A Silent Voice : น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจากการแตกสลาย

Director: Naoko Yamada
Genre: Drama / Romance
Region: Japan

หลังๆ มานี้ เราได้ชมภาพยนตร์แอนิเมชันญี่ปุ่นที่ทำมาจากมังงะหรือนวนิยายหลายเรื่อง สิ่งที่น่าสนใจของภาพยนตร์แนวนี้อยู่ที่การเลือกตัดคัดสรรและดัดแปลงเนื้อหาต้นฉบับที่จบสมบูรณ์ออกมาเล่ายังไงให้ครบถ้วนภายในระยะเวลา 2 ชั่วโมง ซึ่งล่าสุด A Silent Voice (Koe no Katachi) คืองานที่ยามาดะ นาโอโกะ หยิบเอามังงะชื่อดังของโออิมะ โยชิโทกิ ซึ่งเป็นหนึ่งในการ์ตูนอ่านนอกเวลาของญี่ปุ่นที่สอนให้เด็กๆ ได้เรียนรู้เรื่องความหลากหลายของคนเรามาทำเป็นฉบับแอนิเมชัน และผลลัพธ์ของมันก็สร้างแรงสั่นสะเทือนในใจเราได้ไม่น้อยเลย

เล่าอย่างรวบรัดเพราะอยากให้ไปตามดูต่อกันเอง A Silent Voice เล่าเรื่องราวของอิชิดะ โชยะ เด็กหนุ่มหัวโจกวัยคึกคะนอง ตอนขึ้นประถม 6 มีเด็กสาวคนหนึ่งย้ายเข้ามาใหม่ชื่อ นิชิมิยะ โชโกะ ซึ่งเป็นผู้พิการทางการได้ยิน การใช้ชีวิตของโชโกะทำให้เพื่อนๆ ทั้งชั้นเริ่มมีปัญหา ไม่นาน โชโกะก็กลายเป็นเหยื่อของการกลั่นแกล้งโดยโชยะและเพื่อนๆ ที่เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเธอต้องย้ายโรงเรียนไป และก็กลายเป็นโชยะแทนที่ต้องตกอยู่ในบทบาทหมาหัวเน่าที่ไม่สามารถมองหน้าใครได้ติด วันเวลาผ่านไปสู่มัธยมปลาย โชยะได้เจอกับโชโกะอีกครั้งพร้อมความรู้สึกบางอย่างที่ยังติดค้างอยู่เสมอ

ถึงหน้าหนังจะดูเป็นแอนิเมชันความสัมพันธ์ของวัยรุ่นที่แค่ตัวละครมีปัญหาเรื่องการได้ยิน แต่เราอยากบอกไว้ก่อนว่า A Silent Voice มีเนื้อหาที่ค่อนข้างหนักและจริงจังพอที่จะกดเราจมลงไปบนเบาะที่นั่งได้เลย ประเด็นเรื่องการกลั่นแกล้งในชั้นเรียน การฆ่าตัวตาย ถูกนำมาใช้เล่าผ่านตัวละครวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่ต่างก็เก็บเรื่องราวบาดแผลในวัยประถมมาสร้างตัวตนใหม่อีกครั้ง บางคนเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองทำไว้ บางคนลองสวมหน้ากากใบใหม่ บางคนเอาความเข้มแข็งฉาบหน้าไว้ให้ตัวเองไม่กลับไปขี้ขลาดดังเดิม

สิ่งที่เราชอบคือหนังไม่ได้โฟกัสแค่การพยายามกลับมาเป็นเพื่อนที่ดีระหว่างโชยะกับโชโกะ และการกลายเป็นลูสเซอร์เต็มขั้นของโชยะที่ทำให้มีช่วงชีวิตมัธยมแบบที่ปิดหัวใจ มองหน้าใครไม่ติด ซึ่งในรายละเอียดของหนังอาจถูกรวบรัดตัดตอนจากฉบับมังงะไปบ้างจนคนดูที่ไม่เคยอ่านมังงะมาก่อนคงเหวอไปนิดหน่อยในช่วงแรกๆ แต่หนังยังตั้งใจขยายเรื่องราวไปเล่าถึงครอบครัวของโชโกะอย่างแม่และน้องสาวลุคทอมบอย กลุ่มเพื่อนสมัยประถมและเพื่อนใหม่สมัยม.ปลายของโชยะไปพร้อมๆ กัน และทำให้เราเห็นผลกระทบของ ‘การแตกสลาย’ ในวัยเยาว์ที่รุนแรงแตกต่างระดับกันไปในแต่ละคน

และการพยายามกอบกู้มันกลับมาอาจไม่ได้อาศัยแค่ความพยายามของคนคนเดียว แต่ยังต้องใช้การเปิดใจยอมรับ เข้าใจ และให้อภัยจากอีกฝ่ายด้วย เมื่อนั้น สิ่งที่เคยไม่ได้ยินก็อาจกลับมาฟังชัดอีกครั้ง

นอกจากซีนสำคัญของหนังที่ทำออกมาได้บีบหัวใจคนดูอย่างเรามากๆ แล้ว สิ่งที่ช่วยเสริมอารมณ์ดราม่าให้เพิ่มขึ้นโดยจะตั้งใจหรือไม่ก็ตามคือการให้เสียงโชโกะโดยฮายามิ ซาโอริ ที่เลียนเสียงพูดที่ไม่ชัดของผู้พิการทางการได้ยินออกมาได้ดีจนทำให้เราเห็นความพยายามของตัวละครนี้ขึ้นมา รวมถึงเสียงร้องไห้จากความเจ็บปวด เสียงกรีดร้องที่พยายามเปล่งออกมา ก็เป็นจุดเล็กๆ ที่หนังเข้ามาสั่นสะเทือนหัวใจเราได้เลย

A Silent Voice น่าจะเป็นแอนิเมชันที่พิสูจน์พลังของการ์ตูนได้ว่าไม่จำเป็นต้องเล่าเรื่องรักหวานซึ้งเสมอไป แต่การใช้การ์ตูนเป็นสื่อทำให้คนดูโดยเฉพาะเด็กๆ ได้เข้าใจปัญหาของสังคมและตัดสินใจด้วยตัวเองว่าพฤติกรรมแบบไหนควรไม่ควร แม้ว่าจะต้องแลกมาด้วยการนำเสนอเนื้อหารุนแรงบ้าง (เสียงจากฝั่งที่อ่านมังงะบอกว่าฉบับแอนิเมชัน ‘ลดทอน’ ความรุนแรงไปเยอะพอสมควร) ก็เป็นวิธีการหนึ่งที่ชนชาติปลาดิบถนัดมืออยู่แล้วล่ะ

A Silent Voice เข้าฉายทุกโรงภาพยนตร์แล้ววันนี้ ดูรายละเอียดรอบฉายที่เพจ M Pictures

AUTHOR