Singapore Art Trail : 10 จุดอาร์ตน่าไปที่คุณอาจไม่เคยรู้ว่ามีอยู่ในสิงคโปร์

Highlights

  • สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีภาพจำคือความเจริญ ตึกสูงหน้าตาโฉบเฉี่ยว และย่านเศรษฐกิจคึกคัก แต่น้อยคนนักจะรู้ว่าสิงคโปร์คือประเทศที่มีงานศิลปะให้ดูเต็มไปหมด ตั้งแต่หอศิลป์แห่งชาติ งานสตรีทที่กระจายไปทั่วเมือง แกลเลอรีในมหาวิทยาลัย หรือแม้แต่โรงหนังทางเลือกที่ซ่อนอยู่ในชุมชนชาวไทย
  • ส่วนหนึ่งที่เป็นเหตุให้งานศิลปะบนเกาะแห่งนี้เติบโตอย่างแข็งแรงเป็นเพราะพวกเขามีแผนการพัฒนาประเทศให้เป็น 'global arts city' ศิลปินจึงได้รับการสนับสนุนไม่ว่าจะในด้านพื้นที่หรือเงินทุน เราจึงรวบรวม 10 จุดอาร์ตในสิงคโปร์มาให้ไปตามรอยกัน

สิงคโปร์“สิงคโปร์มีงานอาร์ตด้วยเหรอ”

เพื่อนบางคนถามกลับ ทันทีเมื่อเราบอกว่ากำลังจะไปสิงคโปร์เพื่อไปดูงานอาร์ต งานอาร์ต และงานอาร์ตโดยเฉพาะ

“ไปมาหลายครั้ง ไม่เห็นมีอะไรเลย” พวกเขาว่า

เมื่อได้ยินอย่างนั้น เราจึงพยายามสาธยายให้ฟังว่า โอเค สิงคโปร์อาจจะโดดเด่นเรื่องเศรษฐกิจที่แซงหน้าเพื่อนบ้านไปไกล มีมารีน่า เบย์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อ และมีแลนด์มาร์กเป็นเมอร์ไลอ้อนก็จริง แต่นั่นมันก็แค่ภาพจำจากอดีต เพราะตั้งแต่ปี 2000 รัฐบาลก็ประกาศกร้าวว่าพวกเขาจะทำสิงคโปร์ให้เป็น global arts city ให้ได้ และเริ่มเทเงินให้พิพิธภัณฑ์ต่างๆ นำงานศิลปะระดับโลกมาจัดแสดง ชวนศิลปินและดีไซเนอร์ดังๆ มาสร้างสรรค์งานที่สิงคโปร์ สนับสนุนโรงเรียนดีไซน์ และศิลปะก็ค่อยๆ เจอที่ทางในชีวิตของผู้คนจนได้

พูดแค่นี้เพื่อนของเราก็ยังไม่เห็นภาพ และคุณก็อาจจะกำลังขมวดคิ้วสงสัยอยู่ว่ามันจริงเหรอ เราจึงใช้พื้นที่ตรงนี้รวบรวม 10 จุดอาร์ตน่าไปมาให้ดูกันชัดๆ ตั้งแต่หอศิลป์แห่งชาติสิงคโปร์ที่คุณน่าจะรู้จักอยู่แล้ว กำแพงที่ศิลปินสตรีททั่วโลกต้องแวะมา โรงแรมหรูที่รับสมัครศิลปินมาพักฟรี ไปจนถึงโรงหนังอินดี้ในห้างที่เป็นชุมชนคนไทย

ยังไม่ต้องจ่ายค่าเครื่องบิน ไม่ต้องจองโรงแรม ที่พัก

เรื่องนั้น อ่านจบแล้วค่อยว่ากัน

สิงคโปร์


National Gallery Singapore

สิงคโปร์
สิงคโปร์
สิงคโปร์

ถ้าอยากเข้าใจรากของศิลปะในสิงคโปร์ให้ลองแวะไปใช้เวลาที่ National Gallery Singapore ก่อน เพราะนิทรรศการถาวรของที่นี่มีชื่อว่า Siapa Nama Kamu?​ (What is your name?) ที่โชว์งานศิลปะบนเกาะแห่งนี้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 เรื่อยมา และ Between Declarations and Dreams ที่เน้นศิลปะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 เช่นกัน

นอกจากนี้ National Gallery Singapore ยังมีนิทรรศการพิเศษให้ดูตลอดปี และเพราะความเอาจริงเอาจัง พวกเขาจึงสามารถดึงศิลปินระดับโลกมาร่วมจัดแสดงงานได้ เช่น นิทรรศการ MINIMALISM: SPACE. LIGHT. OBJECT. ที่เราเพิ่งไปดูมา นิทรรศการนี้เล่าเรื่องราวของงานศิลปะสไตล์มินิมอลผ่านงานของศิลปินระดับโลก ทั้ง Anish Kapoor ศิลปินอังกฤษเชื้อสายอินเดียผู้ครองลิขสิทธิ์ Vantablack หรือสีดำที่ดำที่สุดในโลก (ใครอยากเห็นว่าสีที่ว่าดำมืดแค่ไหนให้รีบไปดู), Ai Weiwei ศิลปินจีนจอมขบถ,​ Olafur Eliasson ผู้นำห้องสีเหลืองอ๋อยที่เปลี่ยนทุกวัตถุในห้องให้เป็นสีขาวดำมาโชว์, Yayoi Kusama คุณป้าเจ้าของงานลายจุด และศิลปินอื่นๆ ที่ทำเอาเราเดินวนอยู่ในนั้นหลายชั่วโมง

MINIMALISM: SPACE. LIGHT. OBJECT. จัดขึ้นตั้งแต่ 16 พฤศจิกายน 2018 – 14 เมษายน 2019 ส่วนใครพลาดงานนี้ไปก็ไม่ต้องเสียดายไป เพราะที่นี่ยังมีนิทรรศการดีๆ อื่นๆ จัดขึ้นตลอด จนเรามั่นใจว่าต่อให้ไปสิงคโปร์ซ้ำๆ ที่นี่ก็ยังจะมีงานศิลปะใหม่ๆ ให้ดูแน่นอน

website : nationalgallery.sg
hours : เปิดทุกวัน เวลา 10:00-19:00 น. (วันศุกร์เปิดถึง 21:00 น.)


ArtScience Museum

สิงคโปร์
สิงคโปร์

ออกจาก National Gallery Singapore แล้วเดินข้ามมารีน่า เบย์ ไปยังฝั่งตรงข้ามจะเจอ ArtSciene Museum พิพิธภัณฑ์ที่เชื่อในการบรรจบกันของโลกศิลปะและวิทยาศาสตร์ งานที่นี่จึงมักจะเป็นงานใหม่ๆ ล้ำๆ โดยเฉพาะไฮไลต์อย่างนิทรรศการถาวร Future World โดย Teamlab กลุ่มนักสร้างสรรค์ชาวญี่ปุ่นที่จับเอาเทคโนโลยีมาผสมกับศิลปะจนดังไปทั่วโลก

สิงคโปร์

แน่นอนว่านิทรรศการที่นี่มีขนาดเล็กกว่าที่ประเทศญี่ปุ่น แต่ก็แน่นด้วยคุณภาพทั้ง 5 โซน คือ Nature, Town, Sanctuary, Park และ Space โดยเฉพาะงานมาสเตอร์พีซอย่าง Transcending Boundaries น้ำตกอินเทอแร็กทีฟที่จะแหวกเมื่อเราเข้าไปยืนใกล้ๆ น้ำและมีดอกไม้ผุดพรายขึ้นมาแทน หรือ Crystal Universe ทางเดินท่ามกลางแสงไฟวิบวับนับพันที่ใครๆ ก็ต้องหยุดถ่ายรูป และในอนาคตก็จะมีงานใหม่อื่นๆ ของทีมแล็บวนเวียนเปลี่ยนมาให้ดูอีกด้วย ใครไม่มีเวลาไปไกลถึงญี่ปุ่น ลองแวะมาดูที่นี่ก่อนก็ดีไม่แพ้กัน

website : marinabaysands.com/museum/exhibitions-and-events
hours : เปิดทุกวัน 10:00-19:00 น.


DECK

สิงคโปร์
สิงคโปร์
สิงคโปร์

เพราะตึกส่วนใหญ่ในสิงคโปร์มักเป็นตึกหน้าตาโฉบเฉี่ยวที่ออกแบบโดยสถาปนิกชั้นนำของโลก หรือตึกแถวเก่าสไตล์เปอรานากันที่รีโนเวตด้านในให้โมเดิร์น เมื่อได้เจอ DECK แกลเลอรีภาพถ่ายที่ใช้ตู้คอนเทนเนอร์มาวางซ้อนกันในสเปซเล็กๆ จึงดูใหม่สะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น

เมื่อได้คุยกับ Gwen Lee หญิงสาวผู้ก่อตั้ง DECK เราถึงได้รู้ว่าไอเดียของที่นี่ก็เป็นเรื่องใหม่ในสิงคโปร์เช่นกัน เพราะที่นี่คือหนึ่งในชุมชนช่างภาพซึ่งมีอยู่น้อยนิดในสิงคโปร์ พวกเขาจึงใช้พื้นที่เล็กๆ ที่มีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุด ด้วยการแบ่งสเปซเป็นแกลเลอรีแสดงงานภาพถ่าย 2 ห้อง, ห้องสมุดที่ได้รับบริจาคหนังสือจาก Steidl สำนักพิมพ์อาร์ตบุ๊กเยอรมันกว่าพันเล่ม, ห้องทำงานทีมงาน และห้องทำงานของ artist-in-residence ที่พวกเขาเปิดรับตลอดทั้งปี

งานที่พวกเขาจัดแสดงมีตั้งแต่งานของช่างภาพชาวสิงคโปร์ งานของศิลปินต่างประเทศ ไปจนถึงงานที่ DECK ทำหน้าที่เป็นแม่สื่อจับคู่นักเรียนถ่ายภาพและช่างภาพมืออาชีพเพื่อให้รุ่นพี่ช่วยรุ่นน้องพัฒนาโปรเจกต์ แถมยังวางขายหนังสือโฟโต้บุ๊กดีๆ อีกด้วย ใครอยากเห็นว่าแวดวงภาพถ่ายในสิงคโปร์เป็นอย่างไรควรแวะมาที่นี่เป็นอย่างยิ่ง

website : deck.sg
hours : 12:00-19:00 น. (วันอาทิตย์เปิดถึง 17:00 น. หยุดวันจันทร์)


Telok Ayer Arts Club

สิงคโปร์
ภาพจากเพจ Telok Ayer Arts Club

ใจกลางถนน McCallum ย่านธุรกิจอันคึกคักของสิงคโปร์ยังมีร้านเล็กๆ ซ่อนอยู่เพื่อทำให้งานศิลปะเข้าถึงคนสิงคโปร์มากขึ้น (โดยเฉพาะคนทำงาน) ร้านที่ว่ามีชื่อว่า Telok Ayer Arts Club

สิงคโปร์

Telok Ayer Arts Club คือร้านอาหาร บาร์ และแกลเลอรีที่จัดแสดงงานศิลปะแบบไม่จำกัดเทคนิค บางครั้ง พวกเขาก็โชว์งานเพนต์ติ้งไว้บนผนังร้านให้คนที่มานั่งกินอาหารและจิบค็อกเทลได้เอ็นจอย แต่บางครั้ง พวกเขาก็ไปไกลกว่านั้น เช่น นิทรรศการ 11 ที่ศิลปินเขียนงานเขียน 11 ชิ้น แล้วชักชวนคน 11 คนมาร่วมงาน พวกเขาจะถูกจับคู่และเวียนกันอ่านบทหลากหลายอารมณ์เหล่านั้นที่ทำเอาบางคนหัวเราะออกมาดังๆ และบางคนก็ต้องเสียน้ำตา

และเพราะที่นี่คือ ‘arts club’ ศิลปะจึงเป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง ในแต่ละนิทรรศการ บาร์เทนเดอร์และเชฟจะสร้างสรรค์เมนูพิเศษขึ้นมาเพื่อนิทรรศการนั้นๆ โดยเฉพาะ เช่น นิทรรศการ 11 ที่พวกเขาเพิ่มเมนู Penici11in และ Chi11i Crab เข้ามา (เห็นอะไรที่ซ่อนอยู่ในชื่อเมนูไหม) ทำให้นอกจากจะพลาดนิทรรศการไม่ได้แล้ว การไปกินมื้อพิเศษจากนิทรรศการก็เป็นเรื่องที่พลาดไม่ได้เช่นกัน

website : telokayerartsclub.sg

hours : 11:00-23:00 น. ปิดวันอาทิตย์


The Projector

สิงคโปร์
สิงคโปร์
สิงคโปร์

ว่ากันว่าถ้าอยากกินอาหารไทยในสิงคโปร์ ที่หนึ่งที่คุณจะหาข้าวมันไก่ ส้มตำ และก๋วยเตี๋ยวเรือได้แน่ๆ คือห้าง Golden Mile Complex หรือ Golden Mile Tower บนถนน Beach Road เพราะที่นี่เคยเป็นแหล่งแฮงเอาต์ของชุมชนชาวไทยที่ไปทำงานในสิงคโปร์มาก่อน แต่ที่ใครๆ ไม่ค่อยรู้คือที่ชั้นบนสุดของห้างเก่าแก่นี้ยังเป็นแหล่งแฮงเอาต์ของคนรักหนังนอกกระแสในสิงคโปร์อีกด้วย

พื้นที่ที่ว่าคือ The Projector โรงหนังนอกกระแสที่ก่อตั้งในปี 2014 หลังจากโรงหนังบอลลีวูดปิดกิจการ โดยหนังที่ฉายที่นี่มีทั้งหนังใหม่ล่าสุด หนังนอกกระแส สารคดี และแอนิเมชั่น แต่ที่พิเศษไปกว่านั้นคือพวกเขายังจัดเทศกาลฉายหนังตามธีมต่างๆ (แถมพวกเขากระซิบว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีเทศกาลหนังไทยด้วย) เปิดพื้นที่แสดงคอนเสิร์ตวงอินดี้ ให้คนมาจัดทอล์ก หรือแม้กระทั่งเปิดบ้านเป็นพื้นที่จัดงานประกาศรางวัลด้วย

สิ่งที่เราชอบที่นี่คือรายละเอียดเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่เต็มไปหมด ตั้งแต่ห้องน้ำที่เต็มไปด้วยโปสเตอร์หนังนับร้อย (เราลองไปเดินหาโปสเตอร์หนังโปรดของตัวเองในนั้นมาแล้ว) ใต้เก้าอี้ในโรงหนังที่มีชื่อคนแปะอยู่ ซึ่งทีมงานอธิบายว่าตอนเปิดโรงหนัง พวกเขาเปิดให้คนซื้อที่ใต้เก้าอี้เพื่อแปะชื่อของตัวเองได้ แต่กลายเป็นว่าคนกลับซื้อให้เพื่อนหรือคนรักเต็มไปหมด และถึงตอนนี้ใต้เก้าอี้จะโดนจับจองไปหมดแล้วแต่เก้าอี้ทุกตัวก็ยังเปิดให้คนซื้อตั๋วเข้าไปดูหนังเหมือนเดิมนะ

ป.ล. The Projector ยังอยู่ห่างจากดีไซน์ช็อป Supermama เพียง 500 เมตร ใครอยากซื้องานดีไซน์โดยดีไซเนอร์สิงคโปร์แท้ๆ เป็นของฝากต้องลองแวะไปดู

website : theprojector.sg

สิงคโปร์

hours : เปิดทุกวัน 11:00-00:00 น.


Little India

สิงคโปร์
สิงคโปร์
สิงคโปร์

ฟังแค่ชื่อก็รู้ว่านี่คือถิ่นที่อยู่และชุมชนของคนอินเดียในสิงคโปร์ ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจึงไปเยือน Little India เพื่อชิมอาหารอินเดียและเดินเล่นในห้าง Mustafa Center เป็นหลัก แต่ช่วง Singapore Art Week เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา Little India ก็กลายเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายที่คนชอบสตรีทอาร์ตต้องไป

นั่นเพราะทางเทศกาลชวนศิลปินสตรีทอาร์ตนับสิบมาทำงานสตรีทอาร์ตในพื้นที่ เมื่อรวมกับงานสตรีทอาร์ตที่มีอยู่ก่อนหน้า ก็ทำให้ชุมชนกลายเป็นเหมือนแกลเลอรีขนาดใหญ่ ให้เดินเข้าซอยนั้นออกซอยนี้ ไปเสพงานศิลปะ ซึ่งหลายงานก็เกี่ยวข้องกับความเป็นอินเดีย เช่น ภาพ Loops of the Precious บน Upper Dickson Road หรือผนังสีทองแวววาวพ่นลายฉลุที่ต้องการสื่อถึงอาชีพช่างทองที่ค่อยๆ หายไป

ความสนุกของที่นี่คือการได้เห็นงานสตรีทอาร์ตอยู่มุมนั้นมุมนี้แบบไม่ได้คาดหมาย แต่ใครอยากไปเช็กอินให้ครบทุกจุด เขาก็มีแผนที่ให้ไปตามรอยได้เหมือนกัน

hours : เปิดทุกวัน


Sultan Arts Village

สิงคโปร์

ถ้าคุณคิดว่าสิงคโปร์มีแต่ตึกรามบ้านช่องทันสมัยและถนนหนทางสะอาดสะอ้าน คุณควรจะต้องมาที่ Sultan Arts Village เป็นที่สุด เพราะนี่คือขั้วตรงข้ามของภาพสิงคโปร์แบบนั้น

ไม่ใช่ว่าที่นี่คือพื้นที่นอกกฎหมายแต่อย่างใด แต่ Sultan Arts Village คือชุมชนคนรักงานสตรีทอาร์ตที่เหนียวแน่นและโด่งดังของสิงคโปร์ ที่นี่เป็นที่ตั้งของ The Black Book Studio กลุ่มกราฟฟิตี้มีชื่อและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งบนเกาะแห่งนี้ ที่เปิดร้าน Zinc Nite Crew ขายสีสเปรย์ และยังเป็นที่อยู่ของศิลปินอีกหลายคน พร้อมสตูดิโองานอาร์ตและคราฟต์น่าสนใจอีกจำนวนหนึ่ง

เพื่อให้สมกับเป็นที่แฮงเอาต์ของชาวสตรีท บนผนังตึกและกำแพงยาวที่ล้อมรอบจึงเต็มไปด้วยงานสตรีทของทั้งศิลปินที่นี่ และศิลปินต่างชาติที่แวะเวียนมาเพราะได้ยินชื่อเสียงของ Sultan Arts Village (แต่ต้องมีการคุยกันก่อนพ่นอยู่ดีนะ!) และแน่นอนว่ากราฟฟิตี้บนกำแพงนั้นไม่ถาวร ดังนั้นทุกครั้งที่ไปสิงคโปร์จะแวะไปดูความเปลี่ยนแปลงสนุกๆ แล้วค่อยไปช้อปปิ้งต่อที่ Orchard Road ซึ่งอยู่ไม่ไกลก็ได้เหมือนกัน

website : sultangate.sg/street-of-sultangate/

hours : เปิดทุกวันให้แวะเข้าไปดูกำแพงได้ตลอดเวลา


The Vagabond Club

สิงคโปร์
Harpreet Bedi ผู้จัดการทั่วไปของ The Vagabond Club

มองจากภายนอก นี่คือโรงแรมสุดหรูใกล้ย่าน Little India ที่ดูจะต้อนรับแขกกระเป๋าเงินหนาเท่านั้น แต่ที่ไม่ค่อยมีใครรู้คือพวกเขายังต้อนรับบรรดาศิลปินอีกด้วย

การต้อนรับที่ว่ามาในรูปแบบของโปรแกรม artist-in-residence ที่เปิดให้ศิลปินทุกเชื้อชาติส่งใบสมัครเข้าไป ศิลปินที่ได้รับการคัดเลือกจะได้ห้องพักไว้อยู่อาศัยและสร้างงานฟรีๆ เป็นระยะเวลาตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ไปจนถึงสองอาทิตย์ โดยไม่จำเป็นต้องตอบแทนโรงแรม แค่ต้องมีกิจกรรมร่วมกับแขกของโรงแรมบ้างก็พอ เช่น นักพูดที่มานั่งพูดคุยและรับฟังแขกในล็อบบี้ หรือ Chiara Luzzana ซาวนด์อาร์ติสท์ผู้ใช้เวลาตอนกลางคืนลงมาเคาะ ตบ ตี ข้าวของต่างๆ ในโรงแรมและอัดเสียงไปมิกซ์เป็นเพลง ก่อนเอามาเปิดโชว์ในที่สุด

ส่วนใครไม่ได้เป็นศิลปินจะไปแวะไปดูงานศิลปะที่นี่ก็ได้ เพราะเจ้าของโรงแรมประดับงานศิลปะที่สะสมไว้เต็มล็อบบี้ (แม้แต่เคาน์เตอร์ reception ก็เป็นงานศิลปะ!) และยังมีห้องสมุดวิสกี้ (Whisky Library) ที่รวมวิสกี้ชั้นดีจากทั่วโลก โดยเฉพาะสกอตแลนด์และญี่ปุ่นไว้มากกว่า 1,000 ขวด ใครชอบทั้งงานศิลปะและบรรยากาศบาร์ชั้นดี ไปสิงคโปร์คิวหน้าต้องลองแวะไปดู

สิงคโปร์

website : hotelvagabondsingapore.com
hours : เปิดทุกวัน 18:00-02:00 น.


LASALLE College of the Arts

ถ้าแวะไปที่ LASALLE College of the Arts ช่วงวันธรรมดา คุณต้องรู้แน่นอนว่าที่นี่คือสถาบันศิลปะเพราะบรรดานักเรียนต่างจะออกมาทำกิจกรรมเต็มลานกลางมหาวิทยาลัยไปหมด ทั้งซ้อมการแสดง โชว์ร้องเพลง หรือกระทั่งจัดนิทรรศการย่อมๆ สมกับที่ที่นี่เปิดสอนตั้งแต่ศิลปะ สถาปัตยกรรม ดีไซน์ แฟชั่น การแสดง ไปจนถึงร้องเพลง

แต่นอกเหนือจากลานตรงกลางที่กิจกรรมค่อนข้างแรนด้อม ที่ LASALLE ยังมีแกลเลอรีถึง 2 แห่งสำหรับโชว์งานของเด็กนักเรียนตลอดทั้งปีอีกด้วย คุณจึงจะได้ชมงานเจ๋งๆ แบบฟรีๆ อย่างตอนที่เราแวะไปก็มีนิทรรศการงานออกแบบของนักศึกษาดีไซน์โชว์อยู่ ซึ่งบางชิ้นถึงขั้นชนะรางวัลออกแบบ Red Dot Design Award ด้วย!

แต่ถ้าสนใจงานสถาปัตยกรรมเป็นพิเศษ แค่ไปเดินดูตึกก็สนุกแล้วเพราะตึกเรียนของที่นี่ออกแบบโดยบริษัทสถาปนิกสิงคโปร์แท้ๆ อย่าง RSP Architects ออกมาเป็น ‘The Black Box’ หรือตึกเรียนที่ล้ำเกินตึกเรียนธรรมดาๆ ไปมาก ส่วนข้างๆ โรงเรียนยังมีโบสถ์ Singapore Life Church หน้าตาล้ำเกินโบสถ์ธรรมดา ออกแบบโดยบริษัทสถาปนิก LAUD Architects (เจ้าเดียวกับที่ออกแบบ DECK) เดินดูเพลินๆ เวลาอาจผ่านไปเร็วแบบไม่รู้ตัว

website : lasalle.edu.sg
hours : (แกลเลอรี) วันอังคาร-อาทิตย์ 12:00-19:00 (ปิดวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์)


Nanyang Technological University (NTU)

ถ้า LASALLE College of the Arts มี The Black Box เป็นจุดขายละก็ ที่สถาบัน NTU ก็มีตึกเรียนรวม The Hive เป็นจุดขายเช่นกัน เพราะนอกจากจะออกแบบโดยสถาปนิกชาวอังกฤษชื่อดัง Thomas Heatherwick แล้ว หน้าตาที่ละม้ายคล้ายตะกร้าติ่มซำยังทำให้มันได้ชื่อเล่นน่ารักๆ ว่า ‘ตึกติ่มซำ’ (Dim Sum Basket Building) ด้วย

แต่นอกจากตึกสวยๆ แล้ว NTU ยังมีแกลเลอรีสำหรับแสดงงานศิลปะด้วย โดยไม่ใช่แค่งานของนักศึกษา เพราะพวกเขาจริงจังระดับมี Gallery Director โดยเฉพาะ และมีการชักชวนศิลปินชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาแสดงงานอยู่เสมอ (ศิลปินชาวเชียงใหม่อย่าง ‘Torlap’ ก็เคยไปแสดงงานที่นี่มาแล้ว) ส่วนเดือนพฤษภาคมเป็นคิวของอีเวนต์ใหญ่ที่ทั้งโรงเรียนจะจัดแสดงงานของนักเรียนทุกภาค ตั้งแต่ศิลปะเน้นๆ ถ่ายภาพ ไปจนถึงแอนิเมชั่น ให้ได้เดินดูกันจนเหนื่อย

ข้อควรรู้ของ NTU คือมันอยู่ห่างจากใจกลางเมืองสิงคโปร์มาก ระดับที่นั่งรถไปยังใช้เวลาประมาณ 40 นาที ดังนั้นควรวางแผนการเดินทางให้ดีด้วย

website : ntu.edu.sg

hoursวันอังคาร-อาทิตย์ 12:00-19:00 (เปิดในวันหยุดนักขัตฤกษ์ยกเว้นวันหยุดที่ตรงกับวันจันทร์)

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ธนดิษ ศรียานงค์

ช่างภาพที่ชอบการเดินทางแต่จำทางไม่ค่อยได้ นิ่งเป็นหลับขยับเป็นหลง