เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ฉันมีโอกาสได้พบและพูดคุยกับ Martin Hudak บาริสต้าดีกรีแชมป์โลก Coffee in Good Spirits หรือ ‘กาแฟผสมเหล้า’ ประจำปี 2017 งานนี้เป็นหนึ่งในงานใหญ่ระดับโลกในแวดวงกาแฟ ซึ่งจัดต่อเนื่องมาทุกปีตั้งแต่ปี 2011
มาร์ตินเกิดและเติบโตที่ Prešov เมืองเล็กๆ ทางตะวันออกของประเทศสโลวะเกีย หลังจากจบการศึกษาระดับมัธยม เขาค้นพบที่ทางของตัวเองในบาร์ (เป็นเรื่องปกติของฝั่งยุโรปที่บาร์จะมีทั้งกาแฟและค็อกเทล) จากนั้น 5 ปีให้หลัง ชายหนุ่มก็ย้ายไปทำงานที่บาร์ระดับโลกอย่าง The Savoy และ American Bar
เส้นทางสู่แชมป์โลก Coffee in Good Spirits ของชายหนุ่มวัย 28 ปีไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะเขาเริ่มเข้าสู่สังเวียนการแข่งขันตั้งแต่ปีแรกที่จัด แต่ว่าถูกคัดออกในรอบเฟ้นหาตัวแทนประเทศเพราะใช้เวลาเกินกำหนด จากนั้นในปี 2012 เขากลับมาอีกครั้ง แต่ก็ถูกคัดออกอีกครั้งเช่นกัน คราวนี้เพราะทำผิดกฎ กระนั้นมาร์ตินก็ไม่ย่อท้อ เขากลับมาอีกครั้งในปี 2013 และต่อสู้ฝ่าฟันจนได้รั้งอันดับที่ 6 ของโลก
เขาเริ่มยิ้มได้ และคิดว่าจุดหมายปลายทางที่ฝันไว้คงอยู่ไม่ไกลแล้ว
ในปี 2014 แน่นอนว่ามาร์ตินกลับสู่สังเวียนอีกครั้ง บาริสต้าหนุ่มโชว์ฝีไม้ลายมือภายใต้คอนเซปต์ ‘ฤดูกาล’ เพื่อถ่ายทอดความงดงามของธรรมชาติที่เขาประทับใจจากการท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น มาร์ตินลงเอยที่อันดับที่ 2 ของโลก ด้วยคะแนนรวมที่ห่างจากผู้ชนะอันดับ 1 จากประเทศออสเตรเลียเพียง 11 แต้มเท่านั้น
แม้จะเข้าใกล้ชัยชนะสูงสุดมากขึ้นทุกครั้งที่ลงแข่งขัน แต่การพลาดตำแหน่งนั้นในครั้งที่ 4 ทำเอามาร์ตินสิ้นหวังและไร้เรี่ยวแรงที่จะไปต่อ อย่างที่เรารู้กัน การแข่งขันมันต้องใช้พลังงาน สมาธิ ความเสียสละ และที่สำคัญคือความเจ็บปวดเยอะมาก บาริสต้าดาวรุ่งจึงทอดทิ้งการแข่งขันไปเลย 1 ปีเต็มๆ
เขาลุกขึ้นมาสู้ใหม่อีกครั้งในปี 2016 พร้อมกับคอนเซปต์ ‘สถานที่’ ว่าด้วยธรรมชาติอันงดงามที่โลกสรรค์สร้างไว้ แล้วคว้าอันดับ 2 ของโลกมาครองได้อีกครั้ง และเช่นเคย คะแนนของเขาตามหลังผู้ชนะจากประเทศกรีซเพียง 10 แต้มเท่านั้น
มาร์ตินเซ็งสุดๆ แต่เขาก็สัญญากับตัวเองว่าจะกลับไปลุยอีกสักตั้ง จนในปี 2017 เขาเลือกใช้คอนเซปต์ ‘เรื่องราวที่จดจำจนเป็นความทรงจำ’ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากทริปพักผ่อนที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย โดยหยิบแง่มุมที่ดีและไม่ดีมาผสมกัน แง่มุมที่ดีคือการรับประทานอาหารแบบไฟน์ไดนิ่ง ส่วนแง่มุมที่ไม่ดีคือความสกปรกที่พบเจอได้กระทั่งบนเกาะสวรรค์อย่างบาหลี
ในที่สุดความตรากตรำเกือบ 7 ปีของมาร์ตินก็สัมฤทธิ์ผล เขาคว้าตำแหน่งแชมป์โลกมาครองได้สำเร็จ ที่สำคัญเขาชนะแบบขาดลอยด้วยคะแนนที่ห่างจากอันดับที่ 2 ถึง 60 แต้มเลยทีเดียว
แต่เราไม่ได้อยากจะบรรยายถึงความเก่งกาจของเขาเพียงอย่างเดียว เพราะมาร์ตินย้ำกับเราว่า ในการเป็นบาริสต้า ทัศนคติเป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะความสุขในการทำงาน และมุมมองต่องานบริการ ซึ่งเขาแบ่งเป็น 5 ขอหลักๆ ได้แก่
1. There is no secret. ไม่มีความลับในโลก คุณสามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้จากหนังสือ จากสถานที่ ร้านที่คุณชอบไป หรือแม้กระทั่งจากผู้คนต่างๆ ที่ได้พานพบ ขอเพียงแค่อย่าปิดกั้นตัวเองจากการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
2. Guest vs. Customer แขกหรือลูกค้า ต่างกันมาก อยู่ที่คุณจะเลือกมอง หากเรามองคนที่เข้ามาเป็นแขก เราจะทักทาย ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบและความรู้สึกต่อสินค้าหรือบริการของเรา ในขณะที่ หากเรามองคนที่เข้ามาเป็นลูกค้า เราจะทำงานเท่าที่เขาจ่ายมาเท่านั้น แล้วก็จบไป
3. Guest is the Universe. เงยหน้าขึ้นมามองแขกของคุณทุกคน ไม่ใช่มองแต่สิ่งที่คุณต้องทำ
4. Magic Door ไม่ว่าจะร้านของคุณจะมีประตูแบบไหน แขกจะเข้าและออกที่ประตูบานนั้น จงเฝ้ามองประตูตลอดเวลา และทักทายพวกเขาเมื่อเข้ามาและจากไป
5. Your guest are not always right, but they are always the guest. อย่างที่พวกเรารู้ แขกของเราไม่ได้ถูกต้องไปเสียทุกอย่าง แต่เขาเป็นแขกของเรา และเราต้องเคารพพวกเขา
มาร์ตินยังแถมท้ายด้วยว่า The future depends on what you do in the present. อนาคตขึ้นอยู่กับว่าคุณทำสิ่งใดในปัจจุบัน
เรื่องราวของมาร์ตินบอกเราว่า ความสำเร็จขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ซึ่งหนึ่งในปัจจัยซับซ้อนและมีอิทธิพลอย่างมากคือ ‘ทัศนคติ’ หากเรามีทัศนคติเป็นดั่งเข็มทิศชี้ทาง และออกเดินทางโดยพกความพยายามและความอดทนไปใส่กระเป๋าไปด้วย หนทางสู่ความสำเร็จก็คงจะไม่ยากเย็นจนเกินไป
หวังว่าบทความนี้จะมอบพลังให้ผู้อ่าน อย่างที่ฉันได้รับมาผ่านการสนทนากับมาร์ติน
ขอให้สนุกกับปัจจุบันนะคะ 🙂