“สังคมเกาหลีชอบอะไรที่ดูเหมือนๆ กันและมีแนวโน้มที่จะไม่มั่นใจในสิ่งที่พวกเขาไม่คุ้นเคย ผมคิดว่าความเป็นกบฏคือการค้นหาสิ่งที่พังทลายกำแพงเดิมๆ ที่เรามีอยู่” คำพูดของเขาช่างตราตรึง เราคิดเมื่ออ่านบทสัมภาษณ์ของ ควอน ฮยอก หรือ DEAN จากนิตยสาร DAZED KOREA ฉบับใหม่ล่าสุดจบลง
ดีนคือศิลปิน K-wave รุ่นใหม่วัย 25 หน้าตาหล่อเหลาเอาการ แต่ที่เหนือกว่าคือฝีไม้ลายมือที่โดดเด่นน่าติดตาม เขาเป็นนักทดลองทำเพลงมากลูกเล่น และมีการแสดงบนเวทีที่มีเสน่ห์ล้นเหลือ
เมื่อต้นปี เป็นครั้งแรกที่เราได้ฟังบีตเท่ๆ และเสียงร้องแหบสุดเซ็กซี่ของเขา หลังจากนั้นเราถึงกับติดอกติดใจเพลงเหล่านี้ จึงเริ่มค้นหาข้อมูลและผลงานของศิลปินหนุ่มที่มีอยู่มากมายในโลกออนไลน์
‘น่าสนใจมาก’ คือวลีสรุปสั้นๆ หลังจากเราตามอ่านวีรกรรมของเขาจากหลายๆ แหล่ง
ช่วงมัธยมปลาย เมื่อดีนรู้เส้นทางความฝันชัดเจน เขาตัดสินใจโกนหัว สวมรองเท้าและเสื้อผ้าโอเวอร์ไซส์เพราะรับสไตล์นี้มาจากคนผิวสีในย่านอิแทวอน การโกนหัวครั้งนั้นคือสัญลักษณ์การเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ เพราะเขากำลังเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เลือกหนทางชีวิตด้วยตัวเอง
ต่อจากนี้ไป เราจะให้บทสนทนาที่เราไปพูดคุยกับดีนหลังเวทีสตูดิโอมูนสตาร์เมื่อวันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมาทำหน้าที่เล่าเรื่องและแสดงพลังด้วยตัวเอง ถ้าจะให้ดี บรรทัดต่อจากนี้คุณควรเปิดเพลงของศิลปินหนุ่มคลอไปด้วย
-1-
“ผมโตมากับการฟังเพลง เป็นเหมือนส่วนหนึ่งของเกมที่กำลังเล่น แล้วมันก็กลายเป็นอาชีพของผมไปเลย”
“การเข้ามาเป็นนักร้องของผมมีขั้นตอนที่เป็นธรรมชาติมากๆ ผมเริ่มเขียนเพลงตอน ม.4 เริ่มจากฟังบีตฮิปฮอปแล้วรู้สึกอยากเขียนเพลง เลยลองเขียนเนื้อหาและลองฝึกแรป” ดีนหลับตานึกย้อนไปถึงวันแรกที่เขาเริ่มผูกพันกับดนตรีฮิปฮอป เขาพยายามอย่างหนักกว่าจะมาอยู่ในจุดที่ทุกคนได้เห็นในวันนี้
Jeffrey Yoo ผู้จัดการส่วนตัวของดีน เคยพูดถึงเบื้องหลังชีวิตศิลปินของดีนไว้ว่า “ทุกคนคิดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องชั่วข้ามคืน แต่มันคือผลลัพธ์ของการทำงานหนักตลอดทั้งปีของเขา” ด้วยเหตุนี้ดีนเลยไม่ค่อยเห็นด้วยถ้ามีใครบอกว่าเขามีพรสวรรค์ เพราะเขาฝึกฝนซ้ำๆ ทำงานอย่างหนักหน่วง และผ่านการฟังเพลงมาเยอะมากจริงๆ
ดีนคือนักร้อง นักแต่งเพลง และโปรดิวเซอร์หนุ่มที่มีฝีไม้ลายมือโดดเด่นหาตัวจับยาก เพราะเพลงที่เขาร้องเต็มไปด้วยลูกเล่นดนตรีที่มีแอมเบียนต์เก๋ๆ แล้วเรียงร้อยทุกเพลงเข้าด้วยกัน แถมเขายังพยายามทำให้เพลงมีความเป็นภาพยนตร์ยุโรปเศร้าๆ เรื่องหนึ่งที่ดูน่าค้นหา
“อัลบั้มของผมโดยรวมทั้งหมดแล้วเหมือนกับหนัง มีส่วนเปิดเรื่อง ส่วนที่มีพัฒนาการของเรื่องราว ผมสนใจเรื่องการเชื่อมต่อเนื้อหา พยายามใส่ประตูและห้องห้องนึงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ (ห้องคือสัญลักษณ์ของอัลบั้ม 130 mood : TRBL)” สิ่งที่เราชอบคือซาวนด์เอฟเฟ็กต์สนุกๆ ที่มีความหมายแฝง นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นความพยายามร้อยเรียงเพลงทั้งหมดให้ไหลลื่นด้วย “ถ้าเพลงไหนดูโดดจากเพลงอื่นมากเกินไป ผมจะใส่ซาวนด์เสียงทีวี เสียงหมาเห่า และการเคาะเพื่อจะเชื่อมโยงแต่ละเพลงเข้าด้วยกัน”
ความฝันของศิลปินเกาหลีหลายๆ คนคือการโกอินเตอร์ที่สหรัฐอเมริกา แต่ดีนมีเส้นทางแตกต่างจากศิลปินแดนกิมจิคนอื่นเพราะเขาเริ่มเดบิวต์ที่นิวยอร์กก่อนกลับมาเดบิวต์ที่บ้านเกิด
“ผมเคยเขียนเพลงและทำเพลงในค่ายเพลงที่อเมริกามาก่อน ส่วนมากเมื่อทำเพลงเรียบร้อย ผมจะให้คนอเมริกันฟัง หลายๆ คนตอบรับว่างานเราดี เลยตัดสินใจเดบิวต์ที่อเมริกาเป็นที่แรก ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องแปลกใหม่ ท้าทายและน่าสนุกที่จะได้เริ่มต้นที่นั่น” ดีนเล่าถึงจุดเริ่มต้นในเส้นทางดนตรีที่สหรัฐอเมริกาให้เราฟัง ตอนนั้นเขามีอายุได้เพียง 19 ปีเท่านั้น
ประเด็นที่เคยทำงานที่สหรัฐอเมริกาของเขาถูกพูดถึงบ่อยครั้ง เพราะส่วนมากความฝันอันดับหนึ่งของศิลปินเกาหลีคือการเจาะตลาดโลกให้ได้ ดีนก็เหมือนกัน เขาพูดถึงความฝันของตัวเองไว้ในนิตยสาร DAZED KOREA ว่า “ผมคิดว่าถ้าผมเข้าถึงตลาดเพลงของอเมริกาได้ ผมคงเข้าถึงตลาดเพลงของทั้งโลกได้ มันคงดีถ้าเรามีคาแรกเตอร์ที่มีเอกลักษณ์ในตลาดเพลงอเมริกา”
“อยากให้คนฟังพูดว่า ไม่รู้หรอกนะว่าเขาเป็นใคร แต่เขาดูแตกต่างมาก ผมเลยคิดถึงหนทางและภาพลักษณ์ความเป็นเอเชียตะวันออกที่จะสื่อสารออกไปได้”
ถ้าคุณเป็นแฟนคลับดีนตัวจริง คุณจะถูกเรียกว่า Rebel แปลว่าการกบฏหรือการต่อต้าน ซึ่งทุกคนรู้ดีว่าเป้าหมายสูงสุดของดีนคือการเผยแพร่วัฒนธรรมเกาหลีใต้ให้แพร่กระจายไปทั่วโลก
.
-2-
เมื่อวานดีนเพิ่งแลนดิ้งที่สนามบินสุวรรณภูมิ แค่มองหน้าและดวงตาที่อิดโรยก็รู้แล้วว่าเขาเหนื่อยไม่น้อย คิวงานที่ชุกทำให้เขาไม่ได้พักผ่อนเท่าที่ควร “หลังอัดรายการ Show Me the Money มีช่วงที่ผมได้พักนิดหน่อย ส่วนช่วงนี้ผมกำลังอัดเพลงใหม่ เลยทำให้ผมรู้สึกง่วงนอนและวุ่นวายนิดนึง” ดีนเล่าให้เราฟัง เป็นอย่างที่เขาว่า รายการ Show Me the Money ซีซั่นที่ 6 ที่เขารับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์นั้นออกจะหนักเอาการเพราะต้องทำเพลงอยู่ตลอดเวลา แต่แน่นอน ความทุ่มเทนี้ทำให้ Hangzoo ลูกทีมของดีนคว้าแชมป์ได้อย่างสวยงามในที่สุด
แม้จะไม่มีใครในครอบครัวเป็นศิลปิน หรือเกี่ยวข้องแวดล้อมกับวงการดนตรี แต่พ่อและแม่ก็สนับสนุนดีนอย่างเต็มที่ “พ่อกับแม่ของผมไม่ใช่ศิลปิน แต่ทั้งคู่ชอบร้องเพลง ชอบเต้นและชอบฟังเพลงมากๆ มันช่วยให้ผมแน่ใจต่อการตัดสินใจเป็นศิลปิน”
วีรกรรมเด็ดๆ ของหนุ่มดีนมีไม่น้อย ในปี 2016 หลังจากปล่อย 130 mood : TRBL EP แรกในชีวิตที่ประเทศเกาหลีใต้ ไม่นานอัลบั้มของเขาไต่ชาร์ตติดอันดับ 3 ของ Billboard’s World Album ไม่ต้องพูดถึงกระแสในเกาหลีเพราะเขากลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงที่ยึดชาร์ตเพลงแห่งชาติ ได้รับรางวัลจากเวทีต่างๆ มากมาย แต่นั่นคงไม่เท่ากับการได้เข้าไปครองใจคนเกาหลีได้สำเร็จ
“30 mood : TRBL เป็นอัลบั้มแรกที่ผมปล่อยออกมา จากที่แต่ก่อนเป็นแค่นักแต่งเพลง ตอนนี้เลยกลายเป็นนักร้องอย่างเต็มตัว” ดีนฉีกยิ้ม เรานึกไม่ออกเลยว่าเขาดีใจแค่ไหน เพราะในอดีตเขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มโนเนมที่ตัดสินใจเดินทางไปเสี่ยงโชคที่มหานครนิวยอร์ก และถูก Pharrell Williams ศิลปินระดับโลกปฏิเสธผลงาน แต่ทุกวันนี้เขากลายเป็นศิลปินที่คนในแถบเอเชียรู้จัก แถมชื่อเสียงไม่ได้หยุดแค่นั้น เพราะด้วยฝีมือจึงทำให้ก้าวไปได้ไกลยิ่งขึ้น ในปี 2016 เขาได้รับเชิญให้เป็นศิลปินเอเชียคนแรกที่ขึ้นแสดงบนเวที Spotify และเมื่อกลางปี 2017 ก็ปรากฏใน COLORS ช่องเพลงจากเบอร์ลิน ดีนวาดลวดลายจนเป็นที่พูดถึงในแวดวงดนตรีโลก
.
-3-
“ก่อนเดบิวต์ผมพยายามแต่งเพลงมาเรื่อยๆ มีช่วงหนึ่งผมแต่งเพลงไม่ได้เลย แต่ผมพยายามมาก” ดีนเล่านิ่งๆ ทั้งที่เรื่องที่เขาพูดมาไม่ได้ง่าย
“ช่วงก่อนเดบิวต์คือช่วงเวลาที่ยาก ผมต้องอยู่ที่บริษัทเพื่อแต่งเพลง มีงานส่วนหนึ่งต้องทำตามความต้องการลูกค้า ตอนนั้นผมคิดว่าต้องแต่งเพลงที่ลูกค้าชอบ ทำให้มาตรฐานของผมตก แต่งเพลงแล้วรู้สึกกดดัน ไม่สนุกเลย แต่หลังจากที่ผมเปลี่ยนทัศนคติว่าถ้าเราสร้างผลงานออกมาแล้วชอบ ลูกค้าและคนอื่นๆ จะต้องชอบแน่นอน เลยทำให้ผมมีใจรักและมีความสุขในการแต่งเพลงมากขึ้น ชีวิตการทำเพลงของผมเลยผ่านมาได้ด้วยดี”
นอกจากจะมีผลงานเพลงเป็นของตัวเอง ฝีมือของเขาทำให้ถูกชักชวนไปร่วมฟีตเจอริ่งกับศิลปินหลายคน อาทิ แทยอน Girls’ Generation, กลุ่มศิลปินฮิปฮอปชื่อดังอย่าง Zion.T, Crush, Heize และ Dok2
“ความจริงที่ว่าฮิปฮอปและอาร์แอนด์บีมาจากรากเดียวกัน ผมเลยลองแนวเพลงอย่างโซล และแนวเพลงอื่นที่คล้ายกันด้วย” ดีนให้สัมภาษณ์กับ HiphopKR ความคิดที่ไม่จำกัดกรอบนี้ทำให้เพลงของดีนมีไวยากรณ์ที่ทั้งสนุก แปลกและสดใหม่
ปัญหาที่คนฟังเพลงดีนหลายคนพบคือเรื่องร้องตามยาก เพราะการร้องของเขาเต็มไปด้วยเทคนิคที่แพรวพราวต่างๆ “ส่วนใหญ่เพลงของผมใช้เสียงสูงมาก เพลงจึงร้องยาก ผมเรียนรู้ว่าตัวเองไม่ควรทำเพลงที่ร้องยากขนาดนี้ เพราะคนร้องตามกันลำบาก และตอนขึ้นเวทีจริงผมก็ร้องลำบาก ผมเลยทำให้เพลงต่อๆ มาซอฟต์ลง จะได้มีการเพอร์ฟอร์แมนซ์มากขึ้น ทำให้เราร้องสบายและอีกฝั่งหนึ่งร้องตามได้ด้วย”
ดีนเคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความหวังสูงสุดในชีวิตว่า “ผมอยากเป็นศิลปินที่มีอิทธิพลมากขึ้น อยากให้คนได้ฟังเพลงของผมมากกว่านี้ ผมอยากจะสื่อข้อความผ่านบทเพลง เหมือนอย่าง Kanye West ในเรื่องแฟชั่น เพลง และความคิด ผมอยากเป็นเป้าหมายชีวิตของใครบางคนบ้าง”
เมื่อมีคนให้ดีนพูดถึงอัลบั้ม 130 mood : TRBL เขากลับไปสำรวจตัวเองและพบทั้งจุดที่ทั้งรักและชัง
“ผมมักจะเสียใจเสมอ ผมอยากได้ทุกอย่างเต็มร้อย แต่ไม่เคยไปถึงจุดนั้นได้สักที”
“อัลบั้มของผมไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่ก็ดีในแบบของมัน ผมหวังว่าจะทำให้ดีกว่าเดิมในอัลบั้มใหม่ ผมจะได้ชดเชยความเสียใจที่ผมมีในอัลบั้มนี้”
แม้ว่าชื่อในวงการเพลงของดีนจะมีที่มาจากนักแสดงอเมริกันชื่อดังอย่าง James Dean แต่กลายเป็นว่ามันกักเก็บจิตวิญญาณศิลปิน และสะท้อนตัวตนของเขาได้เป็นอย่างดี อย่างที่เขาเคยพูดถึงชื่อนี้ไว้ว่า “สปิริตของคนหัวขบถเป็นสิ่งที่ผมอยากจะเก็บมันเอาไว้กับตัว”
.
-4-
เราบอกดีนว่า เรามองเขาเป็นผู้นำเทรนด์ด้านดนตรีฮิปฮอปและอาร์แอนด์บีในบ้านเกิดของตัวเอง
“ผมไม่ได้คิดว่าตัวเองจะมาเป็นผู้นำในวงการนี้” ดีนรีบตอบทันที “สิ่งที่ผมคิดคือผมไม่อยากเจาะจงเฉพาะการทำเพลง ผมฝันว่าจะเอางานศิลปะทุกแขนง ไม่ว่าจะเป็นมิวสิกวิดีโอหรือการแสดงบนเวทีมานำเสนอ อาจเป็นอาร์ตไดเรกชันบนเวที ผมอยากทำงานศิลปะอีกหลากหลายด้าน อยากให้ศิลปินคนอื่นๆ มาลองทำร่วมกันดู ผมถือว่ามันจะเป็นคลื่นลูกใหม่ในวงการเพลงเกาหลี”
“เราไม่จำเป็นต้องเจาะจงกับการทำเพลงอย่างเดียว แต่คนอื่นสามารถเอาศิลปะด้านอื่นๆ มารวมกันให้กลายเป็นผลงานศิลปะชิ้นเอกได้”
แม้ว่าเขาจะดูเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย แต่หลังจากการพูดคุยกับเรา ดีนก็ทำหน้าที่ให้สัมภาษณ์สื่ออื่นๆ จนครบถ้วน
ดีนเคยเล่าไว้พักใหญ่แล้วว่าแม้ภาษาของแฟนเพลงในแต่ละประเทศจะแตกต่างกัน แต่ช่วงเวลาที่เขาร้องเพลง พวกเขาจะร้องเป็นภาษาเดียวกัน นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาอยากพัฒนางานให้ดีและอยากทำงานให้หนักยิ่งขึ้น
ลวดลายดนตรีในเพลงของดีนคือการผสมผสานวัฒนธรรมอเมริกันและเกาหลีใต้ไว้ได้อย่างกลมกลืนและกลมกล่อม ไม่น่าเชื่อเลยว่าศิลปินใต้ดิน และเด็กมัธยมสวมเสื้อโอเวอร์ไซส์ ที่ใช้โลกแห่งดนตรีเพื่อหลบหนีการเรียนจะมาได้ไกลมากขนาดนี้ ค่ำคืนวันเสาร์ที่ผ่านมาเป็นคอนเสิร์ตครั้งแรกในไทยของหนุ่มดีน เขาร้องเพลงและวาดลีลาอย่างเมามัน ราวกับว่าไม่ใช่ดีนผู้อ่อนเพลียที่เราเจอหลังเวที
เรายกเวทีนี้ให้ดีนโลดแล่นอย่างเต็มที่ Rebel ทุกคนกำลังกรี๊ดให้เขาอย่างชื่นชมและมีความสุข
เราเชื่อว่าเขาก็มีความสุขเมื่อมองลงมาเห็น Rebel ชาวไทยเหมือนกัน
.
ขอบคุณ Universal Music Thailand และ แอดมิน twitter @DeanThailand สำหรับการเอื้อเฟื้อข้อมูล
ภาพ ชนพัฒน์ เศรษฐโสรัถ