Onthe_Paper นักวาดที่เปลี่ยนความคลั่งไคล้ในมังงะ ให้เป็นงานที่ว่าด้วยผู้หญิงและความหลอน

ทั้งสวยทั้งหลอน น่าจะเป็นคำจำกัดความรู้สึกเมื่อเราได้เห็นผลงานของ Onthe_Paper หรือ บิว–ณัฐชยา ชาวน้ำอ้อม ได้เหมาะสมที่สุด

ด้วยเอกลักษณ์ผลงานที่ประกอบด้วยผู้หญิง สายตาของตัวละคร และความเหนือจริงที่ถ่ายทอดผ่านสไตล์การวาดที่มีกลิ่นอายของศิลปะเอเชียแบบดั้งเดิม ทำให้เราจดจำชื่อของนักวาดสาวคนนี้ได้ไม่ยาก แต่ถ้าหากย้อนกลับไปดูผลงานช่วงแรกๆ ของเธอ คุณอาจประหลาดใจ เพราะภาพวาดส่วนใหญ่เป็นแนวการ์ตูนตาหวานราวกับคนละคน

“จุดเปลี่ยนคงเริ่มมาจากความชอบที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลานี่แหละ พอเราได้เติบโต ลองผิดถูกมาเรื่อยๆ ก็ได้รู้ว่าอะไรที่เข้ากับเรามากที่สุด สุดท้ายมันก็ตกผลึกมาเป็นลายเส้นเราในทุกวันนี้” บิวเล่า

ก่อนจะมาเป็นนักเรียนศิลปะอย่างเต็มตัว ในวัยเด็กบิวคือเด็กหญิงที่อ้อนแม่ให้ซื้อการ์ตูนมือสองจากแผงร้านหนังสือเวลาไปเดินตลาดนัดทุกครั้ง จากความชอบนี้เองทำให้เธอฝึกวาดภาพจนเพื่อนที่โรงเรียนชื่นชมผลงาน ผลักดันให้เธอเริ่มจริงจังกับการวาดภาพมากขึ้น

“ตั้งแต่จำความได้เราก็เติบโตโดยมีมังงะญี่ปุ่นอยู่ด้วยแทบทุกช่วงของชีวิต และจากความคลั่งไคล้ในลายเส้นของฝั่งเอเชียนี่แหละที่ค่อนข้างส่งผลกับภาพวาดเราอยู่พอสมควร ผลงานส่วนมากของเราเลยมีกลิ่นอายความเป็นเอเชียซะส่วนใหญ่ แต่เราก็ไม่กล้าบอกว่างานเราดูมีความญี่ปุ่นเท่าไหร่หรอก เรียกว่าเป็นแบบผสมผสานน่าจะดีกว่า”

ส่วนเหตุผลเบื้องหลังที่ส่งผลให้ผลงานของบิวมีเอเลเมนต์ที่สื่อถึงความเหนือจริงชวนหลอน ดูแล้วแอบขนลุกก็มาจากรสนิยมการเสพสื่อของเธอเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะผลงานของ Suehiro Maruo นักวาดการ์ตูนชาวญี่ปุ่นที่เป็นที่รู้จักในกลุ่มศิลปะแนว Ero Guro (งานแนวโป๊เปลือยที่มีความพิสดาร) ที่เธอยกให้เป็นไอดอลคนสำคัญ

onthe_paper

“เราชอบเสพผลงานแนวนี้มาก ก็เลยติดการวาดรูปแนวหลอนๆ มาเลย เราคิดว่างานแนวนี้มันสะท้อนให้เห็นถึงความลึกซึ้งในตัวของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี พอดูๆ ไปมันก็ทั้งสวยงามแต่บางทีก็น่ากลัวในเวลาเดียวกัน

“เรียกว่าเราได้รับอิทธิพลภาพแนวนี้จากผลงานของคุณมารุโอะเลยก็ว่าได้ เราชอบในความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะในงานของเขามาก ทั้งลายเส้น ทั้งการสะท้อนให้เห็นถึงความบิดเบี้ยวลึกๆ ในตัวของมนุษย์ผ่านผลงานออกมาได้อย่างสวยงาม”

แต่นอกเหนือจากเรื่องของสไตล์ที่ชัดเจนแล้ว ไอเดียและคอนเซปต์ที่ซุกซ่อนอยู่ในแต่ละภาพคือสิ่งที่บิวได้แรงบันดาลใจจากการมองสิ่งต่างๆ รอบตัว แล้วจับมาผสมผสานกันจนเกิดเป็นภาพที่นำเสนอความเซอร์เรียลระหว่างมนุษย์กับอะไรบางอย่าง ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจนักเมื่อนักวาดสาวเปิดเผยว่าเธอมักเริ่มต้นสร้างผลงานจากการมีอารมณ์ร่วมก่อนปัจจัยอื่นใด

“มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเค้นออกมาได้ ต้องรอจังหวะและสถานการณ์จริงๆ อาจจะฟังดูเรียบง่ายไปหน่อย แต่เพราะผลงานส่วนใหญ่ของเรามักไม่ได้เกิดจากการวางแผนที่ซับซ้อนเท่าไรนัก หลายภาพเกิดจากการจินตนาการเล่นๆ ในช่วงเวลากับจังหวะที่เหมาะสม แล้วจึงถ่ายทอดภาพในหัวออกมาในรูปแบบของภาพวาดเท่านั้นเอง”

ปัจจุบันบิวกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โดยที่ผ่านมาเธอเคยมีผลงานวาดภาพประกอบให้กับ a day 242 ฉบับ Hair และเพื่อเป็นการทำความรู้จักเธอให้มากขึ้น เราขอพาทุกคนไปชม 5 ผลงานพร้อมคำอธิบายถึงไอเดียการสร้างสรรค์ผลงานทั้งหมดของ Onthe_Paper กัน

Just the Two of Us

onthe_paper

เทคนิค : ดิจิทัล

“เป้าหมายของผลงานนี้คือเราอยากถ่ายทอดความยึดติดในตัวของมนุษย์ โดยสื่อสารออกมาผ่านสายตาของตัวละครทั้งสอง โดยมีดอกฮิกันบานะประกอบอยู่ ซึ่งสีแดงของดอกฮิกันบานะนั้นถึงจะดูยั่วเย้าชวนให้หลงในความสวยงาม แต่มันก็มีความอันตรายแฝงอยู่ลึกๆ เช่นเดียวกัน”

Eavesdropping

onthe_paper

เทคนิค : ดิจิทัล

“นี่คือหนึ่งในผลงานที่เราได้ไอเดียมาจากความคิดชั่ววูบ จู่ๆ เราก็มีความคิดขึ้นมาในหัวว่าบางทีเราอาจกำลังโดนแอบฟังหรือโดนจับตาดูการกระทำโดยที่เราไม่รู้สึกตัวอยู่ก็ได้ ก็เลยวาดภาพดวงตาที่ออกมาจากหู เหมือนกับการแอบสอดส่อง ฟัง หรือจับตาดูการกระทำของเราอยู่”

Harajuku Girl

onthe_paper

เทคนิค : ดิจิทัล

“ภาพนี้ไม่ได้มีคอนเซปต์อะไรเป็นพิเศษ เราแค่ชอบเสพแฟชั่นการแต่งตัวแนวเดคอร่าที่เน้นความฉูดฉาด ด้วยเอกลักษณ์และความฉูดฉาดของแฟชั่นสไตล์นี้นี่แหละที่ทำให้เราคิดว่าถ้าได้ลองวาดออกมาคงน่าจะสนุกดี”

Eyes

เทคนิค : ดิจิทัล

“ภาพนี้เกิดขึ้นได้เพราะเราอยากลองเล่นกับสายตาของมนุษย์และสัตว์ดู แม้ภาพนี้จะไม่ได้มีคอนเซปต์ที่พิเศษเช่นเดียวกัน แต่ก็เป็นอีกหนึ่งในภาพที่เราชอบ เพราะนอกจากการเล่นกับสายตา เราก็เล่นกับสีด้วย โดยเรากำหนดให้สีบนใบหน้าของผู้หญิงในภาพมีความคล้ายคลึงกับตัวของนกกระยางมากที่สุด”

Mirror

onthe_paper

เทคนิค : ดิจิทัล

“อาจจะตรงตัวและเรียบง่ายไปหน่อย แต่แรงบันดาลใจของภาพนี้เป็นตอนที่เรากำลังมองตัวเองผ่านกระจกในห้องน้ำอยู่ เท่าที่จำได้คิดว่าเราจ้องอยู่นานพอสมควรเลย ซึ่งพอจ้องนานๆ เข้าในหัวเราก็เริ่มมีความคิดอยากวาดภาพนี้ออกมา”

ด้วยเอกลักษณ์ผลงานที่ประกอบด้วยผู้หญิง สายตาของตัวละคร และความเหนือจริงที่ถ่ายทอดผ่านสไตล์การวาดที่มีกลิ่นอายของศิลปะเอเชียแบบดั้งเดิม ทำให้เราจดจำชื่อของนักวาดสาวคนนี้ได้ไม่ยาก แต่ถ้าหากย้อนกลับไปดูผลงานช่วงแรกๆ ของเธอ คุณอาจประหลาดใจ เพราะภาพวาดส่วนใหญ่เป็นแนวการ์ตูนตาหวานราวกับคนละคน
“จุดเปลี่ยนคงเริ่มมาจากความชอบที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลานี่แหละ พอเราได้เติบโต ลองผิดถูกมาเรื่อยๆ ก็ได้รู้ว่าอะไรที่เข้ากับเรามากที่สุด สุดท้ายมันก็ตกผลึกมาเป็นลายเส้นเราในทุกวันนี้” บิวเล่า
ก่อนจะมาเป็นนักเรียนศิลปะอย่างเต็มตัว ในวัยเด็กบิวคือเด็กหญิงที่อ้อนแม่ให้ซื้อการ์ตูนมือสองจากแผงร้านหนังสือเวลาไปเดินตลาดนัดทุกครั้ง จากความชอบนี้เองทำให้เธอฝึกวาดภาพจนเพื่อนที่โรงเรียนชื่นชมผลงาน ผลักดันให้เธอเริ่มจริงจังกับการวาดภาพมากขึ้น
“ตั้งแต่จำความได้เราก็เติบโตโดยมีมังงะญี่ปุ่นอยู่ด้วยแทบทุกช่วงของชีวิต และจากความคลั่งไคล้ในลายเส้นของฝั่งเอเชียนี่แหละที่ค่อนข้างส่งผลกับภาพวาดเราอยู่พอสมควร ผลงานส่วนมากของเราเลยมีกลิ่นอายความเป็นเอเชียซะส่วนใหญ่ แต่เราก็ไม่กล้าบอกว่างานเราดูมีความญี่ปุ่นเท่าไหร่หรอก เรียกว่าเป็นแบบผสมผสานน่าจะดีกว่า”
“เรียกว่าเราได้รับอิทธิพลภาพแนวนี้จากผลงานของคุณมารุโอะเลยก็ว่าได้ เราชอบในความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะในงานของเขามาก ทั้งลายเส้น ทั้งการสะท้อนให้เห็นถึงความบิดเบี้ยวลึกๆ ในตัวของมนุษย์ผ่านผลงานออกมาได้อย่างสวยงาม”
แต่นอกเหนือจากเรื่องของสไตล์ที่ชัดเจนแล้ว ไอเดียและคอนเซปต์ที่ซุกซ่อนอยู่ในแต่ละภาพคือสิ่งที่บิวได้แรงบันดาลใจจากการมองสิ่งต่างๆ รอบตัว แล้วจับมาผสมผสานกันจนเกิดเป็นภาพที่นำเสนอความเซอร์เรียลระหว่างมนุษย์กับอะไรบางอย่าง ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจนักเมื่อนักวาดสาวเปิดเผยว่าเธอมักเริ่มต้นสร้างผลงานจากการมีอารมณ์ร่วมก่อนปัจจัยอื่นใด
“มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเค้นออกมาได้ ต้องรอจังหวะและสถานการณ์จริงๆ อาจจะฟังดูเรียบง่ายไปหน่อย แต่เพราะผลงานส่วนใหญ่ของเรามักไม่ได้เกิดจากการวางแผนที่ซับซ้อนเท่าไรนัก หลายภาพเกิดจากการจินตนาการเล่นๆ ในช่วงเวลากับจังหวะที่เหมาะสม แล้วจึงถ่ายทอดภาพในหัวออกมาในรูปแบบของภาพวาดเท่านั้นเอง”
ด้วยเอกลักษณ์ผลงานที่ประกอบด้วยผู้หญิง สายตาของตัวละคร และความเหนือจริงที่ถ่ายทอดผ่านสไตล์การวาดที่มีกลิ่นอายของศิลปะเอเชียแบบดั้งเดิม ทำให้เราจดจำชื่อของนักวาดสาวคนนี้ได้ไม่ยาก แต่ถ้าหากย้อนกลับไปดูผลงานช่วงแรกๆ ของเธอ คุณอาจประหลาดใจ เพราะภาพวาดส่วนใหญ่เป็นแนวการ์ตูนตาหวานราวกับคนละคน
“จุดเปลี่ยนคงเริ่มมาจากความชอบที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลานี่แหละ พอเราได้เติบโต ลองผิดถูกมาเรื่อยๆ ก็ได้รู้ว่าอะไรที่เข้ากับเรามากที่สุด สุดท้ายมันก็ตกผลึกมาเป็นลายเส้นเราในทุกวันนี้” บิวเล่า
ก่อนจะมาเป็นนักเรียนศิลปะอย่างเต็มตัว ในวัยเด็กบิวคือเด็กหญิงที่อ้อนแม่ให้ซื้อการ์ตูนมือสองจากแผงร้านหนังสือเวลาไปเดินตลาดนัดทุกครั้ง จากความชอบนี้เองทำให้เธอฝึกวาดภาพจนเพื่อนที่โรงเรียนชื่นชมผลงาน ผลักดันให้เธอเริ่มจริงจังกับการวาดภาพมากขึ้น
“ตั้งแต่จำความได้เราก็เติบโตโดยมีมังงะญี่ปุ่นอยู่ด้วยแทบทุกช่วงของชีวิต และจากความคลั่งไคล้ในลายเส้นของฝั่งเอเชียนี่แหละที่ค่อนข้างส่งผลกับภาพวาดเราอยู่พอสมควร ผลงานส่วนมากของเราเลยมีกลิ่นอายความเป็นเอเชียซะส่วนใหญ่ แต่เราก็ไม่กล้าบอกว่างานเราดูมีความญี่ปุ่นเท่าไหร่หรอก เรียกว่าเป็นแบบผสมผสานน่าจะดีกว่า”
“เรียกว่าเราได้รับอิทธิพลภาพแนวนี้จากผลงานของคุณมารุโอะเลยก็ว่าได้ เราชอบในความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะในงานของเขามาก ทั้งลายเส้น ทั้งการสะท้อนให้เห็นถึงความบิดเบี้ยวลึกๆ ในตัวของมนุษย์ผ่านผลงานออกมาได้อย่างสวยงาม”
แต่นอกเหนือจากเรื่องของสไตล์ที่ชัดเจนแล้ว ไอเดียและคอนเซปต์ที่ซุกซ่อนอยู่ในแต่ละภาพคือสิ่งที่บิวได้แรงบันดาลใจจากการมองสิ่งต่างๆ รอบตัว แล้วจับมาผสมผสานกันจนเกิดเป็นภาพที่นำเสนอความเซอร์เรียลระหว่างมนุษย์กับอะไรบางอย่าง ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจนักเมื่อนักวาดสาวเปิดเผยว่าเธอมักเริ่มต้นสร้างผลงานจากการมีอารมณ์ร่วมก่อนปัจจัยอื่นใด
“มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเค้นออกมาได้ ต้องรอจังหวะและสถานการณ์จริงๆ อาจจะฟังดูเรียบง่ายไปหน่อย แต่เพราะผลงานส่วนใหญ่ของเรามักไม่ได้เกิดจากการวางแผนที่ซับซ้อนเท่าไรนัก หลายภาพเกิดจากการจินตนาการเล่นๆ ในช่วงเวลากับจังหวะที่เหมาะสม แล้วจึงถ่ายทอดภาพในหัวออกมาในรูปแบบของภาพวาดเท่านั้นเอง”
ด้วยเอกลักษณ์ผลงานที่ประกอบด้วยผู้หญิง สายตาของตัวละคร และความเหนือจริงที่ถ่ายทอดผ่านสไตล์การวาดที่มีกลิ่นอายของศิลปะเอเชียแบบดั้งเดิม ทำให้เราจดจำชื่อของนักวาดสาวคนนี้ได้ไม่ยาก แต่ถ้าหากย้อนกลับไปดูผลงานช่วงแรกๆ ของเธอ คุณอาจประหลาดใจ เพราะภาพวาดส่วนใหญ่เป็นแนวการ์ตูนตาหวานราวกับคนละคน
“จุดเปลี่ยนคงเริ่มมาจากความชอบที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลานี่แหละ พอเราได้เติบโต ลองผิดถูกมาเรื่อยๆ ก็ได้รู้ว่าอะไรที่เข้ากับเรามากที่สุด สุดท้ายมันก็ตกผลึกมาเป็นลายเส้นเราในทุกวันนี้” บิวเล่า
ก่อนจะมาเป็นนักเรียนศิลปะอย่างเต็มตัว ในวัยเด็กบิวคือเด็กหญิงที่อ้อนแม่ให้ซื้อการ์ตูนมือสองจากแผงร้านหนังสือเวลาไปเดินตลาดนัดทุกครั้ง จากความชอบนี้เองทำให้เธอฝึกวาดภาพจนเพื่อนที่โรงเรียนชื่นชมผลงาน ผลักดันให้เธอเริ่มจริงจังกับการวาดภาพมากขึ้น
“ตั้งแต่จำความได้เราก็เติบโตโดยมีมังงะญี่ปุ่นอยู่ด้วยแทบทุกช่วงของชีวิต และจากความคลั่งไคล้ในลายเส้นของฝั่งเอเชียนี่แหละที่ค่อนข้างส่งผลกับภาพวาดเราอยู่พอสมควร ผลงานส่วนมากของเราเลยมีกลิ่นอายความเป็นเอเชียซะส่วนใหญ่ แต่เราก็ไม่กล้าบอกว่างานเราดูมีความญี่ปุ่นเท่าไหร่หรอก เรียกว่าเป็นแบบผสมผสานน่าจะดีกว่า”
“เรียกว่าเราได้รับอิทธิพลภาพแนวนี้จากผลงานของคุณมารุโอะเลยก็ว่าได้ เราชอบในความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะในงานของเขามาก ทั้งลายเส้น ทั้งการสะท้อนให้เห็นถึงความบิดเบี้ยวลึกๆ ในตัวของมนุษย์ผ่านผลงานออกมาได้อย่างสวยงาม”
แต่นอกเหนือจากเรื่องของสไตล์ที่ชัดเจนแล้ว ไอเดียและคอนเซปต์ที่ซุกซ่อนอยู่ในแต่ละภาพคือสิ่งที่บิวได้แรงบันดาลใจจากการมองสิ่งต่างๆ รอบตัว แล้วจับมาผสมผสานกันจนเกิดเป็นภาพที่นำเสนอความเซอร์เรียลระหว่างมนุษย์กับอะไรบางอย่าง ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจนักเมื่อนักวาดสาวเปิดเผยว่าเธอมักเริ่มต้นสร้างผลงานจากการมีอารมณ์ร่วมก่อนปัจจัยอื่นใด
“มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเค้นออกมาได้ ต้องรอจังหวะและสถานการณ์จริงๆ อาจจะฟังดูเรียบง่ายไปหน่อย แต่เพราะผลงานส่วนใหญ่ของเรามักไม่ได้เกิดจากการวางแผนที่ซับซ้อนเท่าไรนัก หลายภาพเกิดจากการจินตนาการเล่นๆ ในช่วงเวลากับจังหวะที่เหมาะสม แล้วจึงถ่ายทอดภาพในหัวออกมาในรูปแบบของภาพวาดเท่านั้นเอง”
ทั้งสวยทั้งหลอน น่าจะเป็นคำจำกัดความรู้สึกเมื่อเราได้เห็นผลงานของ บิว–ณัฐชยา ชาวน้ำอ้อม ได้เหมาะสมที่สุด
ด้วยเอกลักษณ์ผลงานที่ประกอบด้วยผู้หญิง สายตาของตัวละคร และความเหนือจริงที่ถ่ายทอดผ่านสไตล์การวาดที่มีกลิ่นอายของศิลปะเอเชียแบบดั้งเดิม ทำให้เราจดจำชื่อของนักวาดสาวคนนี้ได้ไม่ยาก แต่ถ้าหากย้อนกลับไปดูผลงานช่วงแรกๆ ของเธอ คุณอาจประหลาดใจ เพราะภาพวาดส่วนใหญ่เป็นแนวการ์ตูนตาหวานราวกับคนละคน
“จุดเปลี่ยนคงเริ่มมาจากความชอบที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลานี่แหละ พอเราได้เติบโต ลองผิดถูกมาเรื่อยๆ ก็ได้รู้ว่าอะไรที่เข้ากับเรามากที่สุด สุดท้ายมันก็ตกผลึกมาเป็นลายเส้นเราในทุกวันนี้” บิวเล่า
ก่อนจะมาเป็นนักเรียนศิลปะอย่างเต็มตัว ในวัยเด็กบิวคือเด็กหญิงที่อ้อนแม่ให้ซื้อการ์ตูนมือสองจากแผงร้านหนังสือเวลาไปเดินตลาดนัดทุกครั้ง จากความชอบนี้เองทำให้เธอฝึกวาดภาพจนเพื่อนที่โรงเรียนชื่นชมผลงาน ผลักดันให้เธอเริ่มจริงจังกับการวาดภาพมากขึ้น
“ตั้งแต่จำความได้เราก็เติบโตโดยมีมังงะญี่ปุ่นอยู่ด้วยแทบทุกช่วงของชีวิต และจากความคลั่งไคล้ในลายเส้นของฝั่งเอเชียนี่แหละที่ค่อนข้างส่งผลกับภาพวาดเราอยู่พอสมควร ผลงานส่วนมากของเราเลยมีกลิ่นอายความเป็นเอเชียซะส่วนใหญ่ แต่เราก็ไม่กล้าบอกว่างานเราดูมีความญี่ปุ่นเท่าไหร่หรอก เรียกว่าเป็นแบบผสมผสานน่าจะดีกว่า”
ส่วนเหตุผลเบื้องหลังที่ส่งผลให้ผลงานของบิวมีเอเลเมนต์ที่สื่อถึงความเหนือจริงชวนหลอน ดูแล้วแอบขนลุกก็มาจากรสนิยมการเสพสื่อของเธอเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะผลงานของ Suehiro Maruo นักวาดการ์ตูนชาวญี่ปุ่นที่เป็นที่รู้จักในกลุ่มศิลปะแนว Ero Guro (งานแนวโป๊เปลือยที่มีความพิสดาร) ที่เธอยกให้เป็นไอดอลคนสำคัญ
“เราชอบเสพผลงานแนวนี้มาก ก็เลยติดการวาดรูปแนวหลอนๆ มาเลย เราคิดว่างานแนวนี้มันสะท้อนให้เห็นถึงความลึกซึ้งในตัวของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี พอดูๆ ไปมันก็ทั้งสวยงามแต่บางทีก็น่ากลัวในเวลาเดียวกัน
ทั้งสวยทั้งหลอน น่าจะเป็นคำจำกัดความรู้สึกเมื่อเราได้เห็นผลงานของ บิว–ณัฐชยา ชาวน้ำอ้อม ได้เหมาะสมที่สุด
ด้วยเอกลักษณ์ผลงานที่ประกอบด้วยผู้หญิง สายตาของตัวละคร และความเหนือจริงที่ถ่ายทอดผ่านสไตล์การวาดที่มีกลิ่นอายของศิลปะเอเชียแบบดั้งเดิม ทำให้เราจดจำชื่อของนักวาดสาวคนนี้ได้ไม่ยาก แต่ถ้าหากย้อนกลับไปดูผลงานช่วงแรกๆ ของเธอ คุณอาจประหลาดใจ เพราะภาพวาดส่วนใหญ่เป็นแนวการ์ตูนตาหวานราวกับคนละคน
“จุดเปลี่ยนคงเริ่มมาจากความชอบที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลานี่แหละ พอเราได้เติบโต ลองผิดถูกมาเรื่อยๆ ก็ได้รู้ว่าอะไรที่เข้ากับเรามากที่สุด สุดท้ายมันก็ตกผลึกมาเป็นลายเส้นเราในทุกวันนี้” บิวเล่า
ก่อนจะมาเป็นนักเรียนศิลปะอย่างเต็มตัว ในวัยเด็กบิวคือเด็กหญิงที่อ้อนแม่ให้ซื้อการ์ตูนมือสองจากแผงร้านหนังสือเวลาไปเดินตลาดนัดทุกครั้ง จากความชอบนี้เองทำให้เธอฝึกวาดภาพจนเพื่อนที่โรงเรียนชื่นชมผลงาน ผลักดันให้เธอเริ่มจริงจังกับการวาดภาพมากขึ้น

AUTHOR