ก้าวสู่มาราธอนไปพร้อมกับกรุ๊ป ‘42.195 K Club…เราจะไปมาราธอนด้วยกัน’

ฉันยังจำวันแรกที่เริ่มวิ่งเมื่อ 3 เดือนก่อนได้ดี

จำได้ว่าตัวเลขบนโทรศัพท์มือถือที่จับระยะทางการวิ่งบอกฉันว่าเท้าทั้ง 2 ข้างก้าวสลับไปมาเป็นระยะทางเพียง 1.4 กิโลเมตรเท่านั้น ดูเหมือนเป็นตัวเลขที่น้อยมากถ้าเทียบกับระยะทางของมาราธอนคือ 42.195 กิโลเมตร แต่ความเหนื่อยในครั้งนั้นทำให้ฉันแทบอาเจียน หายใจไม่ทัน กล้ามเนื้อขาแทบก้าวไม่ออก ฉันไม่เห็นความเป็นไปได้เลยว่าจาก 1.4 จะกลายเป็น 42.195 ได้ยังไง

“อยากบอกทุกคนครับว่าสำหรับมาราธอน ทุกคนสามารถวิ่งได้

สำคัญที่สุดคือการซ้อม มันไม่ง่ายแต่มันก็ไม่ได้ยากสำหรับคนที่มุ่งมั่นครับ”

คุณ TK Rider โพสต์ไว้ในกรุ๊ป ‘42.195 K Club…เราจะไปมาราธอนด้วยกัน’

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2561

เมื่อประมาณ 1 เดือนที่แล้ว ฉันได้รู้จักกับกรุ๊ปเฟซบุ๊ก ‘42.195 K Club…เราจะไปมาราธอนด้วยกัน’ จากการแนะนำของเพื่อนนักวิ่งที่รู้จักกัน เขาทิ้งท้ายในการสนทนาครั้งนั้นว่านอกจากกรุ๊ปวิ่งในเฟซบุ๊กนี้จะมีความรู้เกี่ยวกับการวิ่งแล้ว ยังมีพลังที่ส่งต่อให้กับนักวิ่งทุกคน

จากการอ่านเรื่องราวของทุกคนที่อยู่ในกรุ๊ปเป็นเวลา 1 เดือน ฉันขอยืนยันอีกเสียงว่าคำชมเชยที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง

“ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะวิ่งมาราธอนได้เลย รู้สึกว่า 42.195K ช่างยาวไกล

แต่เรามาถึงจุดนี้ได้ เพราะแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งคือการเข้ามาเป็นสมาชิกกลุ่มนี้”

คุณ Wallapat Stws กล่าวไว้ในกรุ๊ป ‘42.195 K Club…เราจะไปมาราธอนด้วยกัน’

เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2561

กรุ๊ปเฟซบุ๊กนี้สร้างขึ้นโดยเซเลบวงการวิ่งที่ใครหลายคนต่างรู้จักอย่าง ป๊อก-อิทธิพล สมุทรทอง นักวิ่งผู้วิ่งเคียงข้างตูน บอดี้แสลมในทุกย่างก้าวของโครงการก้าวคนละก้าว ป๊อกสร้างคอมมิวนิตี้ออนไลน์สำหรับนักวิ่งนี้ไว้เมื่อหลายปีที่แล้ว ปัจจุบันมันกลายแหล่งรวมแรงบันดาลใจพร้อมเรื่องราวมากมายที่จะทำให้เราทึ่งว่า การวิ่งเปลี่ยนชีวิตใครคนหนึ่งได้มากขนาดนี้เลยเหรอ ราวกับกรุ๊ปนี้เป็นขุมพลังสำหรับนักวิ่งทุกคนที่อยากหาแรงบันดาลใจในการวิ่งต่อ ฉันมักเปิดอ่านโพสต์ในกรุ๊ปเป็นประจำก่อนออกไปวิ่งเพราะมันสร้างแรงจูงใจเพิ่มขึ้นในตัวเราหลายเท่า นั่นเองจึงเป็นเหตุผลที่ฉันมาร่วมวิ่งและสนทนากับป๊อกในวันนี้ถึงเรื่องราวที่มาที่ไปของกรุ๊ปซึ่งส่งต่อแรงบันดาลใจให้ใครหลายคน รวมถึงเรื่องราวเหตุผลของการวิ่งของแต่ละคนที่ต่างยืนยันกับเราว่า ถ้ามีเหตุผลมากพอ ไม่ว่าเราจะมีข้อแม้ขนาดไหน เราก็จะก้าวขาออกไปวิ่งครั้งแรกจนได้

เริ่มวิ่งกันเถอะ แต่แค่โซนสองก็พอนะ เราจะได้สนทนากับป๊อกอย่างสบายๆ

“ผมได้กำลังใจจากกรุ๊ปนี้ล้วนๆ

จากไอ้อ้วนหนัก 90 กิโลกรัม วิ่งและควบคุมอาหาร จนน้ำหนักเหลือ 68 กิโลกรัม

ที่ผ่านมาเคยลงรายการวิ่ง ทั้งหมด 6 ครั้ง มินิ 4 ครั้ง ฮาล์ฟ 1 ครั้ง

ครั้งล่าสุด มารีนมาราธอน 2018

ใช้เวลาในการวิ่งทั้งหมด 1 ปีกับ 3 เดือนในการพิชิตมาราธอนแรก

ผมทำได้พวกพี่ก็ทำได้ครับ ขอส่งกำลังใจให้ทุกๆ คนนะครับ ขอบคุณครับ”

คุณ MrDream Suchat Panpon โพสต์ไว้ในกรุ๊ป ‘42.195 K Club…เราจะไปมาราธอนด้วยกัน’

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2561

เริ่มต้นจากการส่งต่อแรงบันดาลใจให้แก่กัน

“สำหรับผม การวิ่งมาราธอนเป็นการวิ่งที่พิเศษ ไม่ใช่ทุกคนจะวิ่งได้ คนที่วิ่งได้คือคนที่ตั้งใจจริงมากๆ มีวินัย มันเป็นเกมของจิตใจ เกมที่แข่งกับตัวเอง ถ้าชนะเราก็ชนะตัวเอง เราจะเคารพตัวเรา ผมเลยอยากส่งต่อแรงบันดาลใจนี้ให้กับทุกคนได้ออกกำลังกายด้วยการวิ่ง ผมสร้างกรุ๊ปนี้ขึ้นมาเพื่อให้คนได้มาแชร์เรื่องราวและเทคนิคการวิ่งมาราธอนของพวกเขาเอง

“ผมบอกทุกคนเสมอว่าเฟซบุ๊กเป็นของเรา ถึงจะมีบางคนรำคาญสิ่งที่เราโพสต์แต่ก็แชร์ไปเถอะ จะวิ่ง 3 หรือ 5 กิโลก็เขียนไป เพราะมันจะมีคนที่เฝ้ามองเราอยู่ มีเคสหนึ่งที่เป็นเรื่องของเพื่อนนักวิ่ง เขาวิ่งเป็นประจำแล้วก็จะโพสต์ลงเฟซบุ๊กทุกวัน วันหนึ่งก็มีเพื่อนสมัยประถมที่ไม่ได้คุยกันมานานและไม่เคยกดไลก์ทักเข้ามาว่าสนใจอยากวิ่ง สาเหตุเพราะเห็นเพื่อนนักวิ่งคนนั้นโพสต์ทุกวัน ปัจจุบันพวกเขากลายเป็นนักวิ่งไปแล้วทั้งคู่

“ผมชอบพูดบ่อยๆ ว่าถ้าคุณวิ่ง คนรอบๆ ตัวคุณอีก 5 คนจะแข็งแรง แล้วถ้าคุณแข็งแรง ครอบครัวคุณจะแข็งแรงด้วย ดังนั้นทำไปเถอะ เชื่อเถอะว่าเราจะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่อยู่ข้างๆ”

“เย้…ได้รับผ้าบัฟแล้ว!

ขอบคุณพี่ป๊อกและขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ ในกรุ๊ปทุกๆ ท่านที่เป็นแรงบันดาลใจ…

เมื่อก่อนบอกตามตรงว่าเคยคิดว่าคนบ้าอะไรวิ่งตั้ง 42 km. วิ่งไปได้ยังไง

ตอนนี้เข้าใจ และเสพติดเรียบร้อยแล้วครับ”

คุณ Teshi Tisha โพสต์ไว้ในกรุ๊ป ‘42.195 K Club…เราจะไปมาราธอนด้วยกัน’

เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2561

ผ้าบัฟที่เป็นมากกว่าของรางวัลสำหรับมาราธอนแรก

“สำหรับในกรุ๊ปนี้จะมีธรรมเนียมอย่างหนึ่งคือใครที่ผ่านมาราธอนแรก ผมจะให้ผ้าบัฟ ส่วนตัวเป็นคนชอบผ้าบัฟอยู่แล้ว เราเลยคิดว่าจะแจกให้กับคนในกรุ๊ป ‘42.195 K Club…เราจะไปมาราธอนด้วยกัน’ ตอนนี้ก็มีเป็นระบบให้ลงทะเบียน ปัจจุบันแจกไปแล้วประมาณ 13,000 คน

“กลับมาดูแล้วก็คิดว่าเป็นตัวเลขที่เยอะนะ ผมใช้งบตัวเอง ใครให้อะไรมาก็เอาไปลงบัญชีบัฟเนี่ยแหละ ค่าส่งผ้าบัฟครั้งล่าสุดอยู่ที่ 33,000 บาท ถามว่าทำไมถึงยังทำอยู่ ผมคิดว่ามันคือการส่งต่อแรงบันดาลใจ ผมภูมิใจและพอใจที่ได้ส่งต่อสิ่งนี้ มันคือแรงผลักดันอย่างหนึ่ง คนที่ได้รับผ้าบัฟเขาก็ถามว่าจะให้เขาตอบแทนยังไง ผมก็บอกว่าไม่ต้องหรอก แค่ไปชวนใครบางคนมาออกกำลังกายก็พอ แล้วสังคมสุขภาพมันจะดีขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันเวลาไปวิ่งก็จะมีบางคนที่ทักว่าได้ผ้าบัฟมาราธอนแรกจากผม บางคนอยากวิ่งมาราธอนเพราะผ้าบัฟก็มี มันมีใครบางคนเห็นคุณค่าของผ้าบัฟ ผมเลยแจกมาจนถึงทุกวันนี้ครับ”

“มาราธอนแรกนั้นมีความหมายกับผมมากครับ

มันเกิดจากความคิดภรรยาว่าอยากวิ่งมาราธอนสักครั้งแต่ก็วิ่งไม่ได้เพราะเป็นมะเร็งหลอดอาหาร เราจึงสัญญาว่าจะทำให้เห็นว่าเราทำได้ ผมจึงเริ่มซ้อมเป็นปีจนในที่สุดผมก็ทำได้

มาราธอนให้อะไรมากกว่าที่คิด ผมอยากไห้เพื่อนๆ พี่ๆ ทุกคนได้ลองสักครั้งมันเปลี่ยนชีวิตจริงๆ

ขอบคุณครับที่รับฟัง ขอบคุณจากใจจริงครับ”

คุณ Surachai Singsahas โพสต์ไว้ในกรุ๊ป ‘42.195 K Club…เราจะไปมาราธอนด้วยกัน’

เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2561

เรื่องเล่าทรงพลังจากกรุ๊ป

“ในกรุ๊ป ‘42.195 K Club…เราจะไปมาราธอนด้วยกัน’ ผมยืนยันว่าผมอ่านทุกโพสต์เพราะอนุมัติสมาชิกทุกคนให้เข้ากรุ๊ปด้วยตัวเอง บางทีอ่านโพสต์ผมยังร้องไห้เลย ความตั้งใจของแต่ละคนที่ฝ่าฟันเพื่อจะจบมาราธอนแรกมันทรงพลังมาก

“มีเรื่องเล่าหนึ่งที่ผมเล่าบ่อยมาก ชอบเล่ามากเลย คือมีน้องคนหนึ่งเมสเสจเข้ามาบอกว่า ‘พี่ป๊อก หนูจะวิ่งมาราธอน’ พอถามไปถามมาถึงได้รู้ว่าเขามาวิ่งเพราะถูกแฟนทิ้งเนื่องจากความอ้วน น้องน้ำหนัก 82 กิโลกรัมแล้วถูกสามีที่อยู่ด้วยกันทิ้ง หลังจากรับรู้เรื่องนี้ ถ้าน้องเขาทักมาผมจะรีบตั้งใจตอบตลอดเลย เขาจะมาส่งการบ้านเรื่อยๆ ว่าวันนี้วิงได้กี่กิโล จนวันหนึ่งเขาก็บอกว่าจะวิ่งมาราธอนในอาทิตย์ที่กำลังจะถึง พอจบงาน เขาทักมารายงานผมว่า ‘พี่ป๊อก หนูจบมาราธอนแล้วนะ’

“จากคนที่น้ำหนัก 82 กิโลกรัม วันที่จบมาราธอนน้องเขาน้ำหนักลดลงไป 26 กิโลกรัม การวิ่งทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะผู้ชายคนหนึ่งทิ้งเขาไป มันแรงมากเลยนะ แต่มาราธอนก็พาเขาออกมาจากโลกของความเสียใจได้ การวิ่งได้นำชีวิตใหม่มาให้เขา มันพาตัวเขาออกมาจากความขมขื่นได้”

“จากที่วิ่ง 1km อย่างทรมานสู่การวิ่งมาราธอนอย่างมีความสุข

แค่คุณเริ่มวิ่ง เริ่มคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง มาราธอนก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณแล้ว”

คุณ Lertchai Thongma โพสต์ไว้ในกรุ๊ป ‘42.195 K Club…เราจะไปมาราธอนด้วยกัน’

เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2561

รันนิงบูมในปัจจุบันและการเติบโตของคอมมิวนิตี้การวิ่ง

“ปัจจุบันผมเป็นกรรมการสมาพันธ์ชมรมเดินวิ่งเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย วิ่งมาตั้งแต่ปี 2530 จนเห็นความเปลี่ยนแปลงในวงการวิ่ง แต่ก่อนเราสามารถไปสมัครวิ่งหน้างานได้ แต่เดี๋ยวนี้คือสมัครแทบจะไม่ทัน ตอนนี้เหมือนเป็นรันนิงบูมอีกยุคหนึ่ง ยิ่งเป็นยุคโซเชียลมันเลยเข้าถึงง่ายซึ่งดีแล้ว ดีต่อสุขภาพเขาและองค์รวม

“ในกรุ๊ปก็มีหลายคนที่บอกว่า ‘พี่ป๊อกชอบป้ายยา’ เหมือนเราสร้างให้คนออกไปเป็น marathoner ซึ่งผมมีความสุขกับสิ่งนี้ แต่ก็กลัวอยู่เหมือนกันว่ากระแสวิ่งจะหมดไปอีก ปัจจุบันก็มีนักวิ่งหลายคนที่หยุดวิ่งไปแล้วเพราะเขาประสบความสำเร็จตามที่ต้องการแล้ว เวลาเจอหลายๆ คนที่วิ่ง ผมเลยจะบอกทีเล่นทีจริงเสมอว่าอย่าเลิกวิ่งนะ เวลามีโอกาสสนทนากับใครก็จะชวนคนกลับมาวิ่งเสมอ เพราะสุดท้ายถ้าเขาวิ่งก็จะดีต่อสุขภาพเขาเอง และเราก็จะเป็นกำลังใจให้แก่กันไม่รู้จบ”

“ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆ คนนะครับ อย่าไปกลัวถ้าเรายังไม่ลงมือทำว่าผลสุดท้ายจะออกมาเป็นยังไง

เพราะสิ่งหนึ่งที่เราได้แน่นอน ใจเราครับ เราได้ชนะใจตัวเราเองแน่นอน สู้ๆ นะครับ”

คุณ Assada Daramuang โพสต์ไว้ในกรุ๊ป ‘42.195 K Club…เราจะไปมาราธอนด้วยกัน’

เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2561

ป้ายยาเพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจต่อไป

“ผมเป็นคนที่วิ่งมานาน ตอนที่เริ่มวิ่งก็ไม่ได้คิดว่าจะมีผลกระทบต่อชีวิตมากขนาดนี้ ไม่ว่าจะสิ่งนี้หรือการตั้งกรุ๊ป ‘42.195 K Club…เราจะไปมาราธอนด้วยกัน’ มันนำมาซึ่งการที่ได้รู้จักกับคนหลายคนที่มีผลกับชีวิตเรา การวิ่งให้อะไรเรามากกว่า ทุกวันนี้คนบอกว่าผมให้อะไรกับคนอื่นเยอะ แต่จริงๆ แล้วผมคิดว่าพวกเขาต่างหากที่กระทบด้านดีมาสู่เรา เราเลือกจะอยู่ในสังคมไหน เราก็จะได้จากสังคมนั้น

“ฝากถึงคนที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ทุกคนก็แล้วกัน อยากเชิญชวนให้ออกมาออกกำลังกาย อย่างการวิ่งก็เป็นกีฬาที่ง่าย มีรองเท้าคู่เดียวก็ออกมาได้ แค่เอาตัวเองออกมาคุ้นเคยกับบรรยากาศก่อน มาเดินดูก่อนก็ได้ ลองมาทำอะไรเพื่อตัวเองดูบ้าง

“มาออกกำลังกายกันเถอะครับ”

“การวิ่งมาราธอนเป็นชัยชนะส่วนตัวไปตลอดชีวิต”

ป๊อกโพสต์ไว้ในกรุ๊ป ‘42.195 K Club…เราจะไปมาราธอนด้วยกัน’

เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2561

ภาพ เธียรสิน สุวรรณรังสิกุล, พชรธร อุบลจิตต์

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

เธียรสิน สุวรรณรังสิกุล

เจ้าของเพจ T E 4 M ที่หลงใหลในมุกตลกคาเฟ่และชื่นชอบน้องหมาหน้าย่นเป็นที่สุด

พชรธร อุบลจิตต์

เป็นช่างภาพที่เรียนการเมืองแต่ชอบเดินทางเป็นอาชีพแถมยังชอบทำขนมเป็นงานอดิเรก กำลังเก็บเงินไปเอเวอเรสต์และซื้อตู้เย็น