PAST LIVES โชคชะตาของคนสองคนที่โคจรมาพบกันอีกครั้งเพราะความโหยหารักครั้งแรก

ถ้า IN-YUN (อิน-ยอน) ที่แปลว่า ‘โชคชะตา’ หรือ ‘พรหมลิขิต’ ทำให้คนจากชาติปางก่อนซึ่งผูกโยงกัน 8,000 ชาติ ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง สำหรับเรา อิน-ยอน ก็อาจทำให้คนที่เรารักในปัจจุบัน ไม่ได้ครองคู่เคียงข้างเช่นเดียวกัน

PAST LIVES ครั้งหนึ่ง…ซึ่งคิดถึงตลอดไป‘ ภาพยนตร์จากสตูดิโอ A24 ขวัญใจคอหนังแห่งยุค ฝีมือการกำกับและเขียนบทภาพยนตร์เรื่องแรกของ เซลีน ซง (Celine Song) ซึ่งเนื้อเรื่องอ้างอิงมาจากชีวิตส่วนตัวของเธอเอง แม้จะเป็นเรื่องแรก แต่เธอไม่ใช่มือใหม่ในวงการ เพราะมีผลงานการเขียนบทละครเวทีมาก่อนแล้ว จากเรื่อง Endlings (2020) และ The Seagull on The Sims 4 (2020)

PAST LIVES ได้รับเสียงชื่นชมและคะแนนรีวิวที่สูงลิ่วตั้งแต่ฉายครั้งแรกที่เทศกาล Sundance Film Festival เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา (2566) และมีชื่อเข้าชิงบนเวที Berlin International Film Festival สาขา Golden Bear ซึ่งเป็นรางวัลใหญ่ที่สุดที่มอบให้กับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม นอกจากนี้ยังสามารถคว้า 3 รางวัลจากทั้งหมด 7 รางวัลที่มีชื่อเข้าชิงบนเวที Hollywood Critics Association Midseason Film Awards ได้แก่ ภาพยนตร์อินดี้ยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม

จึงไม่น่าแปลกใจที่ Out of the Box by GDH เปิดตัวการเป็นผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ต่างประเทศอย่างเป็นทางการด้วยการเลือกเรื่องนี้มาฉายเป็นเรื่องแรกของค่าย

หนังคลุมไว้ด้วยคอนเซ็ปต์ของคำว่า IN-YUN (อิน-ยอน) ในภาษาเกาหลี ซึ่งเชื่อกันว่า โชคชะตาหรือพรหมลิขิต ที่ทำให้คู่แต่งงานได้มารักกันนั้น ผูกโยงมาจากความสัมพันธ์ที่เคยเดินสวนกันแต่ชาติปางก่อน และจะโยงใยกันต่อไปในอีก 8,000 ชาติภพ แม้ดูจะเป็นมุกที่เอาไว้ใช้จีบกัน แต่เซลิน-ผู้กำกับ ขยายเรื่องราวออกมาได้อย่างละมุนและลึกซึ้งกินใจ

โดยเนื้อเรื่องเล่าถึงความผูกพันของสองเพื่อนสนิทสมัยประถม นอร่า (เกรตา ลี) และ แฮซอง (แทโอ ยู) ที่เป็นทั้งคู่แข่งในเรื่องการเรียนและคนคอยซัพพอร์ตให้แก่กันและกัน จนเมื่อนอร่าในวัย 12 ปี ต้องย้ายตามครอบครัวไปแคนานาเพื่อมองหาโอกาสใหม่ๆ ให้กับชีวิต จึงสั่นคลอนความสัมพันธ์ของพวกเขา นอร่านั้น ด้วยความใกล้ชิดกับพ่อและแม่ซึ่งทำงานด้านศิลปะด้วยกันทั้งคู่ และเธอก็เองเป็นลูกไม้ใต้ต้นที่ฝันอยากจะประสบความสำเร็จในเส้นทางวรรณกรรมและงานเขียนมาตั้งแต่ยังเล็ก จึงจำใจโบกมือลาเด็กชายแฮซองเพื่อความก้าวหน้าในเส้นทางอาชีพ และทำให้ขาดการติดต่อตั้งแต่นั้นมา

เมื่อโชคชะตาหรือพรหมลิขิตทำให้ทั้งคู่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในอีก 12 ปีต่อมา ผ่านการติดต่อทางโซเชียลมีเดีย แม้ทั้งคู่จะเข้ากันได้ดีมากเพียงใด แต่ระยะทางก็เป็นอุปสรรคที่สร้างระยะห่างจากกันขึ้นเรื่อยๆ จนมองไม่เห็นจุดบรรจบของความสัมพันธ์นี้ ทำให้ความผูกพันที่สานขึ้นมาใหม่ เหลือเพียงช่วงเวลาความสุขที่เคยมีร่วมกัน

จนมาถึงความพยายามครั้งสุดท้ายของแฮซองในอีก 12 ปีต่อมา เพื่อมาเหยียบแผ่นดินเดียวกันและหายใจร่วมกันกับที่ที่นอร่าใช้ชีวิตอยู่อีกครั้งเป็นผลสำเร็จ นั่นคือที่นิวยอร์ก เป็นการเดินทางเพื่อพิสูจน์และคลี่คลายความรู้สึกที่สั่งสมมาตลอดเวลา 24 ปีของการจากลาลงเสียที ความคิดถึงที่คนทั้งคู่มีให้แก่กัน ส่งผ่านออกมาทางแววตา รอยยิ้ม และประโยคในบทสนทนา แม้เป็นเวลาสั้นๆ ที่มีร่วมกัน แต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความห่วงหาอาทรที่ไม่เคยจากไปไหนอย่างถาวร ตอกย้ำด้วยการที่นอร่าละเมอออกมาเป็นภาษาเกาหลี แสดงว่านอกจากความคิดถึงที่มีต่อเพื่อนสนิทวัยเด็ก ลึกๆ แล้วเธอยังนึกถึงเกาหลีใต้บ้านเกิดอยู่เสมอ

เคมีการแสดงของ นอร่า และ แฮซอง ทำให้แม้ในซีนเรียบง่ายเช่นการสบตากัน การกอดอย่างเป็นมิตร ในตอนเจอกันครั้งแรกเมื่อเป็นผู้ใหญ่ มันปลดปล่อยอารมณ์ความโหยหา และความสัมพันธ์ใกล้ชิดทางจิตใจที่มีให้แก่กันมาตลอดระยะทาง 24 ปีที่ต้องจากลาได้อย่างหมดจด เรียกได้ว่าเป็นการแสดงน้อยแต่ได้ผลลัพธ์มาก

ถึงแม้ความรู้สึกที่มีให้กันจะถูกต้องตรงกันมากแค่ไหน แต่ความจริงอย่างหนึ่งคือ นอร่าได้แต่งงานและเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเมืองที่เธอฝันกับ อาเธอร์ (จอห์น มากาโร) สามีนักเขียนชาวอเมริกันไปแล้ว ตัวละครนี้ถือเป็นตัวละครที่เข้ามาขโมยซีนได้เป็นระยะ การมีอยู่ของอาเธอร์นั้น ทั้งดูเหมือนจะเป็นอุปสรรค แต่ก็เป็นตัวละครที่อบอุ่น คอยโอบอุ้มความรู้สึกของทั้งนอร่าและแฮซอง ประคองไว้ไม่ให้แตกสลาย ทำให้เรื่องไม่เพ้อฝันจนเกินไป และอยู่กับความเป็นจริงของชีวิต

ต้องบอกว่าเป็นภาพยนตร์ที่ต้องใช้เวลาดื่มด่ำและซึมซับความสัมพันธ์ของตัวละครไปเรื่อยๆ โดยมีบรรยากาศนิวยอร์กเป็นฉากหลัง ที่ช่วยเสริมให้เรื่องราวความรักยิ่งโรแมนติก เหมือนเป็นภาพฝันที่ไม่อยากถูกปลุกให้ตื่น

ช่วง 20 นาทีสุดท้าย ดูเหมือนกับว่า ผู้กำกับได้ขุดหลุมไว้รอผู้ชม ให้ตกลงไปในห้วงความรู้สึกน่าอึดอัดใจของนักแสดงที่ใกล้ถึงฉากสุดท้ายของเรื่อง การเลือกแช่กล้องลองเทกกับบทสนทนาบางเบา แต่ทำให้หัวใจผู้ชมหนักอึ้งจนระเบิดน้ำตาออกมา พร้อมกับทางเลือกของนอร่า ขอยกให้เป็นหนึ่งในซีนจบในดวงใจของเราที่ล็อกให้ติดกับเก้าอี้จนลุกไม่ขึ้น

รักครั้งแรกเล่ากี่ครั้งก็ทำให้หัวใจหวั่นไหว ยิ่งมาอยู่ในมือของผู้กำกับภาพยนตร์ เซลีน ซง ที่มีความลุ่มลึกละเมียดละไม แต่ละฉากที่ใส่มาในเรื่องจึงมีความหมายลึกซึ้งและจับใจผู้ชม สมกับที่ทำให้เราเฝ้ารอรับชมในโรงภาพยนตร์ แล้วก็ทำได้เกินกว่าที่คาดไว้-แม้จะหวังไว้สูงมากแล้วก็ตาม

เกร็ดภาพยนตร์

  • เกรตา ลี และ แทโอ ยู ทั้งคู่เคยอาศัยอยู่บริเวณฝั่งตะวันออกของเมืองแมนฮัตตันซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำหลายๆ ฉากของภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยผู้กำกับ เซลีน ซง ให้สัมภาษณ์กับ New York Times ไว้ว่า เธอพยายามแยกทั้งคู่ไม่ให้เจอกันเพื่อทำให้ฉากการรียูเนี่ยนในรอบ 24 ปีออกมาสมจริงมากที่สุด
  • แม้ในเรื่อง แฮซองจะพูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อย แต่ตัวจริงของ แทโอ ยู พูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วมาก รวมถึงภาษาอื่นๆ อีกสามภาษา 
  • แทโอ ยู และ จอห์น มากาโร ได้เจอกันครั้งแรกก็ตอนที่ต้องเข้าฉากร่วมกัน  

ตัวอย่างภาพยนตร์

AUTHOR