กตัญญู สว่างศรี – ค้นหาความพิเศษของตัวเอง ผ่านเสียงหัวเราะของคนอื่น

02

คนที่เชื่อในตัวเรา ช่วยทำให้เราเชื่อในตัวเอง

ยูกับเรายังนั่งกันอยู่ที่เก้าอี้ตัวเดิมในร้านซูชิ
ปลาดิบในถ้วยพร่องลงไปบางส่วน สวนทางกับเรื่องราวที่เพิ่มขึ้น แม้ร้านจะเงียบแต่บรรยากาศด้านนอกคึกคัก
ผู้คนแปลกหน้าเดินเร่งฝีเท้าสวนไปอย่างไม่ใยดี เหมือนต่างกด skip ใส่กันและกัน ยูเหลือบมองเล็กน้อย ก่อนหันมาบอก

“เวลาทำอะไรที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้
ตอนเริ่มต้นมันต้องมีคนที่เชื่อเรา เชื่อโดยที่ไม่มีเงื่อนไขอะไรเลย สำหรับผม
แซมคือคนนั้น”

ยูกำลังหมายถึง แซม-พลสัน
นกน่วม ที่เคยเล่าไว้ในตอนแรก เขาคือเพื่อนสมัยประถมที่ไม่เจอกันนาน
แต่บังเอิญเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน แถมยังบ้านอยู่ใกล้กัน ชอบอ่านนิตยสาร a day เหมือนกัน เล่นเกมและเตะบอลด้วยกัน ก่อนจะเริ่มทำอีกหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นรายการ ‘เท็จ Talks’ ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น ‘Get Talks’ ตามมาด้วยการจัดเวิร์กช็อป
เลยเถิดจนกลายเป็น ‘A-Katanyu 30 ปีชีวิตห่วยสัส’ สแตนด์อัพคอเมดี้ครั้งแรกของยู

“ผมกับไอ้แซมลองทำอะไรหลายอย่างมาก
ทำแล้วก็ไม่มีคนสนใจ ทำอันนั้นก็จ๋อย ทำอันนี้ก็จ๋อยลองกันมาเยอะนะ
ถ่ายคลิป ถ่ายวิดีโอก็ไม่ถูกทางสักที จนวันที่เราพบสิ่งที่ simple ที่สุด เป็นสิ่งที่เราทำได้ดี คือเราชอบนั่งคุยเล่น
เฮฮา สร้างบรรยากาศ ที่จัดงาน A-Katanyu ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมั่นใจขึ้น
จากประสบการณ์ที่ได้รับระหว่างทำนิตยสาร GM ได้สัมภาษณ์นักคิด
นักเขียนและคนที่ประสบสำเร็จมากมาย เคยจัดงานอีเวนต์มาบ้าง
แต่อีกส่วนนึงเกิดขึ้นได้เพราะแซม ผมกับมันเหมือนโฟรโดกับแซม ตัวละครใน The
Lord of the Rings
ผมเป็นโฟรโดที่ตามหาแหวน แล้วแซมก็คือแซมที่
เอ้า! มึงทำอะไรก็ทำ กูพร้อมซัพพอร์ต เป็นคนคอยบอกว่าเอาสิ กูว่ามึงทำได้
เป็นคนที่เชื่อผมตั้งแต่วันที่ยังไม่มีใครเชื่อผมเลย แม้แต่ตัวผมเองด้วยซ้ำ”

นอกจากรับหน้าที่เป็นผู้จัดการคอยประสานงานทุกอย่าง
ตอนนั้นแซมยังช่วยยูทำบทร่วมกับแฟกซ์-คณิตกรณ์
ศรีมากรณ์ เด็กหนุ่มที่เคยบอกเราผ่านสายโทรศัพท์ว่า
ยอมลาออกจากงานนิตยสารที่ทำได้แค่ 6 เดือน
เพราะได้ข่าวว่ายูกำลังจะจัดสแตนด์อัพคอเมดี้
ซึ่งตรงกับความฝันและความสนใจวัยเด็กของเขา เลยอาสามาทำให้ฟรีๆ แบบไม่มีรายได้ถึง 1 เดือนเต็ม (แต่ยูยืนยันจะให้ค่าตัวกับแฟกซ์ในที่สุด)

ทำให้คนอื่นหัวเราะมันไม่ง่าย

ทั้งที่ตั้งใจไปร่วมทีมเต็มที่
แต่แฟกซ์ก็ต้องเหวอเบาๆ

“ตอนไปประชุมครั้งแรกผิดกับภาพในหัวมาก
คือมีผม พี่ยู แฟนพี่ยู นั่งกันอยู่ 2 – 3 คน
พี่แซมตามมาทีหลัง ไม่มีทีม ไม่มีการแบ่งงาน ผมก็คิดว่ามันใช่เหรอวะ
จนกระทั่งพี่ยูประกาศอีกทีว่าจะทำจริงๆ ตอนนั้นนอกจากจะไม่เชื่อพี่ยู
ผมยังไม่เชื่อแม้กระทั่งตัวเองว่าจะทำได้ แค่รู้สึกว่าโอกาสมาแล้วเลยอยากให้เวลาเต็มที่”
เรียกได้ว่าเขาตรงข้ามกับกองหนุนอย่างแซมโดยสิ้นเชิง
แต่ก็มีความกล้าและความกลัวบางอย่างที่เชื่อมโยงกับยูได้

การตั้งต้นทำบท A-Katanyu
แฟกซ์พยายามคิดว่าตัวเองอยากเล่าอะไร สะสมมุกอะไรไว้บ้าง
นำมาเขียนเป็นบทให้หมด แต่พอให้ยูเล่ากลับไม่เวิร์ก แค่ซ้อมครั้งแรกก็ฝืดสนิท
จนต้องเปลี่ยนแผนใหม่หันมาตั้งต้นเรื่องจากตัวตนของยู ไม่ว่าวัยเด็ก วัยเรียน
วีรกรรมต่างๆ แล้วค่อยช่วยกันตบมุกเข้าไป ซึ่งทำให้ยูเล่าได้ไหลลื่น สนุกปาก
สามารถควบคุมเรื่องราวที่ตัวเองจะเล่าได้ดีขึ้น พอซ้อมครั้งที่สองก็เริ่มเห็นแววขำ

“คนอื่นขำไหมไม่รู้แต่เราขำ
เหมือนเราเชื่อในเรื่องที่ตัวเองจะทำ เป็นครั้งแรกที่ทำให้ผมรู้สึกว่า
มันทำได้จริงๆ” แฟกซ์บอกอย่างนั้น-เขาเชื่อในตัวยูและในตัวเองมากขึ้น

A-Katanyu สแตนด์อัพคอเมดี้ในแบบฉบับคนกันเอง
จึงสำเร็จเป็นรูปเป็นร่างและถูกจัดขึ้นภายในร้านหนังสือ Zombie Book ย่าน RCA ซึ่งเป็นร้านรุ่นพี่ที่รักใคร่กันดีกับยู
และได้รับฟีดแบ็กจากผู้ชมดีเกินคาด ล้นหลามเต็มร้าน จนเกิดการต่อยอดไปสู่ A
Katanyu and Friends One Night Stand (Up) ที่ไม่ใช่แค่ยู
แต่ยังรวมเพื่อนในวงการมาร่วมแสดงด้วยกัน
โดยยูจะเป็นทั้งพิธีกรและคอเมเดี้ยนปิดท้าย

“งานนี้ตอบเรื่องความสนุกของตัวเองก่อน
แต่ส่วนที่สองคือ ผมอยากให้มีกลุ่มคนที่สนใจอะไรแบบนี้ ไม่ต้องดูผมคนเดียวก็ได้
ในงานมีทั้งครูทอม คำไทย แซม บีเบนซ์ พุฒิ วงภูมิจิต ฯลฯ
ถ้าทำให้เกิดคัลเจอร์ในการดูได้
มันน่าจะสนุกและเป็นสิ่งที่สแตนด์อัพคอเมดี้บ้านเราไม่เคยมีมาก่อน
ผมไม่ได้คิดว่าจะต้องเป็นคนปั้นวงการ ผมแค่อยากจะเป็นจุดเล็กๆ จุดหนึ่ง
คือถ้าจะถมดำในภาพขาวทั้งภาพ ผมก็อาจจะเพิ่มจุดดำไปจุดหนึ่งเท่านั้นก็พอ”

จากมุมคนใกล้ชิด
แซมมองว่าคราวนี้ยูเปลี่ยนไปมาก โดยเฉพาะความคิดที่เป็นระบบมากขึ้น มีวิธีการ 1-2-3-4 ว่าจะไปถึงเป้าหมายยังไง ไม่ใช่อยู่ดีๆ อยากทำโชว์แล้วทำเลย
แต่มีสกิลล์ในการบริหารจัดการ มองเห็นภาพชัดเจนว่าใครต้องรับผิดชอบอะไรบ้าง
การทำงานของทีมจึงง่ายขึ้น เพราะต่างคนต่างรู้หน้าที่ตัวเอง ใช้ความเชื่อใจและความเข้าใจกัน
นี่คือทักษะการบริหารงานที่แท้จริงซึ่งไม่จำเป็นต้องถือไว้เองทั้งหมด
ยูจะได้ถอยออกมาเพื่อทำสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นคือ ทำบท

“ก่อนจะสร้างทีม
ยูสร้างฐานคนไว้เยอะมาก ถ้าสมมติเป็นทหารรับจ้าง
ยูจะเปรียบเหมือนแม่ทัพที่มีทหารต่างๆ พร้อมจะตามยูมาเยอะมาก
ศึกครั้งแรกเราเหมือนทหารประจำหมู่บ้านที่ยังง่อยๆ รบกันไม่เป็น
ศึกครั้งที่สองก็เริ่มรบอย่างมีระบบมากขึ้น และศึกครั้งที่สามใน The Man Who
Stand Up เราขยับมาเป็นทหารชั้นแนวหน้าที่เริ่มมีความรู้
พร้อมรอรับคำสั่งจากยู”

จะไม่เป็นคนธรรมดาอีกต่อไป

“เอาวาซาบิเพิ่มมั้ยพี่”

ยูถามเราเบาๆ
ก่อนหันไปกวักมือเรียกพนักงานเสิร์ฟ เราตอบไม่เป็นไร
ก่อนดึงตัวกลับมาให้อยู่กับแซลมอนและไข่หวานตรงหน้า
พนักงานเดินกลับมาพร้อมวาซาบิก้อนเล็กที่บุบบี้ในถ้วย

“ผมเป็นคนคิดใหญ่
ผมเป็นคนทะเยอทะยาน ผมเจ็บปวดนะเวลาที่มีคนหมั่นไส้ผม มองว่าผม wannabe ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าผมเป็นคนยังไง ไม่ได้รู้จักกัน แต่พอถึงจุดนึง
ผมไม่แคร์แล้ว ผมรู้สึกว่าไม่จำเป็นเลยที่จะต้องแคร์คนที่ไม่รู้จักเรา”

ยูคิดว่าสิ่งที่ทำให้คนคนนึงกล้าลงมือทำ คือ การยอมรับตัวเองว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ พอยอมรับตัวเองได้ก็จะสามารถออกแบบชีวิตตัวเองได้ว่าเลเวลของสิ่งที่เราต้องการอยู่ตรงไหน
แล้วค่อยๆ ไล่จากสิ่งที่เราคิดมาถึงสิ่งที่เราทำ

“เราเห็นโอกาสในศักยภาพของเราที่จะทำความฝันให้เป็นรูปธรรมขึ้นมา
ผมว่าใครเจออะไรพวกนี้ คุณแม่งกลายเป็นคนพิเศษขึ้นมาเลย มันคือเคล็ดลับที่ทำให้คุณต่างจากคนอื่น มันคือโมเมนต์พิเศษที่มนุษย์ธรรมดาทั่วไป
ถ้าไม่เจออะไร มันจะบอกกับตัวเองแบบนี้ไม่ได้ และจะยังใช้ชีวิตธรรมดาต่อไป
ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นสแตนด์อัพฯ เท่านั้น
แต่มันอาจจะเป็นเรื่องอะไรบางอย่างที่คุณทำแล้วรู้สึกว่า เออกูต้องทำสิ่งนี้
กูทำได้ ผมว่านั่นคือความรู้สึกที่ทุกคนสามารถเป็นคนพิเศษได้”

จากความสำเร็จของการจัดสแตนด์อัพคอเมดี้ทั้งสองครั้งที่ผ่านมา
ทำให้เขาอยาก ‘เหยอ’ ให้มากขึ้น

เขาจึงท้าทายตัวเองด้วยการประกาศจัด
The Man Who Stand Up สแตนด์อัพคอเมดี้เต็มรูปแบบของตัวเองในเดือนกันยายนนี้
จากเคยแสดงในร้านหนังสือขนาดย่อมก็กลายเป็นการแสดงเดี่ยวต่อหน้าผู้ชมในโรงละครจำนวน
1,069
ที่นั่ง เพียงเพราะได้ยินเสียงในใจตะโกนว่า

“มันเป็นไปได้ กูจะทำตรงนี้”

ขณะนี้
น้ำชาร้อนในแก้วของเราทั้งคู่แห้งเหือดหมดแล้ว

เรื่องนี้ยังต้องตามกันต่อ
เห็นทีจะต้องขอรีฟิลอีกซักรอบ

Before I stand up บทความ 4 ตอนจบเล่าเบื้องหลังการทำเดี่ยวไมโครโฟนของ กตัญญู สว่างศรี นักเขียนและพิธีกรผู้กล้าหาญจัดงานเดี่ยวไมโครโฟนของตัวเอง เขาเคยจัดงานขนาดเล็กชื่อ A-Katanyu 30 ปีชีวิตห่วยสัส และ One Night Stand Up ซึ่งจัดร่วมกับเพื่อนผู้หลงใหลการแสดงเดี่ยวไมโครโฟน เขากำลังจะจัดงานเดี่ยวไมโครโฟนครั้งใหม่ A-KATANYU The Man Who Stand Up ที่โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ ชั้น7 สยามสแควร์วัน วันที่ 22-23 กันยายน ดูรายละเอียดได้ที่ facebook.com/akatanyu

AUTHOR