ปางหวัน สถานที่ที่เกิดจากความฝันของคนที่อยากหลีกหนีความวุ่นวายในชีวิตประจำวัน

Journey Begins

ชีวิตในแต่ละวันที่เราพบเจอ จังหวะการใช้ชีวิตของเราต่างเร่งรีบ หากแต่กำลังสวนทางกับความอ่อนล้าที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ ความวุ่นวายในเมือง ผู้คนมากมาย สภาพการจราจรที่ติดขัด และเสียงบนท้องถนนที่ล้อมรอบตัวเรา บางครั้งเราก็ต้องการช่วงเวลาหนึ่งที่ได้หลีกหนีจากสิ่งเหล่านี้ ได้ผ่อนลมหายใจและชาร์จพลังให้เต็ม แล้วค่อยกลับมาใช้ชีวิตใหม่ ได้ออกเดินทางไปยังที่หลบภัยของเรา นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เราออกเดินทางอีกครั้ง

เช้าวันศุกร์ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน เมฆฝนกำลังตั้งเค้า ก่อนที่พายุฝนจะกระหน่ำลงมายังกรุงเทพฯ พวกเรา 3 คนออกเดินทางไปยังจังหวัดราชบุรี โดยจุดหมายของเราในครั้งนี้คือ ปางหวัน โฮมสเตย์ สถานที่ที่เป็นเหมือนสวนสวรรค์ของคนที่รักในการแคมปิ้งและการทำกิจกรรมกลางแจ้ง

พวกเราเดินทางโดยรถยนต์ The All-New Subaru Forester 2.0 i-S Eyesight ใช้เวลารวมประมาณ 3 ชั่วโมงไปถึงจังหวัดราชบุรี และเดินทางต่อไปยังอำเภอสวนผึ้งที่ห่างจากตัวเมืองอีก 1 ชั่วโมง ทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยภูเขาและต้นไม้เขียวขจี เราลดกระจกลงเพื่อรับลมเย็นๆ และความสดชื่น กลิ่นไอดินหลังฝนตกจากภายนอกได้พัดเข้ามาสัมผัสผิวและเส้นผมของเรา ก่อนที่จะสูดหายใจเข้าอย่างเต็มปอด

จุดหมายปลายทางอาจจะเป็นสิ่งที่ทุกคนคาดหวังว่าจะไปให้ถึง แต่ระหว่างทางก็เป็นประสบการณ์ที่สำคัญเช่นกัน

Low your car window, let the wind blow in,

Allow sunlight to come in and touch your skin…

Safe Haven

พวกเราเดินทางมาถึงปางหวันในช่วงบ่ายของวัน คุณลุงและคุณป้า เจ้าของปางหวัน โฮมสเตย์ ออกมาต้อนรับพวกเราด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและเป็นกันเอง พร้อมด้วยสุนัขพันธุ์ไทยสีน้ำตาลที่ส่ายหางดุกดิกวิ่งเข้ามาต้อนรับพวกเราอย่างเป็นมิตร ภาพที่เห็นคือเนินหญ้าสีเขียวที่มีต้นไม้น้อยใหญ่ มีภูเขาขนาดย่อมๆ เป็นแบ็กกราวนด์ มีเสียงของลำธารและจักจั่นเป็นดนตรีประกอบ ไม่มีเสียงอื่นใดนอกจากนั้น อากาศสดชื่นของป่าและภูเขาที่ทำให้เราสูดหายใจได้อย่างเต็มปอด อีกทั้งความเงียบสงบที่เคล้าคลอไปกับเสียงของธรรมชาติ ทั้งหมดเป็นความประทับใจแรกที่ทำให้เราตกหลุมรักที่แห่งนี้

ปางหวันเป็นที่รู้จักในหมู่คนที่รักการแคมปิ้งมาสักระยะหนึ่งแล้ว โดยเริ่มจากการบอกปากต่อปาก แนะนำกันในหมู่เพื่อนและคนรู้จัก เนื่องจากไม่มีป้ายบอกทางทำให้คนที่มาแคมปิ้งที่นี่มีแต่กลุ่มคนที่ตั้งใจเดินทางมาเพื่อใช้เวลาช่วงวันหยุด ในการผ่อนคลายจากชีวิตประจำวันจริงๆ ความสงบและพื้นที่ส่วนตัวจึงทำให้ปางหวันเหมาะกับการมาพักผ่อนและหลีกหนีจากความวุ่นวาย แต่ที่นี่ก็พร้อมต้อนรับเหล่าคนที่มาแคมปิ้งตลอดทั้งปี คุณป้าเล่าว่ามีคนแวะเวียนมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นฤดูร้อน ฤดูฝน หรือฤดูหนาวที่เป็นไฮไลต์ของที่นี่ อากาศที่เย็นสบาย ลำธารที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี ในแต่ละฤดูเราจะได้พบกับปางหวันในแบบที่แตกต่างกัน จึงทำให้คนมากมายที่เคยมาปางหวันต้องกลับมาซ้ำอีกหลายๆ ครั้ง เพื่อเก็บเกี่ยวภาพความสวยงามและบรรยากาศที่น่าประทับใจไว้ในแต่ละช่วงเวลา

พื้นที่ทั้งหมด 30 ไร่ของปางหวัน ประกอบไปด้วยจุดกางเต็นท์ให้เราเลือกมากมาย สำหรับกลุ่มเพื่อนที่มาแคมปิ้งหรือการจัดทริปแบบเป็นหมู่คณะ สำหรับคนที่มาเป็นครอบครัวเองก็มีห้องพักไว้รับรอง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งห้องน้ำและห้องครัวไว้ให้บริการ แต่ถึงอย่างนั้นปางหวันก็มีความเป็นธรรมชาติอยู่สูงมาก คุณลุงเล่าว่าต้นไม้เกือบทุกต้นที่นี่ คุณลุงคัดเลือกสายพันธุ์เอง ทั้งต้นไม้ประจำท้องถิ่น ต้นไม้ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ ไม้ผลที่ออกผลผลิตมาให้กินตลอดทั้งปี และลงมือปลูกเองทุกต้นเป็นเวลากว่า 10 ปี และปล่อยให้ธรรมชาติเติบโตในแบบของมันเอง มิได้ปรุงแต่งสิ่งใดมากมาย ทั้งต้นไม้เหล่านั้น ลำธารใสเย็นชื่นใจที่ไหลมาจากแม่น้ำภาชีที่หล่อเลี้ยงผืนป่าและผู้คนแถบนั้น บรรยากาศเงียบสงบ ทุกอย่างเหล่านี้ล้วนประกอบร่างสร้างตัวมาจากความฝันที่ว่า อยากพาตัวเองไปอยู่ในที่ดีๆ

Happiness Is

เมื่อเราถามถึงที่มาของปางหวัน คุณลุงกับคุณป้าก็พูดด้วยน้ำเสียงและสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุข และบอกว่าที่นี่เหมือนเป็นความฝันที่เกิดขึ้นจริง ที่ดินแถบนี้เมื่อก่อนแทบไม่มีอะไร แต่ก็ค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่างขึ้นได้ด้วยแรงกายแรงใจของทั้งสองคนมาตลอดสิบปี “ทำทุกวันน่ะลูกแต่ก็ไม่เหนื่อยเพราะเราชอบ เราอยากอยู่ในที่ที่ดี เลยตั้งใจทำมันให้ดี ถ้าใครมาที่นี่นะ ลุงอยากให้เขาเหมือนมาบ้านตัวเอง ปล่อยใจและกายให้สบาย แรกเริ่มเราอยากทำเพื่ออยู่จริงๆ แต่ตอนนี้อยากแบ่งปันให้คนที่มาพักได้มีความสุขและผ่อนคลายกับที่นี่ด้วยเหมือนกัน”

บางครั้งความสุขก็เกิดขึ้นได้เมื่อเราอยู่ในที่ที่ดี ในบรรยากาศที่ดี กับผู้คนที่เป็นเหมือนคอมฟอร์ตโซนของเรา

Camping 101

สำหรับพวกเราที่มีประสบการณ์การตั้งแคมป์ที่ยังถือว่ามือใหม่มากเมื่อเทียบกับพี่ๆ ที่มาตั้งแคมป์ที่นี่ การเตรียมตัวและอุปกรณ์จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก การแคมปิ้งก็คล้ายๆ กับการออกมานอนนอกบ้าน ทำกิจกรรมกลางแจ้ง สิ่งอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตภายนอกอาคารจึงสำคัญ แต่การขนทุกสิ่งมาด้วยก็เป็นเรื่องใหญ่และหนักเกินไปสำหรับเรา การมีรถยนต์ที่ดีนอกจากจะช่วยให้เราเดินทางได้ปลอดภัยและรื่นรมย์ ความสามารถในการจัดเก็บของได้ทีละมากๆ ก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน

และนี่คืออุปกรณ์ที่จำเป็นในการแคมปิ้งซึ่งเราจะขาดไม่ได้

  1. เต็นท์ อุปกรณ์ที่จำเป็นอันดับหนึ่งในการแคมปิ้งหากไม่อยากนอนกลางดินหรือกินกลางทราย อีกทั้งการเลือกเต็นท์ให้เหมาะกับสภาพอากาศในที่ที่เราไปแคมปิ้งก็เป็นสิ่งสำคัญ อากาศบ้านเราในช่วงนี้ที่ฝนตกบ่อย เต็นท์ที่เลือกก็ควรกันน้ำและฝนได้
  2. ที่นอนหรือถุงนอนเป็นสิ่งจำเป็นลำดับต่อมา เพราะตอนกลางคืนอุณหภูมิจะลดต่ำลง และหากใครที่กลัวนอนแล้วปวดหลังก็อาจจะเตรียมเบาะนอนแบบที่พักมาด้วย เพื่อค่ำคืนที่หลับสบายมากขึ้น
  3. เครื่องแต่งกายที่เหมาะกับสภาพอากาศก็จำเป็นเช่นกัน หากอากาศหนาวควรมีเครื่องนุ่งห่มที่ให้ความอบอุ่น หรืออย่างตอนที่ฝนตก เสื้อกันฝนและหมวกจะช่วยให้เราไม่เปียกชื้น ซึ่งเราควรแต่งตัวให้เหมาะสมกับอากาศ เพื่อป้องกันการป่วยไข้ที่อาจเกิดขึ้นได้ ถ้าเที่ยวอยู่แล้วป่วย ก็คงจะไม่สนุกใช่ไหมล่ะ
  4. อุปกรณ์ป้องกันแมลงหรือสเปรย์กันยุง ในการแคมปิ้งข้างนอก แมลงเป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ การป้องกันตัวเองจากการถูกกัดหรือการรบกวน จะช่วยให้เรามีความสุขในการอยู่ท่ามกลางธรรมชาติมากขึ้น แต่ก็ต้องไม่ไปเบียดเบียนสัตว์หรือสิ่งแวดล้อมรอบข้างด้วย
  5. อุปกรณ์ให้แสงสว่าง เช่น โคมไฟพกพาหรือตะเกียง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ไม่มีแสงไฟฟ้า แสงสว่างเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ ในการใช้ชีวิตตอนกลางคืน
  6. เสบียงอาหาร เครื่องครัว มีด เตาสนาม และที่จัดเก็บความเย็น เป็นสิ่งที่จำเป็นเช่นกัน เพราะถ้าเราถือคติว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้องแล้ว อาหารก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ และการทำอาหารด้วยกันก็เป็นกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ได้เป็นอย่างดี
  7. fly sheet หรือ tarp เป็นเหมือนพื้นที่ส่วนกลางของพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นที่ทำกิจกรรมต่างๆ เป็นเสมือนห้องนั่งเล่นสำหรับทุกคน หรือไว้ใช้กันแดดกันฝนได้อีกด้วย
  8. สิ่งสุดท้ายที่ค่อนข้างจำเป็นในการแคมปิ้งคือ โต๊ะกับเก้าอี้ หากเราอยากมีสุขอนามัยที่ดีในการรับประทานอาหาร หรือไม่อยากนั่งลงบนพื้นชื้นๆ โต๊ะกับเก้าอี้ที่พับเก็บได้ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องแบกมาสำหรับเรา

จุดกางเต็นท์ที่ดี

นอกจากอุปกรณ์ในการตั้งแคมป์ที่จำเป็นแล้ว ทำเลที่ดีก็จะช่วยให้มีชัยในการแคมปิ้งไปกว่าครึ่ง ที่ปางหวันมีโลเคชั่นให้เราเลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นที่ติดลำธาร กลางป่าไผ่ หรือใต้ร่มไม้ใหญ่ ให้เราได้เลือกสรร แต่สิ่งที่ต้องคำนึงมากที่สุดคือความปลอดภัย ลองเช็กดูว่าที่ที่เราจะปักสมอลงไปมีคุณสมบัติดังนี้หรือยัง

– ไม่มีหินหรือทางลาดเอียง อันดับแรกเลยเราควรเลือกที่ที่พื้นเรียบเสมอกัน การที่มีหินเยอะนอกจากจะทำให้เรานอนไม่สบายหลังแล้ว การปักสมอบกก็ยังทำได้ยากอีกด้วย

– ไม่อยู่ใกล้รังของสัตว์หรือแมลง การไปพักใกล้ๆ บ้านของคนอื่น เราอาจจะกลายเป็นเพื่อนบ้านที่น่ารำคาญได้ เพื่อป้องกันการรบกวนซึ่งกันและกัน เราควรอยู่ให้ห่างจากบริเวณเหล่านี้ไว้ก่อน

– ไม่อยู่ใกล้น้ำหรือลำธารมากเกินไป โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝน หากฝนตกหนัก ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเพื่อความแน่ใจ ก่อนจะปักหลักริมน้ำ เราควรปักไม้เพื่อวัดระดับและความเร็วของระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย

– ไม่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่หรือไม้กิ่งเปราะ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เพราะหากมีกิ่งไม้หักหรือมีลูกไม้ตกลงมาอาจก่อให้เกิดอันตรายได้

– และสำหรับคนที่มาตั้งแคมป์แต่อยากตื่นสายหน่อย การที่มีร่มไม้ในทางทิศตะวันออกจะทำให้คุณหลับสบาย ไม่มีแสงแยงตาในยามเช้า หรือสำหรับคนที่มาแคมปิ้งมากกว่า 1 วัน การมีร่มไม้ทางทิศตะวันตกก็จะช่วยให้คุณปลอดภัยจากแดดร้อนยามบ่ายได้เช่นกัน

และสิ่งที่เราต้องคำนึงในการมาแคมปิ้งทุกครั้ง นอกจากความสะดวกสบายที่เราอยากมีกันแล้ว การเคารพในธรรมชาติ สถานที่ และพื้นที่ของผู้อื่น ก็สำคัญเช่นกัน สิ่งเหล่านี้นอกจากจะทำให้ช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนหรือการทำกิจกรรมร่วมกันของเราเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำแล้ว ก็ยังทำให้ที่ที่สวยงามยังคงสามารถมอบความสวยงามและรื่นรมย์ให้คนอื่นๆ ต่อไปได้อีกด้วย

แสงสุดท้ายของวันกำลังลับเหลี่ยมเขาไป ความมืดและความสงบของค่ำคืนกำลังมาเยือนพวกเรา หลังจากบทสนทนาระหว่างมื้ออาหารจบไป เรื่องราวใหม่ๆ ก็พรั่งพรูออกมาในขณะที่เครื่องดื่มในมือกำลังพร่องไป ตอนนี้ไม่มีแสงไฟใดๆ นอกจากแสงของตะเกียงน้ำมันที่เราจุดกัน และแสงจากเต็นท์ข้างเคียงเพื่อนบ้านหนึ่งเดียวของเราตอนนี้ หลังจากจบบทสนทนา ทุกคนต่างแยกย้ายไปพักผ่อน รอบตัวเราตอนนี้แทนที่ด้วยเสียงของลำธารและจิ้งหรีดเรไร เราพักฟังเสียงรอบข้างมากขึ้น แต่กลับได้ยินเสียงภายในจิตใจตัวเองชัดขึ้น ‘เราแค่อยากมีชีวิตที่ดี’

และก่อนค่ำคืนนี้จะหมดไป ภาพของเพื่อนที่ยิ้มและหัวเราะไปกับมุกตลกของกันและกัน หรือบทสนทนาที่ดำดิ่งลงไปพร้อมกับความมืดรอบตัว ภาพแสงหิ่งห้อยริมลำธารที่ลอยอย่างอ้อยอิ่งนั้นทำให้จังหวะชีวิตของเราผ่อนคลายลง ก่อนที่เสียงของธรรมชาติรอบตัวจะขับกล่อมเราให้หลับใหล พรุ่งนี้ที่ตื่นเช้าขึ้นมาขอให้เป็นวันที่สดใส แล้วเราจะพร้อมออกเดินทางกันอีกครั้ง และคงไม่ลืมที่จะบอกลาสถานที่แห่งนี้ แล้วตั้งใจไว้ว่าจะกลับมาใหม่ในวันที่เราต้องการหลบภัยอีกครั้ง


Forester the Adventurer

รถยนต์ในฝันของคนเมืองที่รักกิจกรรมเอาต์ดอร์คงเป็นรถยนต์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ทั้งการใช้ชีวิตประจำวันในเมือง การหลีกหนีความวุ่นวายและผ่อนคลายนอกเมือง ที่สำคัญไม่ว่าจะเดินทางในเมืองหรือนอกเมือง รถยนต์ที่ว่าก็ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และมีระบบที่ช่วยใส่ใจดูแลความปลอดภัย เราจึงเดินทางไปไหนทั้งใกล้ไกลได้อย่างสบายใจ

ในการเดินทางไปปางหวันครั้งนี้ The All-New Forester 2.0 i-S EyeSight คือรถยนต์ในฝันคันนั้น ด้วยเป็นรถเอสยูวีที่มีที่นั่งนุ่มสบายและกว้างขวาง เหมาะสำหรับการเดินทางทั้งแบบกลุ่มเพื่อนและครอบครัว และยังปรับที่นั่งให้เหมาะกับฟังก์ชั่นที่ต้องการได้ อย่างการไปแคมปิ้งที่ต้องขนของเยอะเช่นนี้ก็สามารถปรับเบาะและพื้นที่ด้านหลังให้วางสัมภาระได้เพิ่มขึ้น ประตูข้างที่เปิดได้เกือบ 90 องศาก็ช่วยให้ขนของเข้า-ออกได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ยังมีราวหลังคาสำหรับวางและผูกสัมภาระไว้ด้านบน

วันที่เราออกเดินทาง น่าเสียดายที่สภาพอากาศไม่เป็นใจเท่าไหร่นัก เพราะมีหยาดฝนโปรยปรายตลอดทาง แต่เราก็ขับรถต่อได้อย่างไร้กังวลเพราะ The All-New Forester 2.0  i-S Eyesight มีทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ดี และยังมีระบบ EyeSight ที่ช่วยดูแลความปลอดภัยให้เรา ด้วยกล้อง 2 ตัวที่สอดส่องเป็นดวงตาของรถยนต์ เพื่อลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุด้วยฟังก์ชั่นต่างๆ เช่น ระบบควบคุมความเร็วรถแบบแปรผัน ที่ปรับความเร็วตามรถคันหน้าได้อัตโนมัติ พร้อมเว้นระยะห่างให้อย่างปลอดภัย ทำงานได้แม้ว่ารถคันหน้าจะชะลอจนหยุดนิ่ง ระบบส่งสัญญาณเสียงและไฟเตือนเวลาขับรถออกนอกเลน ในยามที่เราเหนื่อยล้าหรือเหม่อลอย ระบบเตือนให้เราออกรถ หากรถคันหน้าออกตัวไปโดยที่เราไม่ทันมอง ระบบจะเตือนด้วยเสียงและแสงไฟ รวมถึง ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์เพื่อป้องกันการชนกรณีมีวัตถุอยู่ด้านหน้า และ ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า ที่จะเตือนและลดความเร็วจนรถหยุดหากมีวัตถุกีดขวางอยู่ด้านหน้า

เพราะอย่างนี้ไม่ว่าจะเดินทางด้วยสภาพถนนหรือสภาพอากาศแบบไหน เราก็รู้สึกอุ่นใจและปลอดภัยเสมอ และเมื่อสัมภาระพร้อม รถยนต์พร้อม เราก็พร้อมออกเดินทางไปทุกที่ที่ใจต้องการแล้ว

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

สรรพัชญ์ วัฒนสิงห์

ชีวิตต้องมีสีสัน