ฮิวโก้-จุลจักร จักรพงษ์ : เมื่อศิลปินหนุ่มวางกีตาร์นั่งสนทนาเรื่องอัลบั้มล่าสุด ความชำรุด และความรัก

ผมได้ยินสาวๆ รอบตัวบอกว่า ฮิวโก้-จุลจักร จักรพงษ์ ‘หล่อมาก’ มาจนชินหู

แม้ประโยคนั้นจะไม่ได้หลุดจากปากชายหนุ่มอย่างผม แต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปเถียงให้เสียเวลา และคงเป็นการขวางโลกหากทำเช่นนั้น ใบหน้าเคราครึ้มและบุคลิกเข้มขรึมของเขาเป็นหลักฐานชัดเจนดีอยู่แล้วถึงที่มาของคำชื่นชมจากปากหญิงสาว

แต่หากใครติดตามศิลปินวัย 35 มาตั้งแต่วันแรกที่เข้าวงการ ย่อมรู้ว่านอกจากรูปกายภายนอก ภายใต้เปลือกอันหล่อเหลาบรรจุสิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นอยู่ภายใน ตามที่ปรากฏ-ไม่ว่าสื่อมวลชนแขนงใดติดต่อขอสัมภาษณ์มักได้เนื้อหาที่คมคายและชวนคิดเสมอจากถ้อยคำของเขา

เมื่อรู้ว่านักร้องลูกครึ่งอย่างเขากำลังขับเคี่ยวทำอัลบั้มเดี่ยวชุดใหม่ชื่อ. ดำสนิท ซึ่งเป็ อัลบั้มเพลงภาษาไทยล้วนๆ โดยล่าสุดเพิ่งปล่อยเพลง อย่ามาให้เห็น ออกมาเป็นซิงเกิลแรก เราจึงนัดพบเขาในบ่ายวันหนึ่งเพื่อถามไถ่ไล่เรียงถึงที่มาของบทเพลงในอัลบั้ม ไปจนกระทั่งเรื่องราวชีวิตและความคิดของเขา ณ เวลานี้

ผมได้ยินสาวๆ รอบตัวบอกว่า ฮิวโก้-จุลจักร จักรพงษ์ ‘หล่อมาก’ มาจนชินหู-ครั้งนี้ผมขอเป็นคนบอกเอง

อัลบั้มเดี่ยวของคุณก่อนหน้านี้เป็นอัลบั้มเพลงสากล ทำไมทำอัลบั้มนี้ถึงกลับมาทำอัลบั้มภาษาไทย

มันเป็นประเทศที่เราอาศัย ประเทศที่ลูกเราเรียน ประเทศที่เราประกอบอาชีพ ใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบัน ชีวิตผมอยู่ที่นี่และระยะยาวก็คงอยู่ที่นี่เพราะตอนนี้ก็ลูกสองแล้ว ผมคิดมานานว่าควรจะมีอัลบั้มภาษาไทย สำหรับเรามันไม่ได้ปิดประตูการทำอัลบั้มภาษาไทยอะไรทั้งสิ้น มันไม่มีข้อเสีย แต่มันใช้เวลานานกว่าจะหาโทนดนตรีที่เหมาะ เพราะว่าการแต่งเพลงภาษาไทยภาษาอังกฤษมันไม่เหมือนกัน

สำหรับคุณ การทำเพลงไทยมีข้อจำกัดอะไรที่แตกต่าง

ไม่มีข้อจำกัด แค่ไม่เหมือนกัน คนฟังบริโภคไม่เหมือนกัน เพราะว่าเพลงสากลเค้าเน้นดนตรี เนื้อร้องแทบจะเป็นอะไรก็ได้ ไม่ต้องรู้เรื่องก็ได้ ไม่ต้องสอดคล้อง ไม่ต้องสัมผัสนอกสัมผัสใน อะไรก็ได้ จะพูดคำเดียวซ้ำไปทั้งเพลงก็ยังได้ แต่ในภาษาไทย กับคนไทย เพลงต้องรู้เรื่อง เรื่องมันต้องจบ ต้องเข้าใจว่าเพลงนี้เกี่ยวกับอะไร ด้วยภาษาและสังคมที่ไม่ค่อย abstract เรายังไม่ได้อยู่ในยุคโพสต์โมเดิร์น ปรัชญาโพสต์โมเดิร์นมันไม่มีที่อาศัยในสังคมไทย ในเพลงไทย อาจจะมีบ้างในบางกลุ่มที่ทำกัน แต่ว่าที่มาของผมค่อนข้างอนุรักษ์นิยม ผมเคยอยู่วงสิบล้อมา ผมเป็นสาวกคาราบาว ผมเลยทำงานอยู่ในโหมดของการเล่าเรื่อง

มีเรื่องอะไรที่พอเป็นเพลงภาษาไทยมันเล่าไม่ได้บ้างไหม

มันเล่าได้หมด ถ้าไล่ดูเพลงคาราบาวดีๆ ผมยังไม่รู้เลยว่าเขาไม่เคยแต่งเรื่องอะไรบ้าง เขาแต่งทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร เรื่องการเมือง เรื่องประวัติศาสตร์ เรื่องสถานที่ เพียงแต่มันพูดเรื่องที่ abstract ไม่ได้ แต่งเรื่องอะไรก็ได้แต่ต้องรู้เรื่อง ห้ามเป็นแค่การโยนคำเข้าไป ภาษาไทยไม่อำนวยให้มีวาจาแบบนั้น ไม่มีประโยชน์ที่จะทำนอกจากจะเป็นคอนเซปต์ล้วนๆ
เลิกคิดเรื่องพาณิชย์ไปได้เลย ซึ่งผมทำอย่างนั้นไม่ได้

ทำไมตั้งชื่ออัลบั้มด้วยคำว่า ดำสนิท

ชื่ออัลบั้มเป็นที่เดียวที่สามารถกล่าวอะไรที่ abstract ได้ และเราชอบคำว่า ‘ดำสนิท’ เพราะว่าในเมืองไทย หรือในภาษาอังกฤษเองก็ตามจะมีเรื่องที่ว่า ขาวดี ดำไม่ดี ซึ่งผมมีปัญหากับความคิดนี้มาก เพราะว่ามันไม่จริง ขาวไม่ได้ดี ดำไม่ได้เลว มันไม่ได้อะไรเลย แค่เป็นความจริงของมัน สีดำก็คือสีดำ ไม่ได้มีคุณค่ามากกว่าหรือน้อยกว่า

บางทีผมรู้สึกว่าความมืดมีความปราณียิ่งเราอายุมากขึ้น คนเราถ้าอยู่ในที่มืดๆ มักจะหน้าตาดีกว่าตอนอยู่ที่สว่างๆ (หัวเราะ) แล้วผมรู้สึกว่าความดำหรือความมืด มันอบอุ่น ไม่ได้น่ากลัว ในความมืดเป็นช่วงเวลาสำหรับความใกล้ชิด หรือพวกสัตว์ต่างๆ ที่ใช้ชีวิตอยู่ตอนกลางคืนมันไม่ได้เป็นปีศาจ มันแค่เป็นเวรกลางคืน อย่างนักดนตรี เด็กเสิร์ฟ คนขับแท็กซี่ เราเคยพูดถึงสิ่งนี้ในเพลง Nightshift ว่า เวรกลางคืนไม่ได้เป็นคนร้ายช่วงความมืดเป็นแค่ความมืดเฉยๆ ไม่ได้บ่งบอกถึงคุณค่าความดีเลวอะไรทั้งสิ้น แม้กระทั่งเรื่องสีผิว คุณกำลังจะบอกผมว่าคนที่ผิวดำด้อยกว่าคนที่ผิวขาว มันเป็นปัญหา มองโลกอย่างนั้นไม่ได้ มันไม่จริง มันเป็นแค่สี และสีดำเป็นสีที่ผมชอบก็เลยตั้งชื่อว่าดำสนิท

เพราะอะไรคุณจึงเคยบอกว่าเวลาอยู่บนเวที ดนตรีคล้ายเยียยาคนป่วยอย่างคุณให้กลับเป็นคนปกติ

ตอนที่เราอยู่ตรงนั้นเป็นช่วงเวลาที่เรารู้สึกสมบูรณ์ ในฐานะมนุษย์ ชีวิตประจำวันที่เหลือเราไม่สมบูรณ์ มนุษย์คนหนึ่งมีจุดบกพร่องเยอะแยะและผมเชื่อว่าทุกคนมี ไม่ใช่ว่าผมเกลียดตัวเองมากกว่าใครแต่ทุกคนไม่มีใครสมบูรณ์หรอกในหน้าที่ต่างๆ ในหมวกต่างๆ ที่เราสวมว่าเราเป็นคนนี้ เราเป็นนักข่าวที่ดีที่สุดในประเทศมั้ย เราเป็นนักเขียนที่ดีที่สุดมั้ย ก็ไม่ เราถือว่าสอบตกหลายๆ ประการ ในฐานะมนุษย์ถ้าไม่คิดแบบนี้ก็คือเหลิงแล้วล่ะ

เรากำลังทรุดโทรมลงทุกวัน มีหลายเรื่องที่ไม่ได้น่าเศร้า แต่เรียกว่าพัง ชำรุด และยิ่งพังขึ้นทุกวัน เพราะฉะนั้นบนเวทีเป็นช่วงเวลาที่ทุกอย่างหยุด มันอยู่ในการควบคุมของเราจริงๆ คนดูเค้าให้เวลาเราชั่วโมงนั้น แล้วเรารู้ว่าเราทำได้ ตอนอยู่บนเวทีผมอยู่กับปัจจุบัน อยู่กับสิ่งที่กำลังทำ ไม่ได้คิดเรื่องอื่น เลยไม่บกพร่อง

เหมือนคุณมองเห็นความชำรุดของมนุษย์เป็นสิ่งปกติสามัญ

ใช่ เหมือนที่สีดำเป็นสิ่งปกติ มันเรื่องเดียวกันหมด ความไม่สมบูรณ์เป็นเรื่องปกติ ความสมบูรณ์มันอุดมคติ ห่างไกลความจริงมาก แล้วบางทีอันตรายด้วยหากมีอะไรที่ดูดีไปหมด หรือมีใครที่ดูบริสุทธิ์และดีไปหมด อันนั้นอันตราย เพราะว่ามันอาจจะไม่จริง

ชีวิตคุณไม่ได้วิ่งหาความสมบูรณ์แบบหรือชีวิตในอุดมคติบ้างเลยหรือ

บางคนอาจจะเป็นอย่างนั้น การแสวงหาความสมบูรณ์แบบอาจจะนำไปสู่ผลงานที่ดีก็ได้ ไม่ใช่ว่าเขาผิด ผมแค่มองอย่างนั้นไม่เป็น เราแค่วิ่งหาสิ่งที่เราชอบ สิ่งที่เราคิดว่าสวยงาม แต่ไม่ได้แปลว่ามันสมบูรณ์ เพราะไม่มีใครสมบูรณ์ ไม่มีอะไรสมบูรณ์ ธรรมชาติยังไม่สมบูรณ์เลย ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนแปลง ไม่กำลังพังก็กำลังงอก กำลังยืด กำลังโต

ถ้ามนุษย์เราล้วนไม่สมบูรณ์ เราต่างชำรุด บกพร่อง วิธีเยียวยาของคุณคืออะไร

ไม่เยียวยา ไม่จำเป็นต้องเยียวยา ถ้ามันเป็นอะไรที่ผิดปกติก็ต้องรักษา แต่มันปกติเลยไม่ต้องรักษา ไม่ได้เป็นเรื่องแย่หรือเรื่องเศร้า โอเค บางทีมันก็เศร้า แต่ว่าจริงๆ แล้วโดยรวมมันเป็นเรื่องที่สวยงามเสียส่วนใหญ่ เลยไม่ต้องเยียวยา เพราะว่าเราเยียวยาชีวิตปกติไม่ได้ จะรักษาให้หายไม่ได้ เพราะมันไม่หาย มีแต่หนักขึ้น ไม่ว่าเราทำอะไรก็ตาม

ฟังดูทั้งมีความหวังและหดหู่ไปพร้อมๆ กันเลยนะ

ใช่ ความจริงมักจะเป็นอย่างนี้ นี่เป็นเรื่องที่ผมมักจะขัดแย้งกับความคิดที่คนเขาพูดกันหรือสิ่งที่คนเขานับถือเทิดทูน เพราะว่าชีวิตมันเป็นทั้งสองอย่าง มันทั้งเยี่ยมและแย่ เยี่ยมที่ได้เกิดมาและแย่ที่ต้องเป็นอย่างนี้ ที่ต้องไม่เท่าเทียมกัน ที่ต้องเจ็บปวด ที่ต้องอะไรต่างๆ ซึ่งทุกคนรู้ว่าต้องเจอมันเป็นทั้งสองอย่างพร้อมกัน

อะไรบอกสอนสิ่งเหล่านี้ให้กับคุณ

น่าจะเป็นทุกอย่างที่เจอ ชีวิต หนังสือ หนัง งานศิลปะ คนรอบข้าง การสังเกต คนที่หลากหลาย ถ้าจะพูดอย่างหนึ่งที่ผมได้เปรียบคือในชีวิตผม ผมเจอมาหมดตั้งแต่เจ้ายันโจร แล้วผมก็เห็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนล้วนคล้ายกัน สิ่งที่ต่างกันมันผิวเผินมาก

ความคล้ายกันหรือจุดร่วมที่ว่าของมนุษย์คืออะไร

ก็ความเป็นมนุษย์ปกติ อย่างเรื่องง่ายๆ ที่เขาพูดกันว่ากินขี้ปี้นอน แล้วเรื่องละเอียดกว่านั้นก็มี แต่ในที่สุด มันตลกที่คนมาแบ่งชนชั้นแบ่งอะไรกัน ทั้งที่ขี้เหม็นทุกคน

ความปัจเจกมันก็มี ความแตกต่างและความเหมือนมันอาศัยอยู่พร้อมกันได้ จริงๆ ความไม่เหมือนเป็นภายนอกมากกว่า เรื่องสภาวะ แรงกดดัน สภาพแวดล้อม อันนี้แตกต่างกันเยอะมาก ซึ่งจะมีผลนำไปสู่ความแตกต่างภายใน แต่ด้วยสรีระ ร่างกาย วิวัฒนาการ ในฐานะสัตว์คล้ายๆ กัน ความต้องการคล้ายๆ กัน ทุกคนต้องการความรัก ความอบอุ่น ทุกคนต้องการไม่หนาวไม่ร้อนไม่หิว ไม่มีใครอยากป่วย มีลูกแล้วก็เป็นห่วง นี่คือเรื่องใหญ่ๆ โดยรวมแล้วคนส่วนมากปฏิกิริยาจะคล้ายๆ กันในแต่ละเหตุการณ์มากกว่าแตกต่าง

10 เพลงในอัลบั้มมันทำหน้าที่บันทึกอะไรใน พ.ศ. นี้

มีเพลง ดำสนิท ซึ่งรวมมุมมองของผมในวัยนี้กับชีวิตกับสังคมหลายๆ อย่าง ส่วนเพลงอื่นๆ บางเพลงก็เกี่ยวกับเรื่องที่แคบมากอย่างเช่นเพลงอย่ามาให้เห็น ซึ่งเกี่ยวกับความตื่นเต้นและหวาดกลัวที่เกิดขึ้น เมื่อเราอยู่ในเหตุการณ์ที่มีผู้หญิงที่ทั้งเก่ง มั่นใจ และหน้าตาดี มาอยู่ใกล้ๆ ในเพลงก็บอกว่ามันจะดีกว่าถ้าไม่เจอเลย เพราะมันต้องมี ผู้หญิงเจ๋งๆ เต็มโลก แต่เราขอไม่เจอ

สำหรับผู้ชายบางคนอาจจะบริหารตัวเองได้เนียนเมื่อเจอแบบนั้น ไม่ให้มันประหลาด รู้จักมีกำแพงว่านี่แค่เพื่อน แต่ผมทำไม่ได้ หรือผมทำแล้วจะอึดอัด จะคิดว่าแล้วเมียจะคิดอะไรมั้ย
ผมเป็นคนไม่อยากมีความลับอะไรทั้งสิ้น ซึ่งเมื่อก่อนผมชอบมาก การมีความลับ การมีอะไรที่ตื่นเต้นล่อแหลมแบบนั้น แต่ตอนนี้ผมไม่ชอบ มันเลยเหมือนเป็นการตัดปัญหาแบบโง่ๆ ในเวลาเดียวกันมันก็เกี่ยวกับความจงรักภักดีนั่นแหละ ทั้งๆ ที่รู้ถึงความอ่อนแอของตัวเองที่เป็นคนหลงใหลในเสน่ห์คนได้ง่ายมาก

ในเอ็มวีมีผ้าผูกตาสีดำไม่ให้คุณหลงเสน่ห์สาวๆ แต่ในชีวิตจริงไม่มีผ้าผืนนั้น แล้วคุณผ่านสิ่งเย้ายวนใจมาได้ยังไง เพราะอย่างที่เห็น หลายคนก็ผ่านมันไม่ได้

คนที่ผ่านไม่ได้หลักๆ คือเขาไม่อยากผ่าน เขาไม่อยากหักห้ามตัวเอง เขาอยากเสพ เขาอยากชิม เขาอยากลอง แล้วลึกๆ เขาพร้อมที่จะเสียสิ่งที่เขามีเพื่อสิ่งนั้น ไม่อย่างนั้นเขาไม่ทำหรอก
มันไม่ใช่ว่าผู้ชายเป็นสัตว์ที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ กว่าที่จะถึงจุดที่เรียกว่าพลาดมันหลีกเลี่ยงง่ายมาก ไม่ใช่ว่าผู้หญิงถวายตัวเองให้ทุกวันทุกคืน มันต้องแสวงหานะ ต้องไปร้านที่เขาไปกัน ต้องเล็งคนที่ดูพร้อมรบ คนที่เราชอบ ต้องหาสถานที่ เพราะเราไม่รู้ว่าเขาอยู่กับที่บ้านหรืออยู่กับใคร แล้วเขาจะเก็บไว้เป็นความลับมั้ย คือมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คนคิด มันยากมากที่อยู่ๆ จะมีคนโผล่เข้ามาบนเตียงเฉยๆ

เคยตกอยู่ในถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงมากๆ บ้างมั้ย

ไม่เลย ไม่คุ้ม พอคุณอยู่ในวงการบันเทิงยุคอินเทอร์เน็ต จบแล้วความลับ ความส่วนตัวไม่มีแล้ว ในยุคนี้ใครคิดจะทำอะไรต้องพร้อมที่จะให้คนทั้งโลกรู้สักวันหนึ่ง มันเลยง่ายที่จะบริหารตรงนี้ ไม่ได้เป็นเรื่องยากที่ผมไปนั่งลงแดงอยู่ที่บ้านว่าทำไมต้องเก็บอาการ

อย่างเพื่อนผมคนนึง ความเจ้าชู้คือเค้าเลย มันเป็นเสน่ห์เป็นทุกอณูของเค้า แล้วผู้หญิงก็ชอบเค้าตรงนี้ ที่เค้าเป็นคนมีเสน่ห์ มีคารม คุยสนุก นั่นคือเค้า แต่ผมเป็นคนหวงของผม และในเวลาเดียวกันผมก็แฟร์ไง แก่ตัวไปผมอาจจะเปลี่ยนก็ได้ แต่คงไม่ เราไม่ได้ถูกเลี้ยงมาอย่างนั้น ผู้หญิงในครอบครัวผมเยอะ แล้วผู้หญิงรอบข้างผมทรงพลัง ทั้งแม่ ทั้งพี่สาว ทั้งเพื่อนร่วมงาน ผมเลยไม่เคยมองผู้หญิงเป็นเหมือนเหล้าแก้วนึง บุหรี่มวนนึง หรือเป็นอะไรที่ไว้หยิบเสพอย่างนั้น

ฟังดูคุณเป็นผู้ชายในฝันของผู้หญิงเลยนะ

ถ้าเรื่องนี้ กรณีนี้ มันเป็นเรื่องสำคัญก็อาจจะจริง แต่เขาก็ต้องมารับมือกับหลายๆ อย่างที่เป็นผม ผมไม่ได้ไปรับไปส่ง ผมไม่ได้ทำหลายๆ อย่างที่ผู้หญิงต้องการ แต่ประเด็นนี้ผมกับภรรยาก็หมดอายุความไปแล้ว (หัวเราะ)

ในคลิปสกู๊ปเพลง อย่ามาให้เห็น คุณบอกว่าพยายามทำเพลงที่คุณร้องได้เต็มปาก
แล้วเพลงแบบไหนที่คุณร้องไม่เต็มปาก

เพลงรักใหม่ เพลงอกหัก หรือเพลงอะไรที่แต่งขึ้นมาใหม่ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้ใช้ชีวิตแบบนั้น มันมีศิลปินหลายคนที่ผมเห็นว่าเขาร้องเพลงนั้น แต่ในชีวิตจริงเขาไม่ได้เป็นอย่างนั้น มันดูไม่จริงใจ แต่เพลงก็ดังได้นะ เพลงก็ทำงานของมัน แต่ส่วนตัวผมรู้สึกว่ามันปลอม ถ้าจะร้องเพลงแบบนั้น

คุณไม่สามารถทำตัวเป็นนักแสดงที่สวมบทบาทนั้นๆ ได้เหรอ

ในเวลานี้ทำไม่ได้ วันนึงผมอาจจะกลับลำก็ได้ แต่ว่าตอนนี้ผมไม่สนเรื่องแบบนั้น คือผมสามารถเล่าเรื่องที่ผมไม่เคยประสบ ไม่เคยเจอก็ได้ ผมมีเพลงหนึ่งที่เกี่ยวกับคนที่ขี่ม้า
เรื่องการขี่ม้า ขึ้นบนหลังม้า ตกจากม้า มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องชีวิตผม แต่สิ่งที่ผมพยายามจะสื่อสารมันอยู่ในนั้น แต่ถ้าจะให้ร้องเพลงแบ๊วๆ เหมือนรักใหม่ เหมือนเด็กอายุ 14 มันไม่ใช่ เราไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้น

แล้วชีวิตรักของคนที่อยู่กลางทางอย่างคุณเป็นอย่างไร สดใสแค่ไหน

จริงๆ ตอนนี้มันใสกว่าตอนแรกๆ ด้วยซ้ำ เพราะว่ามันไม่มีอะไรปิดบัง ไม่มีความลับ ค่อนข้างเปิดเผย ในสังคมไทยมันแปลก เราเป็นสังคมที่แรดพอสมควรแต่ชอบเรียกตัวเองว่าเรียบร้อย เลยเป็นเรื่องยากสำหรับผู้หญิงในเรื่องนี้ที่จะต้องเป็นเรื่องลับๆ ต้องไม่บอกพ่อแม่ ยิ่งถ้าอยู่ในวงการบันเทิงมันละเอียดอ่อนมากเลย มีช่วงหลังๆ ที่รู้สึกว่าเริ่มเสรีขึ้นนิดนึง

เอาเข้าจริงทุกวันนี้คุณแตกฉานในความรัก ความสัมพันธ์ หรือยัง

ไม่ได้เข้าใจเรื่องความสัมพันธ์ ผมแค่เข้าใจและยอมรับกติกาว่า ถ้าเรานอกใจได้เขาก็นอกใจได้ แล้วเราพอใจมั้ยที่เขานอกใจ ไม่ได้เกี่ยวกับความดีเลยนะ มันเกี่ยวกับสิ่งที่เราอยากได้ ผมเห็นแก่ตัว ผมเห็นแก่ชีวิตที่ผมอยากมี ผมอยากมีชีวิตที่เมียไม่นอกใจ
แล้วทางหนึ่งที่จะการันตีสิ่งนั้นได้ก็คือไม่นอกใจเอง มันไม่ได้เป็นการเข้าใจอะไรที่ลึกซึ้งเลย มันคือการเอาตัวรอด ผมอยากให้บ้านแตกมั้ย ไม่ มันไม่คุ้มที่จะเอาชีวิตสิบปีโยนทิ้งไปเพื่อความเสียวห้านาที สิบนาที สิบห้านาที หรือครึ่งชั่วโมงอย่างอึด

คุณเป็นคนระวังตัวในการให้สัมภาษณ์สื่อไหม

ไม่ ผมควรจะระวังตัวกว่านี้ ระวังตัวในแง่ว่าจะไม่สัมภาษณ์บ่อย เพราะไม่รู้สึกว่ามันจำเป็น
แต่ถ้ามีงาน โดยเฉพาะถ้ามีคนอื่นลงทุนในงานเรา เช่นค่ายเพลง ในงานแสดงสดหรือหนัง ก็เข้าใจว่ามันเป็นสิ่งจำเป็น แต่ผมไม่ได้อยู่ในช่วงที่ต้องการจะแสดงความคิดเห็นให้ใครรู้เท่าไหร่ มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญในการคุยระหว่างคนสัมภาษณ์กับผม ซึ่งอาจจะมีอะไรออกมา แต่มันเป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นจากคำถามที่เค้าตั้งมา บางทีคนอาจจะคิดว่าเรากำลังยัดเยียดมุมมองอะไรบางอย่างซึ่งไม่ใช่ เราแค่ตอบคำถามตามตรง

ล่าสุดเพิ่งเห็นคลิปที่คุณไปตกอยู่ในวงล้อมนักข่าวบันเทิงซึ่งคนแชร์มากมายในโลกโซเชียลฯ

ใช่ วันนั้นไปซ้อมที่บ้านน้าหงา ในเมื่อกำลังจะมีคอนเสิร์ตน้าหงาก็ต้องช่วย ต้องให้สัมภาษณ์อยู่แล้ว แล้วเค้าก็แค่ถามเรื่องอื่นๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวกับงาน มันคงหยาบคายที่จะไม่ตอบ และในเมื่อเราไม่มีอะไรปิดบังก็ตอบตามที่รู้สึก

คุณยืนตอบด้วยความรู้สึกแบบไหน อึดอัดไหม

ไม่อึดอัด มันรำคาญมากกว่า แล้วลึกๆ ในใจผมไม่เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการรู้เรื่องพวกนี้ และรู้ไปแล้วผมคิดว่ามันคงเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ เพราะว่าชีวิตส่วนตัวของผมน่าเบื่อ

ใช้คำว่าน่าเบื่อเลยเหรอ

มันไม่สนุกถ้าเทียบกับข่าวที่ควรจะอยู่ในแวดวงบันเทิงหรือข่าวซุบซิบ ใครเค้าอยากรู้เรื่องคนที่แต่งงานมีลูกสองคนแล้วไม่มีปัญหากัน มันไม่น่าสนใจ มันจะน่าสนใจกว่าถ้าผู้ชายมีเมียน้อย ตบตีกัน มีความรุนแรง มันดูน่าตื่นเต้นกว่า ผมเลยไม่เข้าใจ มันไม่ใช่เรื่องสำหรับคนอื่นที่ต้องมารู้ เป็นเรื่องระหว่างคนสองคน อีกอย่าง เรื่องของเราก็ไม่ได้แปลก พิเศษ หรือประหลาดไปกว่าชีวิตไม่รู้กี่ชีวิตที่เขาคบกันอยู่กันอย่างดีแล้วไม่มีใครพูดถึง อย่างที่ผมบอก มันน่าเบื่อ ชีวิตคู่ที่มีความสุขมันไม่มีอะไรให้เล่า มันเป็นอย่างที่มันเป็นทุกวัน

คุณเป็นคนมีเพื่อนเยอะมั้ย

ตอนนี้คงไม่แล้วล่ะ

แล้วมีคนสำคัญในชีวิตเยอะมั้ย

ผมไม่รู้ว่าเยอะคือกี่คน ของผมเกินสิบแต่คงไม่ถึงร้อย

ตัวตนของคุณเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นกับเวลาอยู่ต่อหน้าลูกแตกต่างกันแค่ไหน

ตอนนี้ไม่ค่อยแตกต่าง เมื่อก่อนสัมภาษณ์ก็จะเป็นอย่างหนึ่ง อยู่กับเพื่อนวงสิบล้อแนวเพื่อชีวิตก็จะเป็นอย่างหนึ่ง กับแฟนเพลงต่างจังหวัดก็จะเป็นอย่างหนึ่ง อยู่กับกลุ่มเด็กนอกก็จะเป็นอย่างหนึ่ง ไปทองหล่อก็เป็นอย่างหนึ่ง ไปงานแต่งก็เป็นอย่างหนึ่ง อยู่กับพ่อก็เป็นอย่างหนึ่ง อยู่กับแม่ก็เป็นอย่างหนึ่ง ตอนนี้ไม่แคร์แล้ว ถ้ารู้สึกว่าทำไมมึงไม่ออกมานู่นนี่นั่น ไม่เป็นไร ยินดีสละคนรอบข้าง เพราะว่ามันเยอะอยู่เล้ว แค่ครอบครัวผม ครอบครัวภรรยา และเพื่อนๆ คนที่ผมต้องพบเจอ บริการรับใช้มีเหลือเฟือ เพราะฉะนั้นใครที่เลิกโทรหาผม ผมไม่สังเกตเลย ไม่รู้สึก

รู้มาว่าคุณสอนลูกหลายอย่าง แล้วลูกสอนอะไรคุณบ้าง

สอนให้ใจเย็นมากกว่าอะไร เพราะจริงๆ ผมเป็นคนใจร้อน สอนให้เลิกคิดถึงตำแหน่งหรือบทบาทของตัวเองในอะไรก็ตาม เราอาจจะมองตัวเองเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ลูกรู้ว่าจริงๆ เราเป็นยังไงเหมือนเขาสอนถึงความไม่สำคัญของรูปปั้นที่เราสร้างขึ้นมา ที่เราจินตนาการว่าเราเป็นใคร ทุกคนมีไอเดียในหัวตอนที่แต่งตัว มองหน้าตัวเองในกระจกตอนเช้าว่ากูเป็นคนนี้ กูเป็นนักข่าว กูเป็นคนนิ่ง กูเป็นคนเข้ม กูแมน กูเก่งตรงนี้ แต่อยู่กับลูกคุณแทบจะโยนทิ้งได้เลย

ลูกละลายสิ่งเหล่านั้นไปหมดเลยเหรอ

เพราะว่ามันไม่สำคัญไง

มีพัฒนาการไหนของลูกคุณที่ทำให้ผู้ชายอย่างคุณรู้สึกหัวใจพองโตบ้างมั้ย

ไม่รู้ ผมมองไม่เห็น เพราะผมอยู่กับเขาทุกวัน ไม่ได้สังเกตอะไรมากว่าวันนี้เขามีพัฒนาการอะไร และเขายังเด็กมาก เขาอาจจะพูดอะไรบ้าง แต่มันก็คล้ายๆ เรื่องความรักระหว่างคนสองคน คือมันไม่ได้น่าสนใจสำหรับใคร มันเป็นเรื่องขำๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตครอบครัวของคนเราทุกวัน แล้วทุกครอบครัวก็มี มันทั้งเต็มไปด้วยความหมายและก็ไร้ความหมายในเวลาเดียวกัน ผมไม่ได้เก็บเอามาเล่า ผมจะมีประสบการณ์กับมันต่อเมื่อมันเกิดขึ้น แล้วมันก็ผ่านไป

ภาพ นวลตา วงศ์เจริญ

AUTHOR