อะตอม-ชนกันต์ รัตนอุดม : คนเขียนเพลงจากบาดแผล

อะตอม-ชนกันต์ รัตนอุดม นักร้องแนวโซลป๊อบค่าย White Music เติบโตมาในครอบครัวนักกฎหมายไล่เรียงตั้งแต่พ่อแม่จนกระทั่งพี่สาว ทำให้เขาตัดสินใจสอบและเข้าเรียนนิติศาสตร์ในรั้วแม่โดมจนจบ ขณะเดียวกันอะตอมรู้ตัวว่าชอบแต่งเพลงและเล่นดนตรีตั้งแต่เด็ก เขาจึงไล่ตามความฝันส่งเดโม่ไปยังค่ายเพลงหลายค่าย จนในที่สุดได้ทำงานเบื้องหลังในวงการเพลง เคยเขียนเนื้อเพลงติดหูให้นักร้องหลายคน อาทิ เพลง ปล่อย – ป๊อบ ปองกูล, เรื่องที่ขอ – ลุลา (ร่วมแต่งกับโตน โซฟา), รักเอย – ดา เอ็นโดรฟิน และเพลงใหม่ของ บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ที่กำลังจะปล่อยออกมาในไม่ช้า

นอกจากเป็นนักร้องขวัญใจวัยรุ่น บทบาทนักแต่งเพลงของเขาถือว่าน่าสนใจมาก เพราะอะตอมเรียนรู้การแต่งเพลงเองตั้งแต่เด็กและใช้เรื่องเศร้าๆ ของตัวเองมากลั่นกรองเป็นวัตถุดิบในการเขียนเพลง จนกระทั่งปัจจุบันเป็นนักร้องเจ้าของ 4 บทเพลงที่ปล่อยออกมาและมียอดวิวรวมใน YouTube ใกล้แตะหลักสามร้อยล้านวิว ดังนั้นในบรรดานักแต่งเพลงไทยรุ่นใหม่ เราจึงมองข้ามคนเขียนเพลงเลือดใหม่อย่างอะตอมไปไม่ได้

The Story Begins เริ่มต้นเขียนบทเพลง

เราเริ่มต้นแต่งเพลงจากการล้อเลียนชื่อพ่อแม่เพื่อนเมื่อตอนป.5 แปลงเนื้อเพลงของศิลปินคนอื่นด้วยการใส่เนื้อร้องตลกๆ ลงไป แซวคนนั้นคนนี้ที ต่อมาพอฟังเพลงมากๆ เข้า ทำให้มีวัตถุดิบเขียนเมโลดี้และเนื้อร้องของตัวเอง อีกอย่างเราชอบแต่งกลอนมาตั้งแต่เด็ก เพื่อนในชั้นส่วนมากแต่งกันไม่ค่อยได้ แต่เราเขียนกลอนที่มีสัมผัสนอกและในได้ลื่นไหลมาก จนบอกเพื่อนว่าถ้าเขียนไม่ได้เอามาให้เราเลย แล้วจ่ายเงิน 5 บาทมาซะ

Made with Passion เขียนเพลงด้วยอารมณ์

ก่อนแต่งเพลง เราต้องรู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับหลักภาษา ต้องเข้าใจการเลือกใช้คำและความหมายให้ลึกซึ้งที่สุด  เราเขียนเพลงออกมาจากอารมณ์และความรู้สึกทุกครั้ง เพลงแรกๆ ที่แต่งเป็นเพลงเศร้าและเพลงจีบสาว ช่วง ม.3 เขียนออกมาหลายเพลง แต่งเสร็จลองให้เพื่อนและพ่อแม่ฟัง มีครั้งหนึ่งประมาณ ม.3-ม.4 ทำวงกับเพื่อนประกวด Hot Wave Music Awards อัดเพลงเสร็จ เปิดฟังในรถ แม่นั่งอยู่ด้วยส่ายหัวแล้วพูดว่าจะเข้ารอบไหมเนี่ย พอส่งประกวดแล้วไม่ติดจริงๆ (หัวเราะ) แต่เราไม่เคยหยุดแต่งเพลงและเล่นดนตรีเลยนะ แล้วเราคิดว่าตัวเองโชคดีมากที่เกิดมาในยุคที่อินเทอร์เน็ตหาข้อมูลได้ทุกอย่าง เราใช้ข้อดีตรงนี้หาความรู้และเปิดโลกดนตรี เพียงแค่ค้นชื่อนักร้องคนหนึ่ง รายละเอียดเกี่ยวกับอัลบั้มและผลงานเขามาหมดเลย ทุกอย่างมีพร้อมให้คุณ ถ้าคุณคิดจะขวนขวายหามัน

 

My Inspiration นักแต่งเพลงที่ประทับใจ

เรามีนักแต่งเพลงที่ประทับใจคือ เจสัน มแรซ (Jason Mraz) เพลง I’m yours ของเจสันเป็นเพลงแรกที่เราตั้งใจฟังเนื้อเพลงภาษาอังกฤษเพราะรู้สึกว่าเขาเขียนเนื้อหาเพลงได้ดี สมัยเรียนม.ปลาย อัลบั้ม We Sing. We Dance. We Steal Things. ของเขาดังมาก เราคิดว่าเขาร้องเพลงชัด มีวิธีการออกเสียงและเลือกใช้คำน่าสนใจ ฟังง่ายและฟังสบาย เป็นอัลบั้มแรกเลยที่หาเนื้ออ่าน พยายามทำความเข้าใจข้อความที่เจสันสื่อสารออกมา เราปิ๊งอัลบั้มนี้มาก เป็นอัลบั้มโปรดเลย แถมยังได้ไอเดียด้านภาษาที่สวยงามของเขามาปรับประยุกต์ใช้กับตัวเราเอง ฝั่งผู้หญิงเราชอบเอมี ไวน์เฮาส์ (Amy Winehouse) ผู้หญิงบ้าอะไรทำเพลงกลมกล่อมและเท่ชะมัด ไม่เหมือนเพลงที่เคยฟังในตลาดทั่วๆ ไป กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราเริ่มหาเพลงอื่นๆ ที่ลึกซึ่งกว่านี้ฟัง ถ้าเปรียบเป็นประตูไปสู่โลกดนตรีอื่นๆ ถือว่าเป็นประตูที่ดีแล้วเปลี่ยนรสนิยมการฟังเพลงของเราไปเลย

No Pain, No Lyrics ไม่มีความเจ็บปวด ไม่มีบทเพลง

เราชอบแต่งเพลงเศร้า เพราะเจอประสบการณ์เจ็บปวดเรื่องความรักหลายครั้ง อารมณ์เศร้าเป็นช่วงเวลาพิเศษ ไม่มีช่วงเวลาไหนที่ทำให้รู้สึกและส่งผลต่อจิตใจมากเท่านี้ เรานิยามว่าตัวเองเป็นคนบรรยายความเศร้าได้ดี เป็นภาษาที่ถนัดและสะดวกใจจะพูด เราแต่งเพลงมากว่า 10 ปีแล้ว ไม่เคยนับจำนวนแน่นอน แต่น่าจะสองร้อยกว่าเพลง เป็นเพลงเศร้าไปแล้ว 70 กว่าเปอร์เซ็นต์

ถึงแม้แต่งเพลงเศร้ามากขนาดนี้ แต่เราไม่ได้เสพติดความเจ็บปวดนะ เพราะถ้าเลือกได้ เราไม่ขอเจอเรื่องแบบนี้อีกแล้ว ถึงให้โอกาสย้อนเวลากลับไปแก้ไขความเจ็บปวดแต่เรายังเลือกคำตอบเดิมคือไม่แก้ไขอดีตแน่นอน เพราะฉะนั้นสำหรับเรา เพลงเศร้าทั้งหมดคือไดอารี่บันทึกเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมาแล้วเราทำออกมาในแบบที่ชอบ

Soul of Soul ชอบเพลงโซล

เราชอบเพลงโซล เพราะเป็นเพลงที่พูดความรู้สึกออกมาได้อย่างจริงใจ ถ้าย้อนกลับไป รากของเพลงโซลแท้ๆ เกิดจากความเจ็บปวดของคนผิวสีที่ถูกกดขี่ เขาต้องการพูดถึงความเจ็บปวดของตัวเองออกมาร้อยเรียง และเล่าเรื่องราวได้อย่างสวยงาม บางครั้งถึงเราฟังเพลงป็อปและอาร์แอนด์บี แต่จะมีกลิ่นของโซลแฝงอยู่ ถ้าให้เทียบเป็นคน เพลงโซลคงเป็นคนที่มีเสน่ห์ทั้งการพูดจาหรือบรรยายสิ่งต่างๆ เขาน่าจะเป็นคนมีปม แต่แบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับความโศกเศร้าให้เราได้เยอะ เพลงโซลจึงเป็นส่วนผสมที่เราเลือกเอามาใช้กับเพลงของตัวเองตลอด

Ingredients of Lyrics วัตถุดิบของการเขียนเพลง

เราแต่งเพลงได้เพียงแค่มีสมุดและปากกา หลังๆ นึกได้แล้วจะอัดเสียงร้องไว้ แต่ส่วนมากจะเขียนลงบนกระดาษแล้วร้องอัดเสียงเก็บไว้ แต่พอเริ่มเขียนเพลงจริงจังเลยหาสมุดมาจด ถ้าคิดเพลงไม่ออกหรือไอเดียหายไปเป็นเดือนแล้วเราทู่ซี้แต่งมันจะออกมาไม่ค่อยดี แต่ถ้าได้ไปเที่ยวออกไปเห็นทะเลภูเขา หรือออกไปไหนไกลๆ เจอสิ่งแปลกใหม่หรือออกกำลังกายจะเป็นการสร้างไอเดียช่วงปี 2558 เรามีสถานที่โปรดแถวสุรวงศ์ เป็นร้านกาแฟในสวนชื่อ Coffee January เราเขียนเพลงใหม่ๆ ที่นั่นเยอะมาก เพราะคนไม่เยอะ ทำให้ได้อยู่คนเดียวเงียบๆ ได้มองต้นไม้สวยๆ และมีกาแฟอร่อยๆ รู้สึกสบายจนต้องกลับไปอีกหลายครั้ง เพราะได้นั่งพักผ่อนทั้งวัน เราชอบการออกไปนั่งคนเดียวเพราะเป็นการปล่อยให้ตัวเองได้มีสมาธิและคิดอย่างอิสระโดยต้องไม่มีใครมานั่งอยู่แล้วชวนคุย

 

Lyrics change life แต่งเพลงเปลี่ยนชีวิต

การแต่งเพลงเปลี่ยนชีวิตเรา การเขียนเพลงทำให้เราสัมผัสชีวิตคน สำหรับเรา เพลงคือสินค้าอย่างหนึ่ง อาจจับต้องเหมือนข้าวของเครื่องใช้ไม่ได้ แต่เพลงจะเข้าไปอยู่ในทุกที่ของคนฟังไม่ว่าเขาจะไปเที่ยวไหน เขาเปิดเพลงเราฟัง ได้ทำให้เรามีโอกาสไปอยู่ในชีวิตของคนหลายๆ คน ไม่ใช่ทุกคนที่มีโอกาสแบบนี้ พี่ตุลย์ อพาร์ตเมนท์คุณป้าเคยบอกเราว่าเมโลดี้และเนื้อร้องคือกระดูกเพลง เป็นแกนหลักของเพลงที่ทำให้เพลงแข็งแรง แต่สิ่งที่เราตั้งใจมาตลอดเลยคือเพลงที่แต่งต้องมีความเป็นธรรมชาติและไม่ประดิษฐ์

My favourite works

01 เพลงขนม – อะตอม ชนกันต์ รัตนอุดม

เพลงขนมเป็นเพลงแรกที่เข้าห้องอัดจริงจังโดยมีพี่ๆ และทีมของวินเทจสตูดิโอ สตูดิโออัดเพลงที่รู้จักกันคอยให้คำแนะนำเนื้อร้องเพลงนี้แต่งจากเรื่องจริง และมีความเป็นเด็กในเพลง เรารู้สึกรำคาญเสียงตัวเองทุกครั้งที่ฟัง เพราะเป็นเสียงที่เพิ่งเริ่มแตกหนุ่ม เพราะวิธีการร้องแบบที่พอกลับไปฟังแล้วส่ายหัวแต่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นและประสบการณ์ที่ดีตอนนั้นเราอยู่ม.5 ต้องขอเงินแม่ไปอัดเดโม่ที่ห้องอัดแถวอุดมสุขอัดเสร็จแล้วส่งไปที่ค่าย ปรากฏว่าค่ายเงียบไปแต่โชคดีที่วินเทจสตูดิโอมีโปรเจ็กต์ที่ทำประจำชื่อ School Gang เป็นการเอาวงเด็กนักเรียนมารวมกัน เพื่อให้ทำเพลงคนละเพลง แล้วทำเพลงเป็นอัลบั้มขายกันเองแบบชิลล์ๆ พอดีเราทำเพลงนี้อยู่แล้ว เลยกลายเป็นหนึ่งในเดโม่ที่เราอัดกับเขา เพลงนี้ยังอยู่ในยูทูบจนถึงทุกวันนี้ มีภาพหน้าเราใส่ชุดนักเรียนตัวอ้วนๆ

02 เพลงลืม – อะตอม ชนกันต์ รัตนอุดม

สมัยมัธยมฯ เราเรียนที่กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ทางโรงเรียนมีงานวันเกิดที่เป็นวันครบของแต่ละรุ่น นักเรียนชั้นม.6 มีหน้าที่รับผิดชอบเป็นคนจัดงานทุกปีตอนนั้นเราอยู่ม.6 มีโอกาสได้แต่งเพลงชื่อลืมประกอบละครเวทีรุ่นตัวเองคือรุ่นBCC157 (Bangkok Christian College รุ่น157)เรามีประสบการณ์ที่ดีกับเพลงนี้เพราะได้ทำงานร่วมกับเพื่อนหลายคนได้อยู่ซ้อมละครเวทีด้วยกันแล้วเราเป็นหัวหน้าดูแลการแต่งเพลงละคร เป็นช่วงชีวิตที่สนุกเพราะลองทำเพลงกันเอง มีน้อง ม.5 มาเป็นโปรดิวเซอร์ที่เพลงเนื้อหาของเพลงสื่อถึงเนื้อเรื่องของละคร พูดถึงเรื่องที่คนเรามักมองข้ามสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวไป จนลืมเก็บเกี่ยวความสุขและดูแลคนใกล้ตัวเราเองถือว่าเป็นเพลงที่เด็กอายุ 17 – 18 ปี พยายามจะเขียนสอนใจคนฟังมากๆ (หัวเราะ)

03 เพลงปล่อย – ป๊อบ ปองกูล สืบซึ้ง

เพลงปล่อย ของ พี่ป๊อบ ปองกูล แต่งในช่วงเรียนมหา’ลัยปีสาม เป็นช่วงที่โดนผลกระทบเรื่องความรัก อาจจะเป็นแค่การทะเลาะกัน ไม่ได้เลิกรา แต่เรารู้สึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมา เลยเขียนลงไป ไม่ได้คิดว่าเป็นเพลงที่ดีหรือคนจะชอบกันเยอะ ความพิเศษของเพลงปล่อยคือเป็นเพลงเดียวที่เป็นทางออกของเพลงเศร้าที่ทุกคนเคยฟังกันมา เพราะเราเน้นให้กำลังใจและปลอบใจคนที่กำลังย่ำแย่เรื่องความรัก ถ้าฟังแต่ท่อนฮุกอย่างเดียวจะเป็นการปลอบใจในทุกๆ เรื่อง เพราะเราแต่งเพื่อปลอบตัวเอง แต่งเสร็จไม่ค่อยได้แบ่งให้ใครฟัง คนแรกๆ ที่ได้ฟังคือพี่ป๊อบ ปองกูล และพี่อาร์ม White Music เข้ามาฟังที่บ้านพี่บอล-กันต์ รุจิณรงค์ มือกีต้าร์วงอพาร์ตเมนต์คุณป้า แล้วมาสะดุดกับเพลงนี้ พี่ป๊อบจึงขอเอาไปร้องเราได้ยินอย่างนั้น รู้สึกยินดีที่จะให้ไปเลย ซึ่งพอเพลงปล่อยออกมา เราคิดว่าดีแล้วล่ะที่พี่ป็อบเอาไปร้องเพราะว่าออกมาแล้วดีมาก ชอบมาก

04 เพลงแผลเป็น – อะตอม ชนกันต์ รัตนอุดม

เพลงแผลเป็น เราแต่งช่วงเรียนมหา’ลัย ปีหนึ่ง เป็นช่วงเดียวกับที่แต่งเพลงplease และเพลงอ้าวสำหรับเพลงแผลเป็น เราได้แรงบันดาลใจมาจากการเห็นแผลของตัวเอง เรามีแผลเป็นอยู่ที่หัวเข่าเพราะโดนมีดบาด เราจำเหตุการณ์นั้นได้ว่าตัวเองแหกปากร้องไห้ ต้องรีบวิ่งไปโรงพยาบาล เรารู้สึกว่าแผลเป็นคือเรื่องเกี่ยวกับความรู้สึก และบาดแผลที่ติดอยู่ในใจแบบไม่มีวันจางหาย เพลงแผลเป็นเป็นเพลงที่เราชอบเนื้อหามากพอเขียนแล้วฟังเองวนไปเรื่อยๆแล้วค่อนข้างรู้สึกว่าเนื้อหามันเจ็บปวดแบบซอฟต์ๆ เจ็บไม่มากแต่เจ็บไม่หาย เป็นเพลงเดียวที่ทำให้เรารู้สึกแบบนี้ได้เพราะตอนเขียนไม่ได้ฟูมฟายรู้สึกเฉยๆ แต่ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องเก่าๆ จะเจ็บขึ้นมาบ้าง ถือเป็นเพลงที่รู้สึกเจ็บน้อยหน่อย ถ้าเทียบกับเพลงทางของฝุ่นจะเจ็บหนักเลย

05 เพลง Please – อะตอม ชนกันต์ รัตนอุดม

เราประทับใจเพลง Please เพลงนี้เป็นลูกรักเบอร์หนึ่งที่บอกเล่าความรู้สึกของเราอย่างซื่อตรง เพราะเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นตอนปี 1 เนื้อหาของเพลงเป็นเรื่องส่วนตัวที่สุดเท่าที่เคยปล่อยออกมา พูดถึงวัยรุ่นที่ชอบใครคนหนึ่ง แต่เขาไม่แน่นอนกับเรา เพราะมีอีกคนที่ดีกว่าทำให้เราสู้อีกคนไม่ได้ การขอร้องเขาให้รักจึงเป็นทางสุดท้ายเพราะไม่รู้ว่าจะสู้ยังไงดี สมัยนั้นไม่ว่าส่งเดโม่ไปที่ไหน เราใส่เพลงนี้ไว้ลำดับแรกเสมอ ตอนที่ส่งเดโม่ไปที่แกรมมี่ บังเอิญเจอพี่แอมมี่ The Bottom Blues เขาได้ฟังแล้วเห็นว่าเข้าท่า เราถึงได้ฝากพี่แอมมี่ยื่นค่าย ปัจจุบันได้กลับมาฟังอีกครั้ง เราคิดว่าจะยอมอะไรเขาขนาดนั้น เราไม่มีดีเลยหรือไง แต่ตอนนี้โตขึ้น การผิดหวังบ่อยๆ เป็นบทเรียนให้ความสัมพันธ์ของคน ตามสถิติเพลง Please เป็นเพลงที่เราแต่งเร็วมาก กลั่นออกมาด้วยอารมณ์ล้วนๆ ใช้เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง พอแต่งเสร็จ เราไม่เคยแก้เลย จนผ่านมา 6 ปี ถึงปล่อยออกมาด้วยความลุ้น แต่สุดท้ายมันเปิดให้เรารู้จักกับคนฟังจริงๆ เหมือนได้เจอคนที่เราอยากได้มาเป็นแก๊งของตัวเองสักที

ภาพ นวลตา วงศ์เจริญ

AUTHOR