ความเชื่อเกี่ยวกับวิญญาณน่าจะเป็นหนึ่งในความเชื่อเก่าแก่ที่สุดเรื่องหนึ่งของมนุษยชาติเพราะมันผูกโยงกับความเชื่อทางศาสนา
ปรัชญา และตำนานพื้นบ้านในทั่วทุกมุมโลกอย่างแนบแน่น
ในแง่หนึ่งแนวคิดเรื่อง ‘วิญญาณ’
ช่วยอธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติได้อย่างหลากหลาย
ชนพื้นเมืองของออสเตรเลียบางส่วนเชื่อว่า
แสงออโรราที่ปรากฏบนท้องฟ้าคือเปลวไฟที่วิญญาณร้ายก่อขึ้น สมัยก่อนคนหลายท้องที่เชื่อว่าความเจ็บป่วยบางอย่างที่ลักษณะเหมือนถูก ‘ผีเข้า’ เป็นผลมาจากการเข้าสิงของวิญญาณ ฯลฯ
ปัจจุบันปรากฏการณ์จำนวนมากเหล่านี้ถูกอธิบายได้ด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์แล้ว
แสงออโรราเกิดจากอนุภาคมีประจุไฟฟ้าที่พุ่งออกมาจากดวงอาทิตย์ปะทะเข้ากับสนามแม่เหล็กโลกจนเกิดการเปล่งแสงออกมา
ส่วนความเจ็บป่วยในลักษณะที่ถูกผีเข้าอธิบายได้ด้วยความผิดปกติของสมองและทางจิตใจ
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันความเชื่อเรื่องวิญญาณก็ไม่ได้สูญหายไปไหน มันชวนให้หลายคนหลงใหลกับความลึกลับของคำถามที่ว่า
วิญญาณมีอยู่จริงหรือไม่?
ก่อนจะพิจารณาคำถามนี้ เราอาจต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อนว่าวิญญาณคืออะไรกันแน่
แม้ว่านิยามของวิญญาณที่ชัดเจนจะไม่มี แต่ความหมายกว้างๆ ก็คือ วิญญาณนั้นอยู่ในร่างกายสิ่งมีชีวิต
และทำให้สิ่งมีชีวิตแตกต่างจากสิ่งไม่มีชีวิต
ความเชื่อจำนวนมากมองว่าวิญญาณไม่ใช่สสารหรือพลังงานในโลกกายภาพที่เราจะสามารถตรวจวัดได้ด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์
ดังนั้น หากวิญญาณไม่ใช่สสารและพลังงาน
กลไกการติดต่อและส่งอิทธิพลต่อโลกกายภาพจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับวิญญาณอย่างมาก เพราะในเมื่อวิญญาณเป็นสิ่งที่มีคุณสมบัติต่างจากสสารในโลกของเราอย่างสุดขั้ว
มันน่าจะต้องมีบางอย่างเป็นสะพานหรือตัวกลางที่เชื่อมโยงระหว่างตัวมันเข้ากับสสารในโลกกายภาพ
มิเช่นนั้นแล้วมันจะติดต่อและส่งอิทธิพลมาได้อย่างไร?
แต่ปัญหาที่ตามมาคือ
อะไรเล่าจะทำหน้าที่เป็นสะพานระหว่างวิญญาณกับโลกกายภาพ ที่ต้องมีคุณสมบัติของทั้งวิญญาณและโลกกายภาพเพื่อจะสามารถแตะต้องทั้งสองอย่างได้
แต่การมีคุณสมบัติแตกต่างกันเช่นนี้เป็นเรื่องที่ฟังดูย้อนแย้งพอๆ กับการพยายามทำให้ห้องสว่างจ้าและมืดมิดไปพร้อมกัน
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ เราอาจมองว่าวิญญาณอาจเป็นมวลสารหรือพลังงานในโลกกายภาพของเรา
เพียงแต่เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ยังไม่ละเอียดอ่อนพอจะตรวจจับได้เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม
ด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุดทำให้นักฟิสิกส์สามารถสร้างอุปกรณ์ที่ไวพอจะตรวจจับการมีอยู่ของอนุภาค
(W และ Z) ที่สลายตัวไปอย่างรวดเร็วในระดับหนึ่งในสิบล้านล้านล้านล้านวินาทีได้!!! อุปกรณ์ชื่อ ‘ซูเปอร์-คามิโอคังเด (Super-Kamiokande, SuperK)’ ทำให้นักฟิสิกส์สามารถตรวจจับอนุภาคนิวตริโนจากดวงอาทิตย์ที่ทะลุผ่านร่างกายเรานับล้านล้านอนุภาคใน
1 วินาทีได้โดยไม่ทำปฏิกิริยาใดๆ กับร่างกายเราเลย นอกจากนี้อุปกรณ์ทางฟิสิกส์ขนาดมหึมาที่มีชื่อว่า
LIGO ยังสามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวที่น้อยในระดับร้อยล้านล้านมิลลิเมตรได้
ฯลฯ
แต่กระนั้นก็ยังไม่สามารถตรวจจับการมีอยู่ของวิญญาณได้
ถ้าวิญญาณเป็นสิ่งที่เบาบางและละเอียดอ่อนราวกับไร้การมีอยู่ถึงขนาดนั้น
ปัญหาเดิมที่ว่าแล้ววิญญาณที่แสนจะอ่อนกำลังสามารถส่งอิทธิพลต่อวัตถุในโลกกายภาพได้อย่างไรก็กลับมา
ปัญหาของวิญญาณที่กล่าวมานี้เป็นปัญหาเชิงปรัชญาที่เรียกว่า
Mind-body Problem
ซึ่งท้าทายการมีอยู่ของวิญญาณอย่างยิ่ง
จริงๆ แล้วปัญหาของวิญญาณยังมีอยู่อีก
เช่น วิญญาณมีความเป็นสากลหรือไม่?
กฎเกณฑ์หรือธรรมชาติของวิญญาณคืออะไร? และวิญญาณเกิดขึ้นได้อย่างไร?
ฯลฯ
บางทีความเชื่อเรื่องวิญญาณอาจจะดำรงอยู่คู่ไปกับมนุษย์เรา
แม้จะเป็นยุคอนาคตอันไกลโพ้นที่มนุษย์สามารถเดินทางไปตั้งอาณานิคมไกลถึงดาวเคราะห์ดวงอื่นได้แล้วก็ตาม
ปัญหาของวิญญาณก็อาจตามไปหลอกหลอนการมีอยู่วิญญาณด้วยเช่นกัน