Mitsume : วงดนตรีญี่ปุ่นที่จับอินดี้ร็อคมาเจอกับดนตรีแนวทดลอง

J-POP, J-ROCK และไอดอล เป็นภาพจำที่คนส่วนใหญ่นึกถึงอุตสาหกรรมดนตรีแดนปลาดิบ ซึ่งเพลงแบบฉบับญี่ปุ่นนั้นแข็งแรงสุดๆ ในช่วงยุค 90s ยกตัวอย่างเช่น X Japan, L’Arc-en-Ciel หรือแม้แต่ Utada Hikaru

ตั้งแต่ปี 1997 เจป๊อปเข้ามาครองใจแฟนเพลงชาวไทยได้มากมายก่อนที่กระแสจะซาลงไปในช่วงหลัง ดังนั้นจึงมีวงดนตรีญี่ปุ่นไม่กี่วงที่เข้ามาอยู่ในการรับรู้ของคนไทย (ไม่นับในช่วง 1-2 ปีมานี้ ที่วง AKB48 และตระกูล 48 ทั้งหลายมาแรงมาก) แต่จริงๆ แล้ว เราอยากชวนคุณสังเกตว่ายังมีอีกหลายมุมมองในวงการเพลงญี่ปุ่นที่เรายังไม่เคยลองทำความรู้จักอย่างจริงจัง

วงดนตรีอินดี้ญี่ปุ่นฝีไม้ลายมือดีคือมุมที่เราไม่อยากให้คุณพลาด ในญี่ปุ่น วงอินดี้เหล่านี้เริ่มมีมาตั้งแต่ช่วงยุค 80s ปัจจุบันผลงานของวงต่างๆ ล้วนเป็นผลผลิตของเพลงหลากหลายแนว เพราะคนดนตรีญี่ปุ่นเปิดรับการฟังเพลงจากหลายชาติ จากข้อมูลส่วนแบ่งการตลาดอุตสาหกรรมเพลงทั่วโลก ญี่ปุ่นครองส่วนแบ่งในอันดับ 2 ของทุกปี (ยกเว้นปี 2010 ขึ้นอันดับหนึ่งแซงหน้าสหรัฐอเมริกา) ดังนั้น ภาพรวมของวงการเพลงญี่ปุ่นเลยเป็นอะไรที่มองข้ามไปไม่ได้

บทความนี้เราขอพาคุณไปทำความรู้จักกับวงอินดี้ญี่ปุ่นคุณภาพอีกวง ซึ่งเรานิยามพวกเขาว่า ‘วงที่ทำดนตรีอินดี้ร็อกผสมดนตรีทดลอง’ พวกเขาก็คือ Mitsume ประกอบไปด้วยสี่สหาย Moto Kawabe (ร้องนำและมือกีตาร์), Masao Otake (มือกีตาร์), Nakayaan (มือเบส) และ Yojiro Suda (มือกลอง) พวกเขาฟอร์มวงกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยเคโอเมื่อปี 2009

สี่หนุ่มมีแนวทางด้านดนตรีในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะอิทธิพลดนตรีอินดี้ร็อกจากฝั่งอเมริกา แม้ Mitsume อัลบั้มเต็มชุดแรกในปี 2011 จะยังไม่ได้ต่างจากเพลงเมโลดิกป๊อปทั่วไปมากนัก แต่ในยุคหลัง เมื่อพวกเขาฟังเพลงที่หลากหลายและเติบโตมากขึ้นยิ่งทำให้ได้ส่วนผสมในผลงานที่น่าสนใจ โดยเฉพาะ Eye อัลบั้มในปี 2012 ที่เพิ่มซินทิไซเซอร์เเละกลิ่นอายดนตรีอิเล็กทรอนิกส์เข้ามา ถือเป็นการเปลี่ยนเเปลงสําคัญ เเละสร้างเอกลักษณ์ของวงจริงๆ

Mitsume ไม่มีค่ายและตัดสินใจลงมือทำเพลงและการตลาดออนไลน์เองตั้งแต่อัลบั้มแรกจนถึงอัลบั้มที่สาม เหตุผลง่ายมากเพราะพวกเขาอยากสร้างทิศทางให้ตัวเองเท่าที่ตัวเองจะพอใจ และด้วยความที่ทุกคนเป็นเพื่อนกันและแบ่งบทบาทกันอย่างเท่าเทียมทำให้การฟังเพลงของ Mitsume เป็นเหมือนการซึมซับประสบการณ์ที่เพื่อนทั้งสี่คนมาเล่นดนตรีสนุกๆ ร่วมกัน

ในขณะที่วงอินดี้สัญชาติญี่ปุ่นรุ่นใหม่นิยมทำเพลงเป็นภาษาอังกฤษอย่างล้นหลาม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลด้านความถนัด หรือเพื่อเผยแพร่ผลงานในระดับสากลให้ง่ายดายขึ้น แต่สำหรับ Mitsume พวกเขายังคงเขียนทุกเพลงเป็นภาษาญี่ปุ่น ทำให้เพลงยังคงเข้าไปถึงใจคนฟังญี่ปุ่นได้ง่าย โดยช่วงแรก วงแชร์เพลงบน Myspace และ SoundCloud เพื่อสะสมฐานแฟนคลับ และเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2011 ปัจจุบันมีอัลบั้มเต็ม 3 ชุด และกำลังซุ่มทำอัลบั้มใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งแม้ว่าจะทำเพลงกันเองจะดังยากกว่าการมีสังกัดดูแล แต่พวกเขาก็ประสบความสำเร็จไม่น้อยในตลาดเพลงญี่ปุ่นและตลาดเพลงโลก

เอกลักษณ์ของ Mitsume คือไลน์กีตาร์สนุกๆ กรูฟหนึบๆ กับเพลงจังหวะกลางๆ ฟังได้เรื่อยๆ ชิลล์ๆ ซึ่งในแต่ละเพลงจะมีลูกเล่นที่แตกต่างกันออกไป เช่น ดนตรีทดลองจากเครื่องดนตรีไม่ซ้ำรูปแบบ ลูกเล่นของเพอร์คัสชั่นที่ประหลาดล้ำไม่เหมือนใคร และซาวด์ที่ให้กลิ่นอายย้อนยุคหวนอดีตกลับไปยังปี 80s และ 90s

เวลาพวกเขาแสดงสด เอกลักษณ์ของวงคือการแสดงนิ่งๆ เนิบๆ เช่นเดียวกับช่วงเวลาที่เราได้พูดคุยกับสี่หนุ่มก่อนขึ้นเวทีที่กรุงเทพฯ เราขอเน้นย้ำเลยว่าทั้งสี่พูดน้อยมากถึงมากที่สุด เพราะถนัดเรื่องลงมือทำเสียมากกว่า พอได้โอกาสดู Mitsume เล่นสดครั้งแรกในคอนเสิร์ต POW FEST#3 เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมาเราจึงประทับใจในความสามารถและอยากจะแนะนำเพลงของพวกเขาให้คุณเริ่มฟังกัน เผื่อว่าจะติดใจ


01 Akogare

เราเริ่มรู้จักเขาจากแทร็กฮิตอย่าง Akogare เพลงฟังสบายหู จากอัลบั้ม A Long Day ที่ปล่อยออกมาเมื่อปี 2016 คนฟังบางคนบอกว่าพอได้ฟังเพลงนี้ก็ชวนให้นึกถึงเพลงจังหวะกลางๆ ของวง Tom Tom Club วงดนตรีแนวนิวเวฟยุค 80s จากฝั่งอเมริกา ส่วนไลน์กีตาร์และจังหวะก็ทำให้บางคนนึกถึงเพลง Girls ของ The 1975 Akogare บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแฟนเก่าที่มีแฟนใหม่เรียบร้อยแล้ว ทำให้เธอลืมเรื่องราวในอดีตไปโดยปริยาย พอผนวกกับเสียงร้องฟังสบายและจังหวะแน่นๆ ของเครื่องดนตรีทั้งหมดจึงทำให้เพลงนี้มีเสน่ห์และเข้าไปนั่งอยู่ในใจคนฟังได้ไม่ยาก


02 memai

แทร็กกลิ่นฟังก์ชวนเคลิบเคลิ้ม บอกเล่าเรื่องความรักที่ลาจากไปไกล บรรจุลวดลายการเล่นกีตาร์ที่บิดเบือนจากการเล่นทั่วไปได้อย่างสร้างสรรค์ เรียกว่าเป็นแทร็กที่เสียงกีตาร์แปลกมากที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยทำมาเพลงหนึ่ง แถมเมโลดี้ที่มีจังหวะมาๆ หายๆ ยังชวนให้เรานึกถึงคลื่นที่มีจังหวะขึ้น-ลงสลับกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ มิวสิกวิดีโอเพลงนี้ถ่ายทอดภาพของสี่หนุ่มในทิวทัศน์หลายๆ มุมมองบนเกาะอิซุได้อย่างน่าตื่นเต้น ทั้งในป่า ชายฝั่งที่ขรุขระ ในฟาร์ม บนทุ่งหญ้า เนินทรายสีดำ ท่าเรืออุตสาหกรรม ภูเขาฟูจิ จังหวะการเคลื่อนกล้องให้ความรู้สึกแปลกใหม่ในแบบที่คุณไม่น่าจะได้เห็นกันบ่อย พอประกอบเข้ากับเพลงต้องบอกเลยว่าลงตัวซะไม่มี


03 Cider Cider

ใครชอบการตบเบสมันๆ ต้องไม่พลาดเพลงนี้ในอัลบั้ม Eye เมื่อสี่หนุ่มจงใจแหวกขนบวงดนตรีร็อกทั่วๆ ไปด้วยการนำเสนอสิ่งใหม่อย่างเสียงกีตาร์โซโลเนิบนาบ จะเร็วก็ไม่ใช่ จะหย่อนก็ไม่เชิง ผสานเข้ากับการตบเบสมันๆ รวมทั้งเสียงซินทิไซเซอร์สุดบรรเจิดที่ให้ทำนองวกวนและกลองไฟฟ้าจังหวะคึกคาดเดายาก เพลงนี้เปรียบความรักเหมือนน้ำเชื่อมหวาน แต่บอกไว้ก่อนว่าเนื้อเพลงน้อยมาก เพราะสี่หนุ่มเน้นการสร้างอารมณ์ร่วมซึ่งเรายอมรับแต่โดยดีว่าเพลงนี้ค่อนข้างดึงสมาธิของคนฟังให้กระเจิดกระเจิงได้มากเลยทีเดียว


04 disco

Mitsune ตัดสินใจเพิ่มเครื่องดนตรีซินทิไซเซอร์เข้ามาเป็นองค์ประกอบของเพลงในอัลบั้ม Eye จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในแง่ซาวด์ โดยเฉพาะเพลงเด่นที่ถูกยกระดับให้เป็นเพลงชาติวงอย่าง disco เพลงป๊อปอารมณ์เศร้าอวลกลิ่นอายนอสทัลเจียที่ชวนให้นึกถึงวง Beach Fossils ที่สำคัญเพลงนี้ยังส่งให้พวกเขาเป็นที่จดจำของแฟนเพลงญี่ปุ่นอีกด้วย



05 Esper

อีกเพลงที่เราอยากแนะนำมากๆ คือ Esper ซิงเกิลล่าสุดที่เพิ่งปล่อยออกมาไม่นานนี้ ในเพลงโดดเด่นด้วยเสียงร้องเศร้าๆ บรรยายเนื้อหาหม่นๆ ของ Kawabe ที่ทำหน้าที่เป็นพระเอกของเพลง เมื่อประกอบเข้ากับเสียงกีตาร์โซโลที่ล่องลอยไปไกล และเอฟเฟกต์ที่วนลูปเหมือนติดกับดัก จึงทำให้คนฟังอย่างเราจินตนาการถึงภาพลวงตา เสมือนยืนอยู่กลางทะเลทรายแล้วเห็นแหล่งน้ำพร่ามัวเบื้องหน้ายังไงยังงั้น


SMALL TALK WITH MITSUME : พูดคุยเล็กๆ น้อยๆ กับสี่หนุ่มอินดีร็อก


ชื่อวง Mitsume มาจากอะไร

มิตสุเมะแปลว่าดวงตาสามดวง ด้วยความหมายเราอยากสื่อถึงสิ่งที่ทั้งมีอยู่และไม่มีอยู่จริง อย่างเช่นยูนิคอร์นเป็นสิ่งหนึ่งที่มีอยู่และไม่มีอยู่จริง เพื่อให้วงมีภาพลักษณ์ที่มองเห็นได้ไม่ชัดว่ามีหรือไม่


Mitsume รวมตัวกันได้ยังไง

เราเป็นคนทำเพลงและเล่นดนตรีอยู่แล้ว ก่อนหน้าเคยมีวงแต่ก็ยังไม่สำเร็จ เลยรู้สึกอยากเล่นดนตรีต่อเนื่องเลยชวนเพื่อนๆ มาทำวงใหม่อีกครั้งหนึ่ง ตอนเรียนมหาวิทยาลัยมีโอกาสที่ได้เข้ามาในชมรมดนตรีแล้วได้เจอกับเพื่อนๆ ซึ่งพอมาเจอกันแล้วมีความชอบที่ใกล้เคียงกันเลยกลายเป็น Mitsume ในที่สุด


วงคุณมีการทดลองทางดนตรีในแต่ละเพลงเยอะมาก เลยอยากรู้ว่าวางจุดยืนยังไงกันแน่

ทุกคนชอบฟังเพลงที่หลากหลาย เราเอาดนตรีแต่ละแบบมาป้อนในตัวเอง ฟังแล้วเก็บเข้ามา แล้วถ่ายทอดออกมาเป็นผลงาน เพราะฉะนั้นเราไม่ได้สรุปนะว่าอยากเป็นแบบไหน แต่ผลงานที่ออกมาคืออะไรมากกว่า คือเอามารวมแล้วได้แบบนี้เองมากกว่า


การทำเพลงได้แรงบันดาลใจจากไหนบ้าง

คิดว่าเป็นเพราะสิ่งแวดล้อมในการเล่นดนตรีที่อยู่รอบๆ ตัว เช่น วันหนึ่งเราซื้อเครื่องดนตรีชิ้นใหม่เข้ามา แล้วเอามาลองเล่น มันดูแตกต่างไปจากเครื่องดนตรีเดิมๆ ตรงนั้นก็เป็นแรงบันดาลใจให้เราทำเพลงใหม่ได้แล้ว เป็นเพราะพวกเราฟังเพลงหลากหลายประเภท ฟังเพลงแปลกๆ ก็เป็นแรงบันดาลใจในการทำเพลงของตัวเอง เช่น เพลงของบราซิล หลายๆ อย่างผสมกัน เราบอกไม่ถูก


ถ้ามองตัวเองในซีนดนตรีญี่ปุ่น วงของพวกคุณแตกต่างจากวงอื่นยังไง

เราไม่ได้สนใจวงอื่นรอบตัวเท่าไหร่ เลยคิดว่าตัวเองเป็นเอกเทศ เป็นตัวของตัวเอง ไม่เทียบกับใครเลย


ทำไมเพลงของพวกคุณถึงมีกลิ่นอายของอดีตที่มักทำให้เรานึกถึงวงโรลลิ่ง สโตน หรือวงดนตรีในยุค 90s

เพราะพวกเราชอบอะไรที่เป็นเรื่องเก่าๆ แต่อาจจะตกตะกอนมาจากทั้งสี่คน เลยทำออกมาแบบนี้ได้ เราไม่ได้มองว่าฟังเพลงเก่าแล้วอยากเอาเพลงนี้มาทำแบบเขาบ้าง แต่รับมาด้วยความรู้สึกของเราเองแล้วมันออกมาเป็นรูปแบบนี้มากกว่าโดยที่เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาจากไหน


ตอนนี้วงอินดี้ญี่ปุ่นกำลังฮิตแต่งเพลงภาษาอังกฤษ ทำไมคุณยังยืนยันว่าเป็นภาษาญี่ปุ่นอยู่ล่ะ

เราจะทำเพลงเป็นภาษาญี่ปุ่นต่อไป เพราะเราให้ความสำคัญกับเนื้อเพลง ถ้าทำภาษาอื่นอาจจะไกลตัวไปหน่อย ตอนนี้เลยอยากทำภาษาญี่ปุ่นไปก่อน


การตลาดก็ทำกันเอง ทำยังไงให้วงแพร่หลายในคนหมู่มากขนาดนี้

เราโปรโมตกันเอง แต่ไม่ได้วางแผนอะไรยิ่งใหญ่เลย แค่ตั้งเป้าหมายเอาไว้แล้วให้ทุกคนช่วยกันออกความคิดเห็นในสิ่งนั้น พอทำสิ่งหนึ่งได้แล้วเราก็ตั้งเป้าหมายต่อไป ส่วนเรื่องที่ได้ออกไปเล่นต่างประเทศเป็นโอกาสที่เรามีเพื่อนชาวอินโดนีเซียมาชักชวนด้วย เลยมีโอกาสไปต่างประเทศมากขึ้น


ระหว่างทางในแต่ละอัลบั้มทำให้ได้เจอประสบการณ์อะไรบ้าง

เราได้เติบโตขึ้นมาก ตอนที่เราทำเพลงอัลบั้มแรกยังอยู่มหาวิทยาลัยอยู่เลย จนเวลาผ่านมา เราจะสามสิบแล้ว เราเห็นตัวเองตั้งแต่เด็ก มีโอกาสได้เจอผู้คนเยอะมากขึ้น คนที่เราได้เจอมีอิทธิพลกับเราเยอะมาก ถ้าเราไม่ได้เล่นดนตรีคงไม่ได้เจอคนขนาดนี้ เราเรียนเศรษฐศาสตร์กันมา พอมาเจอดนตรีทำให้เราเจอโลกกว้าง เปลี่ยนชีวิตไปเลย


ความฝันส่วนตัวที่ตั้งเป้าหมายไว้คืออะไร

เราไม่ได้วาดฝันเอาไว้สูงมากขนาดนั้นว่าต้องเป็นอะไร แค่ได้ทำสิ่งที่ทำอยู่ให้สำเร็จ ไม่ได้มองว่าความฝันสูงสุดคืออะไร แค่ทำไปทีละอย่างมากกว่า เหมือนแค่ได้ลงมือทำก็เป็นพลังทำให้

เราอยากลุกขึ้นมาทำสิ่งต่างๆ ได้แล้ว


ยังมีอะไรอยากทำอีกไหม

ตอนนี้ยังไม่มีสตูดิโอของตัวเองเลย อยากมีสตูดิโอในญี่ปุ่น เป็นสตูดิโอขนาดไม่กว้างมาก คุยกันได้ ให้ทุกคนได้อยู่ด้วยกัน


ตั้งวงมาตั้งแต่ปี 2009 ตอนนี้ก็เกือบสิบปีแล้ว ทำยังไงให้อยู่ด้วยกันได้นานขนาดนี้

เหมือนต่างคนต่างเข้าใจความชอบด้านดนตรีของแต่ละคน แล้วผลงานที่ออกมาทุกคนต่างยอมรับสิ่งเดียวกัน เลยผ่านทุกอย่างมาได้ เราเป็นคอเดียวกันอยู่แล้ว


ตอนนี้ถือว่าได้ทำงานมาสเตอร์พีชสำหรับวง Mitsume แล้วหรือยัง

ทำแล้ว Mitsume คือแบรนด์ที่ดีที่สุดของเรา และเป็นผลงานชิ้นเอกของเราแล้วครับ ต่อไปเราทำผลงานออกมาก็จะเป็นผลงานที่สุดยอดต่อไปเรื่อยๆ และรักษาคุณภาพของเราให้ดีที่สุดครับ (หัวเราะ)

facebook l mitsume

website l mitsume.me

ภาพ มิติ เรืองกฤตยา และ ดวงสุดา กิตติวัฒนานนท์

AUTHOR