ขนาดอ่าน ‘Work Life Balance ด้วยการหยุดพักจริงๆ’ ฉันยังต้องเอามาเขียนรีวิวเลยน่ะคิดดู

Highlights

  • Work Life Balance ด้วยการหยุดพักจริงๆ ว่าด้วยเรื่องศาสตร์ของการหยุดพัก ซึ่งในหนังสือเล่มนี้พูดถึงทั้ง 2 ด้าน ทั้งในแง่การทำงานโดยคำนึงถึงการพักผ่อนให้ได้มากที่สุด รวมถึงวิธีการในการพักผ่อนเพื่อเติมพลังให้ได้มากที่สุดในเวลาที่มี สุดท้ายหนังสือเล่มนี้เหมือนกำลังบอกเราว่าสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานนั้นคือเรื่องที่สำคัญจริงๆ

ตลกดีที่ฉันอ่านหนังสือ ‘Work Life Balance ด้วยการหยุดพักจริงๆ’ ในวันที่หยุดพักพอดี 

ฟังดูเหมือนตลกร้าย แต่เปล่าเลย ไม่ได้มีใครมาบังคับให้ฉันอ่านเพื่อเขียนรีวิวชิ้นนี้หรอก แต่ฉันแค่รู้สึกว่าการอ่านหนังสือเล่มนี้ช่างเหมาะกับตัวเองในตอนนี้เสียจริง

เท้าความไปก่อนหน้า พายุการปิดเล่มนิตยสารที่แสนหนักหน่วงเพิ่งพัดผ่านไป ตอนนั้นฉันใช้ชีวิตโดยไร้เสาร์-อาทิตย์ยาวเกือบเดือน กาแฟวันละ 2 แก้วกลายเป็นเรื่องปกติ งานการและความรับผิดชอบที่สุมกองท่วมหัวทำให้ฉันต้องอดหลับอดนอนเพื่อทำงานให้ทันเดดไลน์ สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปด้วยสภาพร่างกายของฉันที่จะพังแหล่ไม่พังแหล่

อย่าเพิ่งเข้าใจฉันผิด ฉันไม่ได้เกลียดงานที่ทำอยู่ งานนี้เป็นงานที่ฉันรัก แต่ต่อให้เป็นงานที่รัก ทุกงานก็มีความหนักอยู่ดีแหละว่าไหม ที่สำคัญคือฉันก็เป็นคนหนึ่งที่ยังจัดการความหนักที่ว่าได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทั้งในแง่การทำงานและการพักผ่อน ในยามที่ทุกอย่างมากเกินฉันก็แทบไม่ไหวอยู่เหมือนกัน

แต่เพราะเหตุนั้นแหละ ฉันเลยเลือกหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านในวันที่ตัวเองเหนื่อยล้าที่สุด

Work Life Balance ด้วยการหยุดพักจริงๆ

Work Life Balance ด้วยการหยุดพักจริงๆ เป็นผลงานการเขียนของ รศ. นพ.มาซากิ นิชิดะ อาจารย์ประจำภาควิชาจิตเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยวาเซดะ อาจารย์เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการรักษาอาการเกี่ยวกับการนอนหลับรวมถึงการพักผ่อนอื่นๆ ของร่างกาย ซึ่งองค์ความรู้ที่เขามีนี้เองนำมาซึ่งหนังสือเล่มนี้

ถ้าจะพูดตามตรง นี่เป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่จะถูกจัดอยู่ในหนังสือประเภท ‘ฮาวทู’ แต่สิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกต่างไปจากหนังสือฮาวทูเล่มอื่นคือ Work Life Balance ด้วยการหยุดพักจริงๆ  ไม่ได้บอกวิธีการในการ ‘หยุดพัก’ ขนาดนั้น แต่หนังสือช่วยให้ฉันได้ลองหันกลับมามองตัวเองมากกว่า

เคยเป็นไหมเวลาที่เราได้หยุดพักแล้วรู้สึกว่าพักเท่าไหร่ก็ไม่พอ ซ้ำร้ายบางครั้งยิ่งพักเยอะเท่าไหร่กลับยิ่งรู้สึกว่าเหนื่อยมากขึ้นเท่านั้นแถมหมดอาลัยตายอยากมากกว่าเดิม หนังสือเล่มนี้ชวนฉันให้ได้กลับไปมองตัวเองตรงจุดนั้น

อาจารย์ค่อยๆ เล่าให้เราเห็นภาพและเข้าใจศาสตร์แห่งการพักผ่อนมากขึ้น ซึ่งในทุกๆ บทจะเล่าด้วยภาษาที่เข้าใจง่ายพร้อมจบท้ายด้วยเคล็ดลับเล็กๆ ที่ผู้เขียนประยุกต์ใช้กับตัวเองเผื่อผู้อ่านอยากจะลอกวิธีการนั้นมาใช้บ้าง

ยกตัวอย่างการ ‘หยุดพักจริงๆ’ ที่หนังสือเล่มนี้พูดถึงสักหนึ่งเรื่องคือ การวางแผนไปเที่ยว

เราต่างรู้ว่าในวัยทำงาน วันหยุดคือสิ่งที่มีค่า แต่หลายครั้งเราก็ปล่อยให้วันหยุดผ่านไปโดยไม่เกิดประสิทธิภาพในการพักผ่อนมากที่สุด อย่างฉันเอง มีหลายครั้งเลยทีเดียวที่อุดอู้อยู่ในห้อง ช่วงแรกก็รู้สึกดีที่ได้อยู่เฉยๆ บ้าง แต่พอเวลาผ่านไปนานเข้า อยู่ดีๆ ฉันก็เริ่มรู้สึกแย่กับตัวเองโดยไร้สาเหตุ นั่นเองคือสิ่งที่หนังสือเล่มนี้พยายามอธิบายและแนะนำวิธีแก้

วางแผนเที่ยวอย่างไรให้เหมาะสมกับวัน เที่ยวที่ไหนดีให้เติมเต็มตัวเอง หรือถ้าอยู่บ้าน ในหนึ่งวันเราควรทำอะไรเพื่อเติมพลังให้เต็มถัง และอื่นๆ อีกมากมายคือสิ่งที่ผู้เขียนค่อยๆ แทรกอยู่ในหนังสือเล่มนี้

Work Life Balance ด้วยการหยุดพักจริงๆ

หรือตัวอย่างหนึ่งคือเรื่องที่อาจารย์มาซากิเล่าถึงความจำเป็นและความถูกต้องในการ ‘ทำงานให้น้อยลง’ เขาเล่าให้ฟังถึงสังคมการทำงานของญี่ปุ่นที่โคตรจะเน้นงานเป็นสำคัญแต่ให้ค่ากับคุณภาพชีวิตของคนน้อยกว่า พออ่านถึงตรงนี้ก็รับรู้ได้ทันทีว่ามีบางส่วนที่คล้ายกับวัฒนธรรมการทำงานของไทย ไม่ใช่แค่ในฐานะของเจ้านาย แต่คนส่วนใหญ่ในสังคมก็มีความคิดและให้ค่าตัวเองผ่านการทำงานให้เยอะที่สุดโดยปราศจากสมดุลในชีวิต นั่นเองคือสิ่งที่อาจารย์มาซากิหยิบยกมาพูดและเตือนให้ฉันได้เห็นความสำคัญของการอู้งานบ้าง

การอู้งานในความหมายของหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่ความไม่รับผิดชอบ แต่คือการบอกว่าสุดท้ายแล้วเราต้องบริหารจัดการเวลาตัวเองให้ดี

งานวิจัยหลายๆ งานยืนยันว่ายิ่งเราฝืนทำงานในสภาพร่างกายที่ไม่พร้อมมากเท่าไหร่ ประสิทธิภาพของงานที่ออกมายิ่งน้อยลงเท่านั้น ดังนั้นเหนือกว่าการทำงานให้เยอะที่สุด ผู้เขียนชี้ให้ฉันเห็นว่าการพักผ่อนและการทำงานให้สมดุลกันต่างหากที่สำคัญ มันไม่ง่าย และคนที่ทำได้นั้นก็น่าชื่นชม

‘อย่ารู้สึกผิดที่จะพักบ้าง’ เหมือนหนังสือเล่มนี้บอกกับฉันแบบนั้น

ฉันเขียนบทความนี้หลังจากวันพักผ่อนของฉันจบลง ฉันยอมรับว่ามีหลายคำแนะนำจากหนังสือเล่มนี้เลยล่ะที่ฉันหยิบยกมาใช้ หลายๆ ข้อคิดทำให้ฉันมองการจัดการงานของตัวเองเสียใหม่ อาจจะยังทำได้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก แต่ถ้าวัดจากในปัจจุบันที่ฉันกำลังทำงานโดยการเขียนรีวิวหนังสือเล่มนี้โดยที่ไม่ได้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยอะไร นั่นก็น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีแล้วว่า ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมาฉันได้พักผ่อนอย่างเต็มที่จริงๆ

อย่างน้อยตอนนี้ก็พอมองเห็นรางๆ แล้วว่า ชีวิตที่สมดุลควรจะมุ่งไปทางไหน สำหรับฉันแค่นั้นก็ถือเป็นสิ่งที่ดีแล้ว

เพราะสุดท้ายในเมื่องานกับตัวเราแทบจะแยกกันไม่ออก ดังนั้นการหาทางอยู่กับมันอย่างปกติสุขก็น่าจะเป็นคำตอบที่ทุกคนควรมีนะ

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

พิชย์ สุนทโรสถ์

ช่างภาพหน้าหมี ผู้ชอบเพลงแจ๊สเป็นชีวิตจิตใจ