กว่าครึ่งศตวรรษแห่งประวัติศาสตร์กับการพัฒนาที่ไม่เคยหยุดของ Subaru

กว่าครึ่งศตวรรษแห่งประวัติศาสตร์กับการพัฒนาที่ไม่เคยหยุดของ Subaru

Highlights

  • ปี 1958 ซูบารุออกจำหน่าย Subaru 360 หรือ Ladybird 3 ปีต่อมามีการเปิดตัว Subaru Sambar รถบรรทุกขนาดเล็กที่กลายเป็นโมเดลคลาสสิกของซูบารุ
  • ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซูบารุมีวิวัฒนาการทั้งด้านโมเดลและนวัตกรรมอยู่เสมออย่างเครื่องยนต์ Boxer, ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบสมมาตร Symmetrical All-Wheel Drive (SAWD) กระทั่งปัจจุบัน เทคโนโลยี EyeSight ระบบช่วยเตือนและเบรกในกรณีฉุกเฉินที่ได้รับการจัดอันดับสูงสุดด้านการป้องกันการชนจากด้านหน้าโดยสถาบันประกันความปลอดภัยบนทางหลวง (IIHS) ของสหรัฐอเมริกาให้กับรถยนต์ซูบารุทุกรุ่นที่ติดตั้งเทคโนโลยีนี้

‘ซูบารุ’ ในภาษาญี่ปุ่นหมายถึง ‘กระจุกดาวลูกไก่’ แต่กลุ่มดาว 7 ดวงที่มองเห็นด้วยตาเปล่าได้แค่เพียง 6 นี้ไม่เพียงจะโดดเด่นอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำเท่านั้น หากยังกลายมาเป็นโลโก้ที่ใครๆ ก็จดจำของแบรนด์รถยนต์ซูบารุ เราลองย้อนกลับไปสำรวจประวัติศาสตร์ของรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นยี่ห้อนี้กันสักหน่อยดีกว่าว่า กว่าที่จะเติบโตขึ้นมาเป็นแบรนด์ระดับโลกอย่างทุกวันนี้ได้ การเดินทางของซูบารุเป็นอย่างไร

(Subaru 360 – LadyBird)

ย้อนกลับไปในปี 1958 Subaru 360 หรือที่ใครๆ ต่างรู้จักในชื่อ Ladybird ได้ออกวางจำหน่ายเป็นครั้งแรก รถรุ่นนี้ได้รับความนิยมอย่างถล่มทลายจากขนาดที่กะทัดรัดและสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม และอีก 3 ปีต่อมาได้มีการเปิดตัว Subaru Sambar รถบรรทุกขนาดเล็กที่กลายเป็นโมเดลคลาสสิกของซูบารุ และส่งให้แบรนด์เป็นที่จดจำในฐานะผู้ผลิตรถบรรทุกขนาดเล็กไปโดยทันที

(Subaru Sambar)

ด้วยเทคโนโลยีการผลิตรถยนต์ที่ก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ในปี 1966 Subaru 1000 รถส่วนบุคคลที่มาพร้อมห้องโดยสารที่กว้างขวางขึ้น และมีทั้งโมเดล 2 ประตู กับ 4 ประตูก็ได้ออกมาโลดแล่นบนท้องถนน จุดเด่นสำคัญประการหนึ่งของรถรุ่นนี้คือ ‘เครื่องยนต์ Boxer’ หรือเครื่องยนต์สูบนอนที่กลายมาเป็นเอกลักษณ์ประจำของรถยนต์ซูบารุทุกๆ รุ่นนับแต่นั้น โดยเครื่องยนต์ Boxer มีจุดเด่นเรื่องการทรงตัว เพราะลูกสูบทำงานด้วยการเคลื่อนที่ในแนวนอน ส่งผลโดยตรงให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำและยังช่วยลดแรงสั่นสะเทือนอีกด้วย

(Subaru 1000)

ไม่กี่ปีต่อมา ซูบารุก็ได้เข็น Subaru Leone ออกสู่ท้องตลาด รถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อรุ่นแรกที่กลายเป็นอีกหนึ่งโมเดลยอดฮิต ความโดดเด่นของรถรุ่นนี้อยู่ที่การเปิดตัวนวัตกรรม Symmetrical All-Wheel Drive (SAWD) หรือระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบสมมาตร ที่จะส่งกำลังไปยังล้อทั้ง 4 ตลอดเวลา และช่วยให้รถยึดเกาะถนนได้ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นบนถนนลื่นเพราะฝนหรือหิมะ SAWD นี่เองที่ต่อมาได้กลายเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของแบรนด์นี้

(Subaru Leone)

ในปี 1997 ซูบารุได้ตัดสินใจบุกตลาดรถสปอร์ตอเนกประสงค์ (SUV) ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะนั้น ด้วย Subaru Forester หนึ่งในรถยนต์ที่ประสบความสำเร็จด้านยอดขายสูงสุดรุ่นหนึ่งของบริษัท คุณสมบัติเด่นของ Subaru Forester คือการเป็นรถอเนกประสงค์สำหรับครอบครัวที่รักการเดินทาง สามารถขับขี่ในทุกสภาพอากาศและสภาพถนน โดยที่ยังคงรักษาความมั่นใจและความสะดวกสบายไว้

(Subaru Forester)

สาเหตุอีกประการที่ส่งให้ Subaru Forester กลายเป็นรถยอดฮิต เพราะไม่เพียงแต่จะพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์รูปแบบของไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายขึ้นของคนสมัยใหม่ แต่ยังเหมาะกับการใช้งานในลักษณะครอบครัว ด้วยพื้นที่ในรถที่กว้างขวาง ฟังก์ชั่นต่างๆ ที่ใช้งานได้จริง อีกยังคงไว้ซึ่งความเสถียรในการขับขี่และมีความนุ่มนวลมากกว่ารถขับเคลื่อน 4 ล้อทั่วๆ ไป Subaru Forester จึงกลายเป็นตัวเลือกยอดฮิตสำหรับออกทริปของหลายๆ ครอบครัว

ซูบารุยังคงผลิตรถยนต์โมเดลใหม่ๆ สู่ท้องตลาดอยู่เรื่อยๆ ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น Subaru FF1, R1, R2, Impreza, Legacy, Outback, XV, Ascent, BRZ หรือสุดยอดสปอร์ตซีดานอย่าง WRX และ WRX STi  และไม่ใช่แค่สมรรถนะของการขับขี่ที่พัฒนาขึ้นในรถเหล่านี้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงมาตรฐานความปลอดภัยที่ถูกยกระดับอยู่เสมอ โดยเฉพาะเทคโนโลยีเสริมความปลอดภัยล่าสุดอย่าง ‘EyeSight’ ที่มีระบบช่วยเหลือต่างๆ โดยยังคงมอบให้คนขับเป็นผู้ควบคุม ไม่ว่าจะเป็นระบบคอยเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลนหรือส่ายไปมา, ระบบ Adaptive Cruise Control ที่จะปรับความเร็วให้อัตโนมัติโดยคำนวณจากความเร็วและระยะห่างของรถคันหน้า หรือระบบช่วยเตือนและเบรกในกรณีฉุกเฉิน ด้วยเทคโนโลยี EyeSight นี้เอง ทำให้ตั้งแต่ปี 2017 สถาบันประกันความปลอดภัยบนทางหลวง (IIHS) ของสหรัฐอเมริกาจัดอันดับสูงสุดด้านการป้องกันการชนจากด้านหน้าให้กับรถยนต์ซูบารุทุกรุ่นที่ติดตั้งเทคโนโลยีนี้

(“EyeSight”, Stereo Cameras – Subaru Core Technology)

แม้จะเป็นรถสัญชาติญี่ปุ่น แต่ก็ไม่ได้แปลว่าซูบารุจะเป็นที่นิยมแค่ในประเทศบ้านเกิด เพราะในปี 2017 ที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์ซูบารุทั่วโลกมีสูงถึง 1.01 ล้านคัน โดยที่กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของตัวเลขนี้มาจากตลาดสหรัฐอเมริกา อีกทั้งในปี 2018 ที่ผ่านมา ซูบารุก็ได้คว้าตำแหน่งสุดยอดรถประเภท Compact SUV ในตลาดที่ผู้บริโภคเป็นใหญ่อย่างประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วย

นอกจากซูบารุจะแปลว่ากลุ่มดาวลูกไก่แล้ว คำนี้ยังมีความหมายที่สำคัญว่า ‘รวมกัน’ จากประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 50 ปี ซึ่งมีจุดกำเนิดมาจากการรวมกันของ 6 บริษัทของ Fuji Heavy Industries ซูบารุได้พัฒนายานยนต์ที่รวมสมรรถนะที่โดดเด่น ความสะดวกสบายของผู้โดยสาร และความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานเข้าไว้ด้วยกัน กลายเป็น 3 เสาหลักสำคัญที่สร้างความมั่นใจให้กับรถยนต์ซูบารุเสมอมา

กว่าครึ่งทศวรรษที่ซูบารุได้พิสูจน์ตัวเองอย่างชัดเจนว่า พวกเขาทุ่มเทและท้าทายกับการยกระดับมาตรฐานของตัวเอง พัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่แม้จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ หากก็ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของพวกเขาไว้อย่างครบถ้วน ไม่แปลกเลยที่ซูบารุจะกลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าจับตาของยานยนต์ยุคนี้

 

AUTHOR