Whal & Dolph : เพลงรัก (เจือความเศร้า) ของแก๊งปลาเพี้ยนที่น่าฮัก

เรารู้จัก Whal & Dolph (วาฬ แอนด์ ดอล์ฟ) วงป๊อปชื่อน่ารักของ ปอ-กฤษสรัญ จ้องสุวรรณ และ น้ำวน-วนนท์ กุลวรรธไพสิฐ ครั้งแรกจากมิวสิกวิดีโอเพลง โอ๊ย และ ละเมอ ที่ลือเลื่องมาว่าดูแล้วต้องร้อง ‘โอ๊ย’ ตามกันถ้วนหน้า ไม่ใช่แค่ภาพกวนๆ ของพวกเขา (และผองเพื่อน) เท่านั้นที่ทำให้แฟนๆ ติดอกติดใจ แต่เนื้อร้องที่แสนจริงใจของปอ คลอด้วยกีต้าร์โปร่งสไตล์เฉพาะตัวของน้ำวน ฟังทีไรก็เหมือนได้พาตัวเองไปรับลมอ่อนๆ ริมทะเล รู้ตัวอีกทีเราก็เผลอใจเป็นแฟนเพลงแก๊งปลาไปซะแล้ว

นับจาก ยิ้ม เพลงแรกที่ปล่อยออกมาเมื่อปลายปีที่แล้ว เราอาจเรียก Whal & Dolph เป็นวงน้องใหม่อายุหนึ่งขวบปี แต่จริงๆ เบื้องลึกของสมาชิกทั้งสองต่างเคยทำวงอัลเทอร์เนทีฟ ร็อกของตัวเองมาก่อน ปอเคยเป็นนักร้องนำวง The Jogging Boy และ Fits ส่วนน้ำวนก็เป็นอดีตมือกีต้าร์วง The Public Mansion แต่ด้วยความรัก ประสบการณ์ และมิตรภาพ ที่ก่อตัวจากเสียงดนตรี Whal & Dolph คือพื้นที่ปลดปล่อยวัตถุดิบเพลงป๊อปที่ต่างคนสั่งสมไว้ออกมาร่วมกัน

ถ้าเรียกแบบคู่พระ-นางในละคร คำว่า ‘เคมีเข้ากัน’ น่าจะแทนวิธีการทำเพลงของปอและน้ำวนได้ดีเลยทีเดียว

หากมันจะไม่สายเกินไป เราอยากให้ลองเปิดฟัง Rayon อัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกของพวกเขาสักครั้ง 13 เพลงที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและกลิ่นลมทะเลอ่อนๆ ที่แอบแทรกอยู่ในอัลบั้มนี้อาจทำให้รอยยิ้มเขอะเขิน หรือแม้แต่หยดน้ำตาของความเศร้ามาปรากฏอยู่บนใบหน้าเราได้ไม่ยาก แต่ก่อนอื่นใดมาฟังเรื่องราวที่แก๊งปลาอยากเล่าให้เราฟังด้วยกันก่อน

ลงแหวกว่ายในทะเลดนตรีครั้งแรก

ปอ : เราเริ่มเล่นดนตรีจากวิชาเป่าขลุ่ยตอนประถมแล้วรู้สึกว่าตัวเองเป่าเก่งกว่าคนอื่น (น้ำวน : เฮ้ย!) พอรู้ว่าตัวเองชอบเล่นดนตรีก็เลยสมัครวงดุริยางค์โรงเรียนดู ก็ได้เล่นทรัมเป็ตมาจนถึง ม.6 และลองทำวงกับเพื่อนมาเรื่อยๆ จนถึงปี 2 มือเบสในวงเป็นเพื่อนกับน้ำวน เราเลยได้รู้จักกันตั้งแต่นั้น

น้ำวน : เราเรียน ม.ต้น โรงเรียนชายล้วน ทุกคนจะเล่นแต่เพลงเมทัลโชว์กันในงานโรงเรียนก็เลยอยากเล่นบ้าง ตอนแรกอยากหัดคีย์บอร์ดแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไปสมัครเรียนกีตาร์คลาสสิกที่สถาบันดนตรี ตอนนั้นเราแทบไม่รู้ว่ากีตาร์มีหลายประเภท (หัวเราะ) พอเรียนไปสักพักก็ฟอร์มวงเมทัลกับเพื่อน หลังจากนั้นก็เล่นดนตรีมาเรื่อยๆ จนเข้ามหาวิทยาลัย

เริ่มสั่งสมส่วนผสมในการทำเพลง

ปอ : เราหัดแต่งเพลงให้เพื่อนฟังตั้งแต่ ม.3 แต่ก็โดนเพื่อนด่า (หัวเราะ) เราคิดว่าถ้าคนเราไม่ลองทำสิ่งที่หวังไว้มันก็ไม่เกิดขึ้นสักที แต่กว่าจะรู้ว่าตัวเองเอาดีกับการแต่งเพลงได้ก็ตอนโตแล้วล่ะ พอกลับไปฟังเพลงตัวเองตอนเด็กๆ ก็ตลกดีเหมือนกัน

น้ำวน : เราเริ่มแต่งเพลงบรรเลงไม่มีเนื้อร้องตอนปี 3 หลังจากนั้นก็ทำเพลงทิ้งไว้บน SoundCloud ไปเรื่อยแบบสนุกๆ จริงๆ นี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของ Whal & Dolph เพราะเรามีเพลงที่ทำทิ้งไว้แต่เอาไปใช้กับวงร็อกเก่าไม่ได้เยอะมาก เราก็เอาส่วนที่เคยทำไว้มาให้ปอลองทำต่อเหมือนมีกรุ๊ปลับๆ กันสองคน พอเพลงเป็นรูปเป็นร่างเลยรู้สึกว่าเราทำงานด้วยกันสนุกดี

คลุกเคล้าส่วนผสมอย่างลงตัว

ปอ : เราทำเพลงกันหลายวิธีนะ แล้วแต่เพลงด้วย อย่างเพลง ยิ้ม น้ำวนคิดไลน์กีตาร์มา เป็นไลน์ที่ปวดหัวมาก คนอื่นฟังแล้วน่าจะรู้สึกว่ามึงจะแต่งเนื้อร้องยังไงวะ แต่สุดท้ายก็ออกมาเป็นเพลงนี้ได้ มีหลายเพลงที่เป็นไลน์กีตาร์มาก่อนแล้วค่อยแต่งเนื้อร้องทีหลัง แต่มีบางเพลงที่เราเขียนเนื้อมาอย่างเดียวแล้วค่อยใส่กีตาร์ตามเข้าไป เช่น นานนาน รอให้เธอบอก

น้ำวน : แล้วแต่ว่าอันไหนที่งอกออกมาก่อน เราก็ทำต่อจากอันนั้น หรือบางทีปอทำพาร์ตเนื้อร้องมา เราทำพาร์ตดนตรีมา แต่ดันตกลงกันไม่ได้ว่าจะทำอันไหนก่อน (หัวเราะ) เลยเอามาเมิร์จกันออกมาเป็นเพลง ละเมอ

แนวเพลงที่ไม่กำหนดขอบเขต

ปอ : เราไม่เคยกำหนดแนวเพลงของตัวเองเลย เราบอกแค่ว่าเราเป็นวงป๊อป คำว่า ‘ป๊อป’ ไม่จำเป็นว่าต้องสดใสอะไรแบบนั้น เราเชื่อว่าเพลงป๊อปคือสิ่งที่คนสามารถเข้าถึงง่ายและฟังได้เยอะๆ Whal & Dolph มีทุกแนวดนตรีที่เราสองคนชอบอยู่ในนั้น ทุกเพลงมีไซคีเดลิกหรืออะไรที่เราชอบจะถูกบดออกมาเป็นวัตถุดิบใหม่ใส่ในเพลง เรารู้สึกว่า Whal & Dolph ทำอะไรได้กว้างมาก เป็นสิ่งหนึ่งที่เรารู้สึกภูมิใจกับมัน

น้ำวน : เหมือนคำว่า ‘อินดี้’ ในความหมายแต่ละคนไม่เหมือนกัน อินดี้มาจาก Independent หมายความว่าการทำงานเอง ใช่ เราทำงานเองจริงๆ แต่อินดี้ของคนอื่นอาจเป็นเพลงที่ไม่เหมือนในกระแสหลักที่คนฟังกัน เราจะโดนเรียกว่าอินดี้ยังไงก็ได้ แต่อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าเราทำเพลงแนวนี้

วัตถุดิบในการทำเพลง

ปอ : เราไม่ใช่คนที่ชอบอ่านหนังสือมาก พวกคำต่างๆ น่าจะติดมาจากเพลงของค่ายเบเกอรี่หรือวงที่เราเคยฟังตอนเด็กและหนังที่เราชอบดู อย่างเมื่อก่อนเราดูหนังเรื่อง Fake แล้วก็ลองแต่งเพลงให้หนังเล่นๆ ก็มี ชอบเวลาที่เราอินกับตัวละคร อินกับโลกของหนังพวกนั้น

น้ำวน : ถ้าเป็นพาร์ตดนตรี ปกติดนตรีจะมีแพตเทิร์นหนึ่งไปสอง สองไปสามของมันอยู่แล้ว เรามีวิธีแปลกๆ ของเราอีกอย่างคือ เวลาเราเดินไปตามถนน เราชอบได้ยิน rhythmic เสียงจังหวะแปลกๆ ฝนตกลงฝาท่อหรืองานก่อสร้างเราก็โรคจิตที่จับมันได้ (หัวเราะ) พอรู้สึกว่าเป็นจังหวะเสียงที่เราไม่เคยได้ยินมาก่อนมันก็เพราะไปอีกแบบนะ บางทีก็แอบเก็บของพวกนี้มาใช้

บทเพลงรักคือเครื่องบันทึกความทรงจำ

ปอ : เราไม่เคยเขียนเรื่องอื่นเลยนอกจากความรักของหนุ่มสาว หรือความรักของเราเองเพราะเราจะรู้จักมันดีที่สุด ก็เป็นวัยรุ่นเนอะ เราก็ต้องมีความรัก (หัวเราะ) เราว่าการเล่าเรื่องความรักในเพลงเป็นเรื่องที่จับต้องง่ายและท้าทายกว่า เพราะถ้าเล่าตรงๆ ก็คงเหมือนกับคนอื่นที่เขาเขียนเพลงรัก เราก็จะเล่าเอียงๆ หน่อย เล่าในมุมมองอีกแบบนึง ถ้าคนฟังสัมผัสมุมนั้นได้ก็แปลว่าเราประสบความสำเร็จนะ แต่เราก็ไม่ได้ปิดกั้นอย่างอื่น ยังอิจฉาคนที่เขียนเพลงเล่าเรื่องชีวิตอยู่เลย ตอนนี้เรายังไม่เก่งขนาดนั้น แต่อนาคตก็ไม่แน่นะ

น้ำวน : 70 เปอร์เซ็นต์ในอัลบั้มนี้เป็นเรื่องของปอ

ปอ : เริ่มจากช่วงสองปีก่อนเราเคยคบกับคนๆ หนึ่งที่เป็นเหมือนแรงบันดาลใจ เราแต่งเพลงที่มีความสุขเพราะเขา แล้ววันหนึ่งที่เราจากกันไปเราก็แต่งเพลงเศร้าเพราะว่าเรารู้สึกเศร้าจริงๆ บางทีก็เขียนเพลงมาปลอบใจตัวเองด้วย เหมือนศิลปินที่วาดรูปคนรักของตัวเองเพื่อเป็นเครื่องบันทึกอะไรสักอย่างเพราะไม่อยากให้เรื่องราวนั้นหายไป เราก็มีเพลงในอัลบั้มเป็นเครื่องบันทึกของเรากับคนๆ หนึ่งเหมือนกัน ทุกครั้งที่ฟังเพลง เราจะนึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้น ยอมรับเลยว่าเพลงพวกนี้มีคุณค่าต่อจิตใจเรามาก

Rayon คืออัลบั้มสำหรับทุกคน

น้ำวน : เราใช้เวลาทำอัลบั้ม Rayon ค่อนข้างเร็ว แฟนเพลง Whal & Dolph น่าจะรู้สึกว่าเราปล่อยเพลงถี่มาก ไม่เกินสองเดือนเราปล่อยเพลงแล้ว หนึ่งเพลงเราใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ พวกเราไม่ค่อยเรื่องมากกันด้วย เราโอเค ปอโอเคก็ผ่านเลย อีกอย่างคือเรารู้สึกว่าอะไรที่มันยาก มันน่าจะไม่ใช่ งานครีเอทีฟที่เราคิดแล้วปวดหัวมากๆ ถ้าเราต้องฝืนมากๆ มันอาจจะออกมาไม่ค่อยดี

ปอ : ถึงแม้เราจะดูชิลล์ๆ ไม่เรื่องมาก แต่วงเรามีกฎข้อหนึ่งคือทุกเพลงที่เราทำออกมา เราสองคนต้องชอบจริงๆ ไม่งั้นเราจะไม่ยอมให้มันออกมา ต้องบอกว่าตอนนี้เรายังฟังอัลบั้มตัวเองบนรถมาเป็นเดือนแล้วครับ ถ้าเราฟังเพลงตัวเองได้เรื่อยๆ คนอื่นก็น่าจะฟังได้เรื่อยๆ เหมือนกันคือถ้าคุณชอบความโรแมนติก ความอบอุ่น หรือความแบดโรแมนซ์ อัลบั้มนี้ตอบโจทย์คุณแน่นอนครับ

เพลงเพราะดีแต่เอ็มวีเพี้ยน

น้ำวน : จริงๆ คนรู้จักเราเยอะจากเอ็มวีแล้วค่อยกลับไปฟังเพลงอีกที แฟนเพลงหลายคนจะบอกว่าถ้าฟังเพลงจะไม่ได้ดูเอ็มวี หรือถ้าตั้งใจดูเอ็มวีก็จะไม่ได้ฟังเพลง ต้องฟังและดูแยกกัน เราว่าสนุกดีเหมือนกันและนี่ก็น่าจะเป็นเอกลักษณ์ที่ชัดเจนของวงเรา จริงๆ เราไม่ได้ตั้งใจทำให้แปลกอะไรขนาดนั้นแต่เป็นความชอบส่วนตัวของพวกเราอยู่แล้ว พอมีคนมาชอบด้วยก็ดีใจ

ปอ : เราสนุกกับการทำเอ็มวีในแบบที่เราคิด สนุกกับการรับบทเป็นชาวประมงหนีรักในเอ็มวี โอ๊ย ไอเดียเราคือให้ทุกคนที่ไปกับเราวันนั้นมารับบทเป็นชาวประมงแล้วเอากล้องมาถ่าย แล้วทุกคนก็จะมีเรื่องที่ไม่สมหวังเลย ต่างคนต่างเอาเรื่องเศร้าตัวเองมาเล่าแล้วมันก็เข้ากับเอ็มวีและเพลงช้ำๆ ของเราได้พอดี คนอาจจะมองว่าพวกเรากวนแล้วนะ พอเอ็มวีตัวต่อไปก็หนักกว่าเดิม

น้ำวน : ขอแทรกหน่อย ทุกบทที่พูดในนั้นคือเรื่องจริงนะครับ (หัวเราะ)

ปอ : พาร์ตเนื้อเพลง ละเมอ จะพูดถึงการจมกับคนๆ หนึ่ง แล้วถ้าคุณไม่เดินออกมาคุณก็คงไปไหนไม่ได้แน่ๆ จะมัวละเมออยู่ตรงนั้นทำไม ออกมาดีกว่า ในเอ็มวีเราก็เลยแทน ‘พญานาค’ เปรียบเสมือนความรักที่มีทั้งคนเชื่อว่ามีจริงและเชื่อว่าไม่มีจริง คนที่ออกตามหาพญานาคก็เหมือนคนตามหาความรักนั่นแหละ แถมบางคนได้เจอแต่สุดท้ายก็อาจจะไม่ใช่ก็ได้พอเวลาเราไปเล่นที่ไหน แฟนๆ จะเข้ามาถาม ‘พี่เจอพญานาคยัง’ ใครจะไปรู้ว่าพญานาคจะมาอยู่ในวงดนตรีได้ รู้สึกภูมิใจเหมือนกันนะ (หัวเราะ)

น้ำวน : เหมือนเวลาคนเห็นพญานาคเขาจะนึกถึงวงเรา บางคนถ่ายรูปพญานาคส่งมาให้ในเพจก็มีนะ เราไม่รู้หรอกว่าคนจะมองว่าเราเป็นแบบไหน แต่ตอนนี้อาจจะมองว่า Whal & Dolph เป็นวงประสาทแดกประมาณหนึ่ง คือเพลงฟังง่ายแต่ไอ้พวกนี้เพี้ยนแน่นอน (หัวเราะ)


Whal & Dolph Selected.

5 เพลง (น่ารัก) ที่เหล่าแก๊งปลาอยากแบ่งปัน

01 โอ๊ย (Ouch!)

น้ำวน : บรรดาเพลงที่เคยปล่อย โอ๊ย เป็นเพลงที่เราชอบสุด เพลงนี้เราเริ่มจากอะไรที่ง่ายที่สุดคือคิดชุดคอร์ดมาชุดหนึ่ง แต่ความท้าทายคือเราจะทำยังไงให้ของง่ายกลายเป็นของที่พิเศษขึ้นมา ช่วงนั้นเราบ้าดนตรีฮิปฮอปยุคเก่าเลยลองเอาบีทฮิปฮอปมาใส่กับเพลงป๊อปที่เล่นด้วยกีตาร์โปร่งของเรากับไลน์ไซคีเดลิกจากปอ เวลากลับมาฟังทุกครั้งเราจะรู้สึกว่า โอ๊ย เป็นเพลงที่โกงมาก

ปอ : เป็นเพลงช้ำๆ ที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของเราผสมกับหนังเรื่อง 500 Days of Summer มีฉากหนึ่งที่ผู้หญิงพูดว่า เรื่องนี้เราไม่เคยบอกใครเลยนะ เป็นประโยคที่เราเจอในชีวิตเหมือนกันเลยใส่เข้าไปในเพลงด้วย ตอนเล่นสดแฟนเพลงจะกรี๊ดเวลาเล่นถึงท่อนนี้ ชีวิตพวกเขาน่าจะโดนประโยคนี้มาเหมือนกัน


02 นานนาน (In Memory Of)

ปอ : เพลงนี้เล่าเรื่องของผู้ชายที่ไปตกหลุมรักผู้หญิงคนนึงซึ่งระยะเวลาที่สองคนนี้เจอกันสั้นมาก เขาอยากจะอยู่กับคนนี้นานๆ ไม่อยากให้โมเมนต์ที่สวยงามนั้นจบไปเลย ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าผู้หญิงจะจากไปแน่ๆ เราชอบคำในเพลงนี้มากอย่างท่อน อยากหยุดเวลาเอาไว้นานๆ บอกกับเธอให้รู้ว่าฉันเองประทับใจ เรารู้สึกว่ามันจริงใจ จริงๆ เพลงนี้แอบเจือความเศร้าอยู่นะ


03 เปลี่ยนไป (Starlight)

น้ำวน : เราคุยกับปอว่าไหนๆ ก็มีอัลบั้มของตัวเองแล้ว อยากให้มีเพลงที่เราร้องด้วย เราอยากเป็นพี่อ้วน อาร์มแชร์ (หัวเราะ) ด้วยความรีบเร่งของเดดไลน์ เพลงนี้เราต้องอัดเสียงทุกอย่างที่บ้านเพราะไปอัดที่สตูดิโอไม่ทัน แต่พออัดที่บ้านก็รู้สึก เฮ้ย! ดีว่ะ เพราะตัวเพลงเองก็อบอุ่นนะ เป็นเรื่องของผู้ชายที่มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาในชีวิตแล้วทำให้ทุกอย่างที่เขาเจอมีแต่เรื่องที่ดี เห็นสิ่งรอบตัวเปลี่ยนไป อัดที่บ้านก็ยิ่งรู้สึกอบอุ่นไปอีก อยากให้ทุกคนไม่กดข้ามแทร็กนี้ไป แรงบันดาลใจของเพลงนี้คือฉันเอง (ยิ้ม)


04 เก็บเธอเอาไว้ดูก่อน (Preview)

ปอ : ช่วงใกล้ๆ ปิดอัลบั้ม เราขี่จักรยานอยู่ดีๆ ก็มีเมโลดี้กับเนื้อเพลงลอยเข้ามาในหัว เก็บเธอเอาไว้ดูก่อน ปล่อยให้ใจได้พักผ่อน เรารู้สึกว่าน่าสนใจนะ เพราะมันอาจเชื่อมโยงกับเรื่องราวของเราตอนนี้ก็ได้ เพลงนี้พูดถึงการดูใจกับคนคนหนึ่ง คือผู้ชายคนนี้เคยเจ็บมาและยังไม่หายจากความรักครั้งนั้น เขาไม่พร้อมจะตกลงปลงใจกับใครเลยขอลองดูๆ กันไปก่อนได้มั้ย หลังจากแต่งเนื้อเพลงเสร็จ น้ำวนก็มาทำไลน์กีตาร์คลอให้ เป็นหนึ่งในสามเพลงที่เราชอบที่สุดในอัลบั้ม


05 ฉันยังเก็บไว้ feat. เอิ๊ต ภัทรวี (Girl & Boy)

ปอ : เริ่มจากที่น้ำวนแต่งไลน์กีตาร์มาให้เราฟังเลยเขียนเนื้อขึ้นมาประโยคหนึ่ง นานมาแล้วแสนนานที่เรานั้นอยู่ร่วมกัน ร่วมใช้เวลา สวยงาม สวยงามแสนสวยงาม ฉันยังเก็บไว้อยู่ข้างในไม่ให้หายไป ทิ้งไว้เกือบปี พอวันที่ต้องทำอัลบั้มเต็มเราก็หยิบเพลงนี้มาทำต่อ ฉันยังเก็บไว้ พูดถึงความทรงจำในอดีตที่เคยอยู่ด้วยกัน ในวันที่ต้องห่างหรือจากกันไกล เขายังเก็บเรื่องราวสวยงามนั้นไว้อยู่ พอเล่าเป็นมุมจากผู้ชายแล้วเราคิดว่าผู้หญิงคนนั้นก็น่าจะออกมาเล่าด้วย เลยชวนเอิ้ต (ภัทรวี ศรีสันติสุข) มาร้อง เอิ๊ตเล่าเรื่องของผู้หญิงคนนี้ได้ดีมากๆ ฟังแล้วมีความสุขมาก อยากให้ลองฟังกันดูครับ

ขอบคุณคาเฟ่สุดชิลล์ Seven Cafe ที่ใจดีให้แก๊งปลาและเราได้เล่นซน

ภาพ ดวงสุดา กิตติวัฒนานนท์

AUTHOR