บทเพลงในอารักษ์

Highlights

  • รักเธอคนเดียว และ ไม่ต้องทำหรอกบุญ คือเพลงใหม่จากอัลบั้ม Aragochina ของ เป้–อารักษ์ อมรศุภศิริ โดยแนวดนตรีที่ชูซาวด์อิเล็กทรอนิกเป็นหลักคือลายเซ็นที่ชัดที่สุดที่คนฟังต่างสัมผัสได้
  • เป้บอกกับเราว่า สาเหตุที่เขามักเปลี่ยนแนวเพลงตลอดเวลาเพราะด้วยแรงที่ยังมี เขาอยากทำอะไรที่ยากๆ เพื่อความสะใจของตัวเอง ส่วนเพลงจะดังหรือไม่ นั่นกลายเป็นเรื่องที่เขาชินแล้ว
  • สุดท้ายเพลงจะมียอดวิวเท่าไหร่ เป้บอกเราว่าเขาก็จะไปต่อ เพราะการทำเพลงและทำอาชีพนักดนตรีคือความฝันที่เขาอยากทำให้ได้มาตลอด ดังนั้นถ้าไหวก็ต้องไปต่อ ไม่ไหวก็ต้องไปต่อ

เป้–อารักษ์ อมรศุภศิริ บอกผมว่าชีวิตการเป็นศิลปินของเขา ถ้าเปรียบเป็นการเรียน เขาเป็นแค่เด็กที่สอบผ่านแต่ไม่เคยได้คะแนนดีๆ

บทเพลงที่มีชื่อต่อท้ายว่า ‘Pae Arak’ มักจะถูดจัดอยู่ใน ‘เพลงที่ดีแต่ไม่ดัง’ ความแปลกใหม่ที่เขานำเสนอออกมาผ่านตัวตนและเมโลดี้มักทำหลายคนยกนิ้วให้กับความยอดเยี่ยม ตั้งแต่ยุคแรกอย่างเพลงมาเลเซีย, ชิซึกะ, ฉันออกไปเต้นกับเพลงที่ไม่คิดจะฟัง มาจนถึง ไม่ต้องทำหรอกบุญ (ซิงเกิลที่เพิ่งปล่อยออกมาเมื่อเดือนที่แล้ว) คำชมจากเพลงทั้งหมดที่กล่าวมาก็มักจะสวนทางกับยอดวิวในสื่อโซเชียล รวมถึงตัวเป้เองที่มักบอกกับสื่อทั่วไปว่าเขาชินเสียแล้วกับความเป็นจริงข้อนี้

“ชินกับความไม่ดัง แต่ยังคงทำต่อ” เป้มักจะบอกกับใครแบบนี้เป็นประจำ

เป้ อารักษ์

ช่วงสายวันหนึ่งผมพาตัวเองมาเจอกับเป้ที่ค่าย What the Duck ย่านอารีย์

ในวาระที่เขามีผลงานเพลง EP album ใหม่ในชื่อ Aragochina และชีวิตช่วงนี้ที่นอกจากงานเพลง เขาทำอะไรมากมายเหลือเกิน ตั้งแต่งานละครไปจนถึงการชกมวยในรายการทีวี ผมอยากจะอัพเดตผลงานและความเป็นไปช่วงนี้สักหน่อย อะไรที่ยังทำให้เขา ‘ทำต่อ’ มาเป็นเวลาหลายปีขนาดนี้แม้จะมีทางเลือกหลายอย่างในชีวิต

วันที่คุณจะได้อ่านบทความนี้ เพลง รักเธอคนเดียว ซิงเกิลใหม่ของเขาจาก EP album ที่กล่าวไปน่าจะถูกปล่อยออกมาให้ทุกคนได้ฟังกันพอดี จริงๆ ในวันที่ผมคุยกับเป้ ผมมีโอกาสได้ฟังเพลงนี้ร่วมกับเขาแล้ว แนวดนตรีที่เขานำเสนอยังคงฉีกออกไปจากทุกอย่างที่เขาเคยทำ แต่สุดท้ายผมก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่าเพลงนี้จะทำให้เขาเป็นเด็กนักเรียนที่สอบได้คะแนนดีอย่างที่เขาตั้งใจหรือไม่

แต่เพื่อการเข้าใจเด็กนักเรียนคนนี้มากขึ้น ลองมานั่งฟังเขาเล่าบ้างดีกว่าว่าเขาเตรียมตัวเตรียมใจในการสอบกับทุกบททดสอบที่เข้ามาในชีวิตอย่างไรบ้าง

 

อีกครั้งแล้วที่แนวเพลงเปลี่ยนไปเวลาออกอัลบั้มใหม่ แต่รอบนี้เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน

(หัวเราะ) เอาจริงๆ ตอนแรกยังไม่ได้กำหนดหรอกครับ ตั้งใจว่าจะทำเป็น R&B ง่ายๆ ฟังสบายๆ แต่พี่เล็ก (ฮิวโก้–จุลจักร จักรพงษ์) เสนอตัวเป็นโปรดิวเซอร์มาว่าถ้าอยากทำแนวนี้เดี๋ยวทำให้ ผมก็เชื่อเขาและให้พี่เล็กลุยเต็มที่ ก็ได้เมฆ Machina (สุขุม อิ่มเอิบสิน) ซึ่งเป็นมือดีมาช่วยประสานกัน และบิ๊ก The Pisat Band (ภานุวัฒน์ พืชกสิชลพสุธา) มาคิดอะไรเพิ่ม สุดท้ายเลยออกมาเป็นแบบนี้ อาจจะรู้สึกเหวอหน่อยนะ และเพลงต่อไปก็จะรู้สึกว่า เฮ้ย เหวอมากกว่านี้ได้อีก

เป็นความต้องการของคุณเองหรือเปล่าที่อยากทำอะไรใหม่ๆ

ใช่ครับ ตั้งแต่ยุคแรกแล้วที่ผมย้อนไปไกล ทั้งโฟล์กและคันทรี จนมาเป็นไฟฟ้าแบบอัลบั้ม เหล็กกับไม้ ส่วนตอนนี้ผมอยากทำเพลงแนวบิลบอร์ดชาร์ตบ้าง เหมือนเราไม่ต้องไปกำหนดแล้วว่าเพลงเราต้องมีเครื่องดนตรีโอลด์สคูลหรือวินเทจ ผมให้เพลงมันพาไปดีกว่า

เป้ อารักษ์

ไม่กลัวจะฉีกจากของเก่ามากไปเหรอ

นั่นน่ะสิครับ (คิด) ความจริงแล้วด้วยเพลงที่ผมมีอยู่ในมือ ผมทำเพลงแบบชุดหนึ่งได้อีกชุดเลยนะ สองชุดด้วยซ้ำ สามารถกลับไปเล่นโฟล์กได้สบาย แต่ผมรู้สึกว่ามันง่ายไป จะให้กลับไปทำแบบชุดแรก ผมทำได้เลย แต่ผมรู้สึกว่าไม่ต้องรีบทำก็ได้ มันไม่มีประโยชน์ที่จะทำตอนนี้ ถ้ายังมีแรง ผมเอาแรงไปทำอะไรที่ยากๆ ท้าทายและวุ่นวายหน่อยดีกว่า คือตอนนี้เราอยากไปเล่นคอนเสิร์ตและสนุกสนาน มีเพลงที่เอาไว้ทัวร์ได้มันๆ ตามยุคสมัย ดังนั้นศิลปินก็ต้องเปลี่ยนไปหมดแหละครับ ถ้าผมเล่นแนวเดิมก็อาจจะไม่รอด

ผลออกมาเป็นอย่างที่คิดไหม

ในแง่ตอนทำงานก็ไม่ได้ยากมากนะครับ แต่พอเพลงเสร็จออกมา ผมชอบมาก กรี๊ดมาก พี่เล็กก็บอกว่าเขาชอบมาก ฟังแล้วอยากไปเที่ยวทองหล่อ (หัวเราะ) มันเป็นความตั้งใจของอัลบั้มนี้ด้วยครับที่อยากทำให้อัลบั้มนี้เมืองๆ ทันสมัยหน่อย อยากให้คนฟังรู้สึกว่ามาแบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอ ผมพยายามให้เป็นแบบนั้น ตอนนี้คือแค่รอปล่อยเพลงอย่างเดียว

เป้ อารักษ์

ทุกวันนี้เวลาปล่อยเพลงใหม่ยังคาดหวังเท่าเดิมไหม

คาดหวังครับ อย่าง ไม่ต้องทำหรอกบุญ ที่ปล่อยไปก่อนหน้านี้ก็คาดหวัง ตอนแรกเหมือนจะสำเร็จด้วยนะ เพื่อนๆ หรือคนในวงการก็ดูชอบแต่ยอดฟังไม่ขึ้น เอ็มวีก็ดีแต่ยอดวิวไม่มา แต่ผมก็ชินกับการไม่สมหวังแล้ว บางทีดังหรือไม่ดังก็เป็นเรื่องภายนอก ดังได้มันก็ดี จะได้ตอบโจทย์ทุกอย่างทั้งค่าย วง หรือตัวเราเอง แต่ถ้าไม่ดังก็แค่ทำต่อ

ไม่มีเซ็งบ้างเหรอ

ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ อาจเป็นเพราะผมทำอะไรหลายอย่างด้วย บางคนเลยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมปล่อยเพลง คนชอบมาถามผมว่าเมื่อไหร่จะทำเพลง ผมก็จะตอบว่าอ๋อ อาทิตย์ที่แล้วเพิ่งปล่อยไปเองครับ (ยิ้ม) คนอาจจะติดภาพผมจาก มาเลเซีย ด้วย ซึ่งจริงๆ ก็นานมากแล้วนะ ดังนั้นจะชอบหรือไม่ชอบ ดังหรือไม่ดังก็ไม่ได้คิดอะไรขนาดนั้นแล้วครับ แค่อยากให้ลองฟังเพลงใหม่กัน

การที่ศิลปินเริ่มชินเวลาเพลงไม่ดังดูเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่หรือเปล่า

มันอยู่ที่ว่าเราทำอะไรได้บ้างน่ะครับ เอาจริงๆ ตัวผมในตอนนี้เพิ่งบาดเจ็บที่คอตรงกล้ามเนื้อคุมเส้นเสียงและยังไม่หายดีเลย ยิ่งเป็นช่วงที่ต้องซ้อมหนักๆ เพื่อชุดใหม่นี้พอดีอีก แทนที่จะร้องได้เต็มที่ก็ไม่ได้ซึ่งก็หวังว่าจะหายในเร็ววัน ดังนั้นถ้าถามว่าผมทำอะไรได้มากกว่านี้ไหม ผมว่ายัง ดังนั้นถ้ายังแล้วยังไงต่อ ก็ต้องชิน แต่ถ้าทำอะไรได้มากกว่านี้แล้วผมไม่ได้ทำ นั่นแหละผมจะเสียใจ

เป้ อารักษ์

วัยและประสบการณ์มีผลไหมกับมุมมองที่คิดแบบนี้

อยู่แล้ว ผมก็อยากกลับไปอยู่ในจุดที่เล่นคอนเสิร์ตแล้วคนสนุกและเพลงดังมากๆ อยู่ แต่ถ้าเรายังกลับไปสู่จุดนั้นไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เราต้องทำต่ออยู่ดี ท้อน่ะมีอยู่แล้ว แต่โชคดีที่ผมยังมีวง มีค่าย และอาชีพการงานอย่างอื่นที่โอเค มันเลยไม่ได้เดือดร้อนอะไรมาก  

อะไรแบบนี้กลายเป็นความกดดันไหม

ไม่เชิงนะครับ เหมือนถึงจุดนี้ผมก็ขอให้เขาได้ฟังมากกว่า จะไม่ชอบก็แล้วแต่ เพราะทุกวันนี้การทำให้คนได้ฟังอย่างตั้งใจ มันยากขึ้นแล้ว ยิ่งด้วยอายุการทำงานที่คนสนใจเราน้อยลง มันเลยกลายเป็นเรื่องที่ควบคุมลำบาก บางทีงานศิลปะก็ไม่ได้จำเป็นกับชีวิต แต่ผมเชื่อว่ามันจะมีงานบางอย่างที่คนปฏิเสธไม่ได้เพราะว่าดีมาก ที่ผมทำต่อไป ผมคงหวังว่าจะมีอะไรแบบนั้นโผล่ออกมาและแหวกไปสู่คนทั่วไปได้น่ะครับ

การเป็นศิลปินสมัยนี้ต่างกับสมัยก่อนยังไงบ้าง

ผมว่าในยุคนี้คุณต้องเก่งจริง ซึ่งผมไม่ได้เก่งจริงไง ตั้งแต่แรกแล้วที่ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เก่งกว่าใคร ผมคิดว่าตัวเองแต่งเนื้อเก่ง วงผมเก่ง โปรดิวเซอร์เก่ง แต่อย่างการร้องเพลงต้องพัฒนาอีกเยอะ แต่ยุคนี้คุณต้องเก่งสักอย่างหรือเก่งครบด้านแบบ The TOYS ไปเลย

เป้ อารักษ์

คุณเคยบอกว่าการแต่งเพลงสำหรับคุณคือการระบายออก ตอนนี้ยังเป็นแบบนั้นอยู่ไหม

ช่วงแรกเป็นการระบายออก แต่ช่วงนี้บางทีเป็นเหมือนการเอาชนะ ก่อนหน้านี้เราอาจเล่าเรื่องทั่วไปที่เราอยากเล่า แต่ตอนนี้เนื้อเพลงของผมจะเฉพาะเจาะจงกว่านั้น ผมก็ต้องมาคิดว่าจะเล่าอย่างไรให้คนฟังฟังแล้วสุนทรีย์และรู้สึกไม่ยากเกินไป ผมจะแต่งโดยเอาเรื่องและเนื้อเพลงนำก่อน อาจจะต่างจากคนอื่นที่เอาเมโลดี้นำ ซึ่งแบบนี้ก็มีข้อเสียเหมือนกัน เพราะบางครั้งถ้าผมแต่งแล้วไม่เพราะ ผมก็ต้องทิ้งเพลงและประเด็นที่ตั้งใจแต่งนั้นไปเลย จะผ่านไม่ผ่านก็ขึ้นอยู่กับความรู้สึก

เนื้อหาในเพลงก็เปลี่ยนไปด้วยไหม

สมัยแต่งเพลงแรกๆ ผมตั้งต้นด้วยความคิดว่า เฮ้ย เรื่องนี้ผมยังไม่ได้เล่า คนอื่นยังไม่ได้เล่า เรารู้สึกว่าต้องแสดงออก ความเห็นอย่างเรื่องการเมืองหรือเรื่องท้องก่อนวัยอันควร แต่ตอนนี้พอมีเฟซบุ๊กเข้ามา การแสดงความเห็นมันเร็วมาก แต่ละความเห็นก็เจ๋งมาก ผมรู้สึกว่าผมไม่ทันแล้ว เพลงเราจะเล่าเรื่องทั่วไปที่เกิดขึ้นในสังคมอย่างในอัลบั้ม Auto Erotic ไม่ได้แล้ว ผมรู้สึกว่าถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีประโยชน์ที่จะขบถแล้วหรือเปล่า การแสดงความเห็นของผมก็ไม่ได้จะช่วยประเทศได้ แม้เพลงจะได้รางวัลก็เหมือนไม่มีประโยชน์ ผมเลยคิดว่าจะไม่ทำแบบนั้นแล้ว ทำเพลงตามใจเราแบบที่ยังมีอะไรลึกซึ้งอยู่บ้างดีกว่า

เหมือนอีโก้ของคุณลดลง

ไม่ใช่เรื่องของอีโก้เลยครับ ตอนนั้นผมอยากจะเล่าเพราะคิดว่ามันน่าจะดี น่าจะมีคนชอบ น่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ อย่างเพลง สมศรี ผมก็คาดหวังเลยว่าจะต้องถูกเอาไปเปิดในงานที่พูดเรื่องท้องก่อนแต่งแน่ๆ แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้ช่วยอะไร เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ยิ่งตอนนี้ทุกคนก็เล่าเรื่องแบบนี้กันหมดแล้วและเล่าแบบเป็นปัญญาชนมากๆ ดังนั้นผมท้าทายตัวเองแบบอื่นดีกว่า อย่างการทำเพลงให้เพราะ ให้ดัง และไม่เหมือนคนอื่น

เป้ อารักษ์

ดูยากเหมือนกันในยุคที่ชีวิตนักดนตรีต้องขึ้นอยู่กับยอดวิว

ใช่ครับ ตัวเลขหลอกกันไม่ได้ แต่มันก็เป็นระบบของมัน ผมว่าสุดท้ายก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าเพลงเราจะดังหรือไม่ ก็ต้องทำต่อ หลับหูหลับตาทำต่อไป เหมือนเด็กที่สอบได้คะแนนไม่ดีแต่ผ่านน่ะครับ ไม่ตก ไม่ต้องซ้ำชั้น แต่ก็ไม่ได้เกรด 4 หรือเกียรตินิยมสักที เรียนกลางๆ สอบได้กลางๆ มาตลอด ดังนั้นก็เรียนต่อไปเรื่อยๆ วันหนึ่งได้เกรด 4 ก็คงได้รางวัลเรียนดีเองแหละ

ถ้าให้สรุปสุดท้าย คุณมีเคล็ดลับอะไรในการทำต่อมาได้ขนาดนี้แม้ผลไม่เป็นใจ

ทำในสิ่งที่ต้องทำ ถ้าได้แค่นั้นก็คือแค่นั้น พยายามต่อไป เพราะถ้าจะไม่ทำต่อก็คือทิ้ง และผมทิ้งไม่ได้น่ะครับ ถึงตอนนี้คอเจ๊งผมก็ยังต้องฝึก เพราะการทำเพลงและทำอาชีพนักดนตรีคือความฝันที่ผมอยากทำให้ได้มาตลอด ดังนั้นถ้าไหวก็ต้องไปต่อ ไม่ไหวก็ต้องไปต่อ ทำต่อไปเรื่อยๆ ครับ

เป้ อารักษ์

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ชนพัฒน์ เศรษฐโสรัถ

ช่างภาพนิตยสาร a day ที่เพิ่งมีพ็อกเก็ตบุ๊กเล่มใหม่ชื่อ view • finder ออกไปเจอบอลติก ซื้อสิ ไปซื้อ เฮ่!