กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่ : การเติบโตของกวีฮิปฮอป

เราพบ
กอล์ฟ-ณัฐวุฒิ ศรีหมอก ครั้งแรกที่ห้องอัดเสียง

หลังกระจกใสหนาเตอะ
ฟักกลิ้งฮีโร่ สวมเสื้อสีดำที่เขียนว่า I’m fucking heavy กำลังแร็พเนื้อเพลงที่เขาแต่งเองอย่างดุเดือดเร้าใจ ถ้อยคำคมชัดซัดพุ่งใส่ไมโครโฟนเหมือนกระสุนกระหน่ำยิง
สตูดิโอเสมือนถิ่นของเขา ตัวเขาเองคือมาเฟียแห่งวาจา เจ้าป่าแห่งดงบทกวี

นอกห้องอัดเพลง เราเจอผู้ชายท่าทางสุภาพ พูดเสียงเบา ร่องรอยพลุ่งพล่านของแร็พเปอร์หนุ่มเลือดร้อนจากไป
บุคคลเบื้องหน้าเราคือมืออาชีพในวงการดนตรี สมาชิกวงสิงห์เหนือเสือใต้ นักแต่งเพลงสังกัดก้านคอคลับ
และคุณพ่อที่รักครอบครัว ในช่วงเวลาเบรกสั้นๆ ของเพลงแร็พรัวยาว เราสนทนาเรื่องงานสร้างสรรค์ของฟักกลิ้งฮีโร่
กอล์ฟครุ่นคิดและตอบคำถามของเราอย่างสุขุมหมดจด จนเราขอถ่ายทอดความเปลี่ยนแปลงของกวีพ่อลูกอ่อนผ่านเส้นทางดนตรีที่เขาขีดเขียนขึ้นเอง

เริ่มจังหวะฮิปฮอป

ตอนอายุ 16 เพื่อนที่โรงเรียนเอาเพลงฮิปฮอปมาฟัง
ตอนนั้นคนเขาจะฮิตกัน พวก Vanilla Ice, No coke
(Dr. Alban) เราเริ่มฟังแล้วเริ่มตั้งกลุ่มเต้นแร็พกัน
คงเหมือน EDM ยุคนี้ แล้วกระแสมันก็จางลงไป
แต่สำหรับเรามันยังคงอยู่ คงเพราะโจอี้ บอย (อภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต) ล่ะครับ ตอนนั้นเราฟังภาษาอังกฤษไม่ออก
พอเราฟังโจอี้ บอยออก ก็ชอบ รู้สึกว่าแร็พตามได้ ก็เริ่มแกะเนื้อเพลงของโจอี้ บอย
และเก็บเพลงแร็พไทยทุกม้วน ร้องตามได้หมดทุกวง

พอถึงยุค New Metal มีพวก Limp Bizkit เข้ามา
ช่วงนั้น Eminem ก็เริ่มดัง
เราร้องมานานก็รู้สึกว่าอยากเขียนเพลงเองเพื่อเอาไปเล่นกับวงดนตรีแนวนิวเมทัลของเราที่โรงเรียน
เริ่มจากทำเพลงเองเล็กๆ น้อยๆ แต่มีเพลงนึงที่เอามาใช้จริงๆ
คือเพลงชื่อ
ฟักกลิ้งฮีโร่ ซึ่งมาอยู่ในอัลบั้มของสิงห์เหนือเสือใต้

ตอนนั้นวงเราเป็นวงที่ไม่มีใครฟังครับ
เพราะมันค่อนข้างโหวกเหวกโวยวาย ช่วงนั้นเขาฮิตเพลงโลโซกัน ยิ่งแถวบ้านผมเขาฟังจายสายมาว
นักร้องไทยใหญ่ ไม่มีหรอกครับฮิปฮอป แต่เรารู้ว่าสิ่งที่เราน่าจะทำได้ดีที่สุดคือแร็พ เพลงแนวอื่นเรารู้ตัวว่าเราร้องไม่ได้อยู่แล้ว เราร้องผิดคีย์ ดังนั้นมันมีทางเดียวให้ทำ

ต้นทุนแร็พเปอร์

เราอ่านหนังสือครับ หนังสือช่วยได้เยอะมาก ตอนเด็กๆ พ่อชอบให้อ่านหนังสือ
แม่ชอบเล่านิทานให้ฟัง พอเรารู้สึกสนุกก็อยากไปหาอ่านต่อ เราไม่ค่อยมีเพื่อนก็อ่านแต่หนังสือที่เขาไม่ได้เรียนกัน
เช่น ความรู้รอบตัว อะไรใหญ่ที่สุดในโลก เราจะท่องว่า ยูริ
กาการินคือนักบินอวกาศคนแรก หลุยส์ อาร์มสตรองไปเหยียบดวงจันทร์ปี 1969 มันทำให้เรารู้เรื่องราวมากกว่าเด็กวัยเดียวกัน
รู้ไปทำไมไม่รู้ แต่รู้แล้วก็เอาไปแต่งเพลง เพราะฉะนั้นวิธีการเล่าเรื่องในเพลงของเราจะเรียงลำดับเหมือนการเขียนหนังสือ
จะสังเกตได้ว่าภาษาของเราเป็นภาษาเขียนมากกว่าภาษาพูด เป็นสไตล์ที่ทำให้เราไม่เหมือนใคร

คนอื่นที่เขาฟังฮิปฮอปเขาก็จะรู้จักว่า Dr. Dre เป็นใคร
แต่งเพลงแบบนี้แล้วมันถูกหรือผิด แต่เรามาจากความไม่รู้ถูกผิด เราไม่รู้อะไรเลย
เรารู้แต่ว่าเรามีต้นทุนคือการอ่านหนังสือ แล้วเราก็เขียนอย่างนี้ เป็นอย่างนี้
เอาเราไปเทียบกับเมืองนอกก็ไม่เหมือนใคร แต่บางทีมันทำให้คนที่ฟังเพลงแนวนี้จริงๆ
ไม่ได้รู้สึกว่าเราเป็นของจริง เพราะเราไม่มีสูตรครับ เพลงเรามันเลยหลากหลาย
เขียนอะไรก็ได้ ไม่ยึดอยู่เรื่องเดียว ดูคล้ายขายบริการเหมือนกัน
แต่ว่าก็ไม่รู้จะไปจำกัดตัวเองทำไมว่าเราจะทำแต่เรื่องเดียว

แร็พบันดาลใจ แรงบันดาลไทย

NAS เป็นแร็พเปอร์ที่เราชอบมาก เรารู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำมันจริง แล้วมันสะท้อน
และฉลาด มันมีความเรียลิสติกในความเป็นสตรีทของเขา แล้วเขาเล่าเรื่องสตรีทได้ฉลาด
พูดง่ายๆ คือมีสตรีทสัมปชัญญะมาก แนวคิดการแต่งเพลงเสียดสีสังคมของเราก็เริ่มจากการฟัง Nas เพลงที่เป็นแรงบันดาลใจคือ
Just a moment พูดถึงเรื่องคนผิวสีที่ยิงกันตาย
แล้วขอให้คนคิดถึงสันติภาพ แล้วก็ Sly fox ด่าสื่อช่องฟ็อกซ์ว่าผูกขาดความคิดคนอเมริกา
เหมือนหมาจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่ยัดเยียดข้อมูลให้อเมริกา มันทำให้วิธีมองโลก
วิธีเขียนเพลงของเราเปลี่ยนไป

จริงๆ เราเป็นคนฟังเพลงเพราะคนเขียนเยอะมาก
ชอบอ่านชื่อในเครดิตในปกเทปแต่เด็ก ในประเทศไทย ชอบ 4
คนที่เป็นอาจารย์เลย คือพี่โจ้-โจอี้ บอย
ท่อนแร็พและวิธีคิดต่างๆที่จะร้อยเรียงมาเป็นแร็พ แกจะคิดไม่เหมือนคนอื่น พี่บอยโก
(ชีวิน โกสิยพงษ์) กับพี่บอย ตรัย (ตรัย ภูมิรัตน) มีมุมมอง เนื้อหา
และทำนองที่เพราะมาก ส่วนพี่โป้ โยคีเพลย์บอย (ปิยะ ศาสตรวาหา) คือตัวอย่างความไม่มีกรอบ
ฟังเพลงพี่โป้ทุกครั้งจะมีอิมโพรไวส์แทรกอยู่ เรานับถือพี่โป้ตรงนั้น

งานออกแบบกระจก

เสน่ห์ของฮิปฮอปคือการเล่าเรื่องได้ทุกเรื่องโดยไม่จำกัด
เพราะมันคือกลอนที่ไม่ต้องยึดกับทำนอง มันเหมือนกระจก
เอาไปวางไว้ตรงไหนมันก็ส่องชัดตรงนั้น สมมติว่าเราจะเล่าเรื่องกรอบรูปที่ถอดไปวาง
เราก็จะเล่าว่าเพื่อให้เราถ่ายรูปออกมาสวย ทั้งที่จริงมันก็เป็นรูปเหมือนกัน
แต่บางครั้งมันต้องยอมโดนถอดเพื่อให้รูปที่ออกมาสวยกว่า

ปกติเวลาแต่งเพลง ถ้าคิดไม่ออกเราก็ไม่ฝืน
ยกเว้นเพลงที่ต้องทำกับโฆษณา ลูกค้าต้องการเวลาที่แน่นอน
เราก็ต้องทำตามโจทย์ที่ลูกค้าให้มา พอเขาบอกมาว่าสิ่งที่ต้องการคืออะไร
งานเราเหมือนงานออกแบบ เราคือสถาปนิกวางฟังก์ชันให้เขา
ผิดกับเพลงที่เราตั้งใจทำเอง ฟังก์ชันเราต้องมีอยู่ในหัวก่อนถึงจะแต่งได้จริงๆ

เวลาเปลี่ยน เพลงเปลี่ยน

แต่ก่อนไม่ค่อยกลัวอะไรเท่าไหร่ แต่พอมีครอบครัวแล้วก็ต้องพยายามประคับประคองชีวิตให้มันมีสติมากขึ้น
จะเขียนอะไรแต่ละทีก็ต้องคิดหน้าคิดหลังนิดนึงว่าทำเรื่องนี้ไปแล้วมันจะมีผลอะไร
หมากต้องดูไว้สามตาก่อนเดิน
เพราะฉะนั้นวิธีการเขียนก็จะไม่ใช่เรื่องราวที่รุนแรงแล้ว อะไรที่ฉุดใจให้ดิ่งลงก็จะไม่เขียน
อะไรก็ตามที่โจมตีว่าร้ายก็จะไม่เขียน เราโลดโผนน้อยลงเยอะครับ รับผิดชอบมากขึ้น แต่ไม่ได้เสียใจกับเพลงเก่าๆ
ที่เคยแต่งนะ มันคือบันไดที่เราผ่านมา
ไม่มีขั้นก่อนก็มาไม่ถึงขั้นนี้ แล้วเราก็ผ่านการฝึกวิชามาแต่ละช่วงวัย
ในช่วงวัยนั้นเราก็คิดอย่างนั้น ในวัยนี้เราไม่ได้คิดอย่างนั้น เท่านั้นเอง เรายังต้องอ่าน
ต้องเรียนรู้ต่อเหมือนหัดชกๆๆ ทุกวันจนได้หมัด เพราะสำหรับเราใช้คำว่าพรสวรรค์ไม่น่าจะได้
ต้องใช้คำว่าความอยากเป็นและความพยายาม


5 จังหวะแร็พสำคัญในชีวิต

01 สัตว์เลี้ยงลูกด้วยเงิน

 

สัตว์เลี้ยงลูกด้วยเงิน อยู่ในอัลบั้มสิงห์เหนือเสือใต้
ชุดที่ 2 น่าจะเป็นเพลงแรกที่เราเขียนเพื่อเสียดสีสังคม
เรารู้เลยว่าสไตล์นี้เราชอบ คือการทำเพลงฮิปฮอปที่ไม่ใช่เพื่อเป็นเพลงเต้นหรือจีบสาว
แต่พูดเรื่องชีวิต เรื่องสังคม ตอนนั้นเป็นช่วงที่ขวางโลกคิดว่าทุนนิยมมันเป็นเรื่องไม่ดี
ทุนนิยมทำให้เกิดปัญหา ซึ่งจริงๆ แล้วเราไม่รู้จักมันดีพอ ได้มาเรียนรู้ทีหลังว่าเงินไม่ใช่ปัญหา
การใช้เงินต่างหากที่ทำให้เกิดปัญหา อย่างไรก็แล้วแต่ มันก็เป็นจุดสตาร์ทที่ทำให้เราเขียนเพลงแนวนี้มาเรื่อยๆ

02 ราตรีสวัสดิ์

เพลงนี้เกิดจากเราดูข่าวแล้วรู้สึกว่าข่าวชายแดนภาคใต้ไม่ค่อยได้รับการถ่ายทอด
เรามารู้ทีหลังว่าความรุนแรงมันเกิดขึ้นตลอดเวลา ปัญหามันใหญ่มากและอาจจะแก้ไขไม่ได้ง่ายๆ
เลยเขียนเพื่อเตือนใจว่าเราจะไม่ลืมความเสียสละของทหารสามจังหวัดชายแดน
เป็นเพลงที่ทำให้ทุกคนรู้จักเรา รู้ว่าเราทำงานอย่างนี้
เป็นผลงานที่ทำงานร่วมกับแสตมป์ และทุกวันนี้ก็ยังเป็นเพลงที่น่าจะประสบความสำเร็จที่สุด

03 ชูใจ

เราคิดไว้ตั้งแต่ภรรยาท้องว่าจะแต่งเพลงให้ลูกสาว
เราเขียนออกมาเร็วมาก แล้วแรงบันดาลใจคือสิ่งที่อยากบอกลูกจริงๆ จากที่เห็นในโลกที่โซเชียลมันมีเรื่องรุนแรงเต็มไปหมด
การเติบโตในสังคมมันไม่ง่าย เพราะฉะนั้นเพลงนี้ก็เลยเป็นเพลงสำคัญอีกเพลงที่ปรับโหมดชีวิตเราว่าจากนี้เราไม่ได้ทำเพลงเพื่อความเกลียดชัง
แต่ว่าทำเพลงเพื่อจรรโลงใจคน

04 Hands

จริงๆ เพลงนี้ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมาก
มันเป็นเพลงประกอบโฆษณาคนอร์ แต่จริงๆ มันเป็นเพลงที่เราเขียนให้ภรรยาของเรา พูดถึงมือของภรรยาและแม่ของลูกเรา
เราเป็นคนเขียนเพลงรักไม่ค่อยเก่ง สมมติเราจีบผู้หญิงคนนี้เราจะเขียนให้แค่เพลงเดียว
เป็นเพลงของเขาคนเดียวเลย แต่
Hands เป็นเพลงรักเพลงสุดท้ายที่เราจะเขียน
เพราะเราไม่สามารถเขียนเพลงรักให้ผู้หญิงคนอื่นได้อีกแล้ว
Hands น่าจะเป็นเพลงรักที่สำคัญที่สุดในชีวิตที่เราเขียน

05 พลังแสงอาทิตย์

เป็นเพลงที่แต่งให้ในหลวงรัชกาลที่ 9 ในเช้าวันที่ 14 ตุลา
หลังจากที่เราผ่านความโศกเศร้ากันในคืนวันที่ 13
แสงอาทิตย์ที่ขึ้นในเช้าวันนั้นเหมือนเป็นกำลังใจจากพระองค์ให้เราใช้ชีวิตกันต่อไป
ถึงพระองค์จะสวรรคตแล้ว แต่ยังทรงเป็นเหมือนแสงอาทิตย์อบอุ่นที่นำทางคนไทยเสมอ
น่าจะเรียกได้ว่าเป็นเพลงที่สำคัญที่สุดในชีวิตอีกเพลง เพราะใช้ความตั้งใจเข้มข้นมากใส่ในเพลงนี้ครับ

ภาพ ชนพัฒน์ เศรษฐโสรัถ

AUTHOR