป็นต้องอ่อนโยนเสมอไป การเป็นศิลปินนั้นไม่ใช่แค่การถ่ายทอดแต่สิ่งที่งดงาม แต่มันคือการสื่อสารข้อความต่างหาก
ผลงานที่ฉันชอบอันหนึ่งของ Tracey คือชิ้น Everyone I Have Ever Slept With 1963-1995 มันเป็นเต็นท์สีน้ำเงินหน้าตาธรรมดาที่ด้านในเต็มไปด้วยการปะติดปของผ้าสีพาสเทลลายดอกที่เขียนรายชื่อบุคคลที่เธอเคยหลับนอนด้วย หลับนอนในที่นี่นั้นไม่ใช่แค่การมี sex ด้วยแต่อาจจะแค่นอนข้างๆ กันก็ได้ รายชื่อมีทั้งหมด 102 ชื่อ บ้างก็เป็นคู่นอน/คนที่เคยข่มขืนเธอ/ลูกชาย 2 คนของเธอที่ทำแท้งไป หรือคุณยายของเธอที่เคยนอนจับมือฟังวิทยุด้วยกันสมัยเด็กๆ
แต่งานชิ้นที่คนส่วนใหญ่นึกถึงเมื่อพูดถึง Tracey จริงๆ ก็คงเป็นชิ้น My Bed (1998) ซึ่งเป็นการนำเตียงนอนจริงๆ ของเธอเลยมาตั้งใน Gallery Tracey ฝังตัวอยู่ในเตียงนี้ 4 วันเต็มๆ ไม่ได้ออกไปกินอะไรนอกจากดื่มเหล้า บนเตียงมีทั้งคราบสีเหลือง ถุงยางอนามัยใช้แล้ว กล่องบุหรี่เปล่า กางเกงในที่มีคราบประจำเดือนและของใช้วางระเกะระกะ
เป็นร่องรอยหลักฐานถึงความล้มเหลวในความสัมพันธ์และช่วงเวลาซึมเศร้าที่เธอประสบ งาน installation นี้ถูกพูดถึง ได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา แต่ถึงอย่างไรก็ตาม My Bed ก็เป็นชิ้นงานที่เข้ารอบ Turner Prize ในปี 1999
ทุกครั้งที่เสิร์ชดูผลงานของ Tracey ในอินเทอร์เน็ตจะมีทั้งคนที่ชื่นชมเธอ ไม่ก็เกลียดและด่าเธอไปเลย บุคลิกของ Tracey นั้นไม่ได้ likeable และยิ่งมาอยู่ในร่างกาย สรีระของเพศหญิงที่สังคมตีกรอบให้ต้องอ่อนหวาน น่ารัก ไม่นำเรื่องบนเตียงมาเปิดเผยในยุคสมัยนั้น ความไม่เคยชินที่ได้พบเห็นคนแบบ Tracey จึงทำให้คนส่วนหนึ่งตั้งกำแพง ผลักไส โจมตีเธอ
แต่สำหรับฉัน Tracey คือตัวอย่างของผู้หญิงที่ฉันนับถือ เธอซื่อสัตย์กับตัวเอง กับงานศิลปะของเธอ เธอไม่ประนีประนอมเพื่อที่จะยัดตัวตนที่ปัจเจกของเธอเข้าไปในกรอบของโลกชายเป็นใหญ่ งานศิลปะ บทกวี self-portrait ของ Tracey นั้นไม่ได้น่ารักหรือสวยงามไร้ที่ติ บางท่วงท่านั้นแปลกประหลาด awkward หรือบางชิ้นคุณดูแล้วอาจจะรู้สึกไม่สบายใจ แต่ความรู้สึกเหล่านั้นก็เป็นธรรมดาของชีวิตมนุษย์ไม่ใช่หรือ?
ฉันชื่นชมความกล้าหาญของ Tracey ที่สุด ลาดแผลที่เกิดขึ้นในชีวิตของเธอถูกโอบรับด้วยหัวใจที่แข็งแกร่ง ประสบการณ์ความรุนแรงทางเพศที่เธอพบมาไม่ได้ทำให้คุณค่าของความเป็นผู้หญิง ความเป็นคนคนหนึ่งลดลงเลย
ความกล้าหาญที่จะเปิดเผยด้านที่อ่อนแอสู่สาธารณะ ในความคิดฉัน นั่นคือจุดที่ยากที่สุดในบรรดาความกล้าหาญทั้งหมดในโลกที่ปิตาธิปไตยแฝงตัวอยู่ในทุกระดับของสังคมรวมทั้งวงการศิลปะ
Tracey Emin
ฉันอยากขอบคุณคนกล้าหาญแบบ Tracey Emin ที่กรุยทางไว้ให้ศิลปินหญิงรุ่นใหม่ๆ รวมทั้งฉันด้วย ให้กล้าที่จะเป็นตัวเอง แม้ความกล้าที่ฉันมีนั้นเทียบไม่ได้กับเสี้ยวหนึ่งของ Tracey หรอก แต่นั่นคือตัวฉันในวันนี้ที่ฉันภูมิใจ
Thank you Tracey Love Always, Juli
ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ฉันว่างมากขึ้นเพราะงานจ้างไม่เยอะเท่าแต่ก่อน เลยมีเวลาได้ลองกลับมาทำงานเพนต์เล่นๆ ดู แบบที่ไม่ต้องตามใจลูกค้าหรือกังวลว่าจะตรงบรีฟมั้ย ค้นพบว่าได้กลับมารู้สึกอิสระกับงานดี
ภาพวาดเซตนี้ฉันแทบไม่ใช้พู่กันหรือใช้เทคนิคละเอียดใดๆ ใช้แค่นิ้ว จิ้มสี ถูไปมา หรือใช้ดินสอที่วางอยู่ใกล้ๆ ขีดเขียนลงไปบนผ้าใบ ฉันค่อนข้างพอใจกับผลลัพธ์ที่ออกมา มันไม่ได้สวยสดใสแบบงานที่เคยทำเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว แต่ก็ดูมีชีวิตในแบบที่ฉันเป็นในช่วงจังหวะนี้ดี
งานศิลปะส่วนใหญ่ของฉันนั้นเกี่ยวกับตัวเองหรือเรื่องราวที่พบเจอมาในชีวิตของฉันเองเสมอ หากมวลอารมณ์ที่ประกอบขึ้นมาเป็นความรู้สึกนึกคิดของฉันในแต่ละวัน สามารถมองเห็นหรือหยิบจับได้ การวาดภาพคงเป็นเหมือนการหยิบเอาส่วนเล็กๆ ของมวลเหล่านั้นมาแบ หรือขยุ้มเป็นจุดๆ แปะไว้บนผ้าใบ ปาดสี ขีดเส้นไปมาให้คนอื่นได้ดู
มีงานหลายๆ ชิ้นที่ช่วยบรรเทาก้อนความรู้สึกนึกคิดที่ยุ่งเหยิงให้คลี่คลายขึ้น อาจฟังดูคลิเช่ แต่ฉันว่านี่คือเวทมนตร์ของศิลปะ ถึงภาพวาดของฉันจะเป็นไปด้วยเรื่องราวส่วนบุคคล ฉันเองกลับค่อนข้างเขินอายหรือไม่ค่อยสบายใจนักเวลาคนให้เปิดเผยที่มาที่ไปของงานแต่ละชิ้น หลายๆ ครั้งฉันก็แอบซ่อนความทรงจำไว้เป็นรายละเอียดเล็กๆ ในภาพที่เป็น symbolic ไว้ ซึ่งมีแต่ฉันเพียงคนเดียวที่รู้
พอได้เขียนถึงศิลปะและเรื่องราวส่วนตัวทำให้ฉันนึกถึงศิลปินหญิงคนหนึ่งที่ฉันนับถือ ถ้า David Hockney คือพ่อของฉันในโลกศิลปะ ศิลปินคนนี้ก็คงได้ตำแหน่งแม่ไป
แม่คนนี้ชื่อ Tracey Emin ฉันรู้จัก Tracey ผ่านงาน quilt (ปะต่อบนผืนผ้า) ของเธอเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว มองแวบแรก งานพวกนี้ดูน่ารักดีด้วยผืนผ้าสีชมพูและลวดลายดอกไม้สีพาสเทล แต่เมื่อยืนดูรายละเอียดของงานและ story ของตัวศิลปินแล้วมันเต็มไปด้วยอารมณ์ เรื่องราว ความเศร้า ความงาม และอีกหลายๆ ความที่ไม่ใช่ความน่ารักเลย
Tracey Emin ศิลปินหญิงลูกครึ่งอังกฤษ-ตุรกีที่เรียกตัวเองว่า Mad Tracey from Margate (Margate คือย่านในอังกฤษที่เธอเติบโตมา) ปีนี้เธออายุ 57 ปี เพิ่งรักษาโรคมะเร็งหายได้ไม่กี่เดือนและตอนนี้กำลังมีงานแสดงอยู่ที่ Royal Academy of Arts London (อยากไปดูมากๆ) Tracey มีวัยเด็กที่ค่อนข้างเจ็บปวด เธอถูกข่มขืนเมื่ออายุ 13 ปีและถูกล่วงละเมิดทางเพศหลายครั้ง Tracey เคยทำแท้งมาแล้ว 2 ครั้ง
ศิลปินในดวงใน
ความสัมพันธ์ที่ล้มเหลว sex ความรุนแรง บาดแผลเหล่านี้ ฉันสามารถสัมผัสได้ผ่านงานศิลปะที่เป็นดั่งบทกวี และบางชิ้นก็เป็นบทกวีจริงๆ ของเธอ
Tracey เคยบอกว่าสำหรับเธอ ความร้าวราน ความงาม sex นั้นไปด้วยกันเสมอ งานของเธอคือความทรงจำที่มีบาดแผล ทุกวันนี้เวลาที่เธอวาดถึงความรัก ถ่ายทอดมันออกมา ความรักไม่จำเป็นต้องอ่อนโยนเสมอไป การเป็นศิลปินนั้นไม่ใช่แค่การถ่ายทอดแต่สิ่งที่งดงาม แต่มันคือการสื่อสารข้อความต่างหาก
ผลงานที่ฉันชอบอันหนึ่งของ Tracey คือชิ้น Everyone I Have Ever Slept With 1963-1995 มันเป็นเต็นท์สีน้ำเงินหน้าตาธรรมดาที่ด้านในเต็มไปด้วยการปะติดปของผ้าสีพาสเทลลายดอกที่เขียนรายชื่อบุคคลที่เธอเคยหลับนอนด้วย หลับนอนในที่นี่นั้นไม่ใช่แค่การมี sex ด้วยแต่อาจจะแค่นอนข้างๆ กันก็ได้ รายชื่อมีทั้งหมด 102 ชื่อ บ้างก็เป็นคู่นอน/คนที่เคยข่มขืนเธอ/ลูกชาย 2 คนของเธอที่ทำแท้งไป หรือคุณยายของเธอที่เคยนอนจับมือฟังวิทยุด้วยกันสมัยเด็กๆ
แต่งานชิ้นที่คนส่วนใหญ่นึกถึงเมื่อพูดถึง Tracey Emin จริงๆ ก็คงเป็นชิ้น My Bed (1998) ซึ่งเป็นการนำเตียงนอนจริงๆ ของเธอเลยมาตั้งใน Gallery Tracey ฝังตัวอยู่ในเตียงนี้ 4 วันเต็มๆ ไม่ได้ออกไปกินอะไรนอกจากดื่มเหล้า บนเตียงมีทั้งคราบสีเหลือง ถุงยางอนามัยใช้แล้ว กล่องบุหรี่เปล่า กางเกงในที่มีคราบประจำเดือนและของใช้วางระเกะระกะ
เป็นร่องรอยหลักฐานถึงความล้มเหลวในความสัมพันธ์และช่วงเวลาซึมเศร้าที่เธอประสบ งาน installation นี้ถูกพูดถึง ได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา แต่ถึงอย่างไรก็ตาม My Bed ก็เป็นชิ้นงานที่เข้ารอบ Turner Prize ในปี 1999
ทุกครั้งที่เสิร์ชดูผลงานของ Tracey Emin ในอินเทอร์เน็ตจะมีทั้งคนที่ชื่นชมเธอ ไม่ก็เกลียดและด่าเธอไปเลย บุคลิกของ Tracey นั้นไม่ได้ likeable และยิ่งมาอยู่ในร่างกาย สรีระของเพศหญิงที่สังคมตีกรอบให้ต้องอ่อนหวาน น่ารัก ไม่นำเรื่องบนเตียงมาเปิดเผยในยุคสมัยนั้น ความไม่เคยชินที่ได้พบเห็นคนแบบ Tracey จึงทำให้คนส่วนหนึ่งตั้งกำแพง ผลักไส โจมตีเธอ
แต่สำหรับฉัน Tracey คือตัวอย่างของผู้หญิงที่ฉันนับถือ เธอซื่อสัตย์กับตัวเอง กับงานศิลปะของเธอ เธอไม่ประนีประนอมเพื่อที่จะยัดตัวตนที่ปัจเจกของเธอเข้าไปในกรอบของโลกชายเป็นใหญ่ งานศิลปะ บทกวี self-portrait ของ Tracey นั้นไม่ได้น่ารักหรือสวยงามไร้ที่ติ บางท่วงท่านั้นแปลกประหลาด awkward หรือบางชิ้นคุณดูแล้วอาจจะรู้สึกไม่สบายใจ แต่ความรู้สึกเหล่านั้นก็เป็นธรรมดาของชีวิตมนุษย์ไม่ใช่หรือ?
คำขอบคุณ
ฉันชื่นชมความกล้าหาญของ Tracey ที่สุด ลาดแผลที่เกิดขึ้นในชีวิตของเธอถูกโอบรับด้วยหัวใจที่แข็งแกร่ง ประสบการณ์ความรุนแรงทางเพศที่เธอพบมาไม่ได้ทำให้คุณค่าของความเป็นผู้หญิง ความเป็นคนคนหนึ่งลดลงเลย
ความกล้าหาญที่จะเปิดเผยด้านที่อ่อนแอสู่สาธารณะ ในความคิดฉัน นั่นคือจุดที่ยากที่สุดในบรรดาความกล้าหาญทั้งหมดในโลกที่ปิตาธิปไตยแฝงตัวอยู่ในทุกระดับของสังคมรวมทั้งวงการศิลปะ
ฉันอยากขอบคุณคนกล้าหาญแบบ Tracey Emin ที่กรุยทางไว้ให้ศิลปินหญิงรุ่นใหม่ๆ รวมทั้งฉันด้วย ให้กล้าที่จะเป็นตัวเอง แม้ความกล้าที่ฉันมีนั้นเทียบไม่ได้กับเสี้ยวหนึ่งของ Tracey หรอก แต่นั่นคือตัวฉันในวันนี้ที่ฉันภูมิใจ
Thank you Tracey Love Always, Juli

AUTHOR