4 คอลเลกชันเด่นของ Louvre ที่ไม่ใช่แค่ผลงาน แต่ยังน่าค้นหาทั้งตัวตึกและสถานที่รอบข้าง

บ่ายวันหนึ่งในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิที่เมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส อากาศเย็นจัดจนต้องสวมเสื้อแขนยาว  

ชานชาลาของสถานี Palais-Royal – Musée du Louvre ตกแต่งด้วยกระเบื้องสีขาวมันวาว อันเป็นเอกลักษณ์ของสถานีรถไฟใต้ดิน Metro ในกรุงปารีส

บันไดไม่กี่สิบขั้นพาผู้โดยสารขึ้นจากชั้นใต้ดิน 

นักท่องเที่ยวโพสต์ท่าถ่ายรูปกับสถาปัตยกรรมตระการตาบริเวณประตูทางเข้า

ช่วงบ่ายอย่างนี้ ใช้เวลาต่อแถวไม่นานมาก ก็ได้ซื้อบัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์ Louvre

เแต่เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่ชั่วโมงกับงานศิลปะจำนวน 35,000 ชิ้นที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์…

จะทำเวลาได้อย่างไร ? สงสัยต้องเลือกชมแค่บางส่วนเท่านั้น

1. Louvre พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่เก่าแก่ที่สุดในโลก

ว่ากันว่าต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์ กว่าจะชมงานศิลป์ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ครบทั้งหมดทุกคอลเลกชัน ด้วยเวลาเพียงหนึ่งถึงสองวัน คงเป็นไปได้ยาก…

พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์เปิดทำการเป็นพิพิธภัณฑ์เมื่อปี 1793​ หลังจากที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นป้อมปราการป้องกันข้าศึกในระยะแรก และใช้เป็นพระราชวังของประเทศในเวลาต่อมา

ลูฟวร์เป็นความภาคภูมิใจของชาวฝรั่งเศส เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญทางด้านอารยธรรม ประวัติศาสตร์และศิลปะ ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีรัฐบาลฝรั่งเศสเป็นผู้ดูแลและคอยเลือกสรรงานศิลปะหมุนเวียนออกมาจัดแสดงให้ได้ชม 

มีเรื่องเล่าว่าจริงๆ แล้วคอลเลกชันงานศิลปะและวัตถุจัดแสดงของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์มีจำนวนหลายแสนชิ้น แต่นำออกมาให้ชมเพียงแค่ไม่กี่หมื่นชิ้นเท่านั้น หนึ่งในสาเหตุสำคัญมาจากข้อจำกัดทางพื้นที่ของพิพิธภัณฑ์ ส่วนชิ้นที่เหลือนั้น ทางพิพิธภัณฑ์ก็เก็บรักษาอย่างดี

2. พีระมิดแก้วทางเข้าไปยังพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์

วิวสวยงามบริเวณด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์คือ พีระมิดแก้ว ผลงานการออกแบบของ I.M. Pei สถาปนิกชาวอเมริกัน 

พีระมิดแก้วนี้สร้างขึ้นในปี 1989 หลังจากใช้เวลาถึง 6 ปีในการออกแบบและก่อสร้าง พีระมิดแก้วเป็นส่วนต่อขยายของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ออกแบบตามรูปแบบของสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่เรียบง่าย แต่สง่างาม ตัดกับความหรูหราและเก่าแก่ของอาคารพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ทำให้เกิดเสน่ห์น่าพิศวง 

ภายนอกพีระมิดแก้วเป็นวิวที่สวยที่สุดอีกแห่งในปารีส มีผู้มาถ่ายรูปนับพันคนต่อวัน ถ้าถ่ายรูปช่วงกลางวัน จะเห็นรายละเอียดรอบๆ ของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์อย่างชัดเจน แต่ถ้าเป็นภาพถ่ายหลังจากพระอาทิตย์ตกดิน ช่วงเวลาที่ท้องฟ้ามืดแล้ว พีระมิดแก้วจะส่องประกาย มีความลึกลับน่าค้นหา

ภายในของพีระมิดแก้วเป็นจุดจำหน่ายตั๋วเข้าชมพิพิธภัณฑ์ บางครั้งมีการจัดอีเวนต์ร่วมกับแบรนด์เก่าแก่ของฝรั่งเศส เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมฝรั่งเศส

3. ภาพวาดโมนาลิซาและคอลเลกชันเด่น

พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์แบ่งออกเป็นโซน ตามลักษณะ สมัยและที่มาของวัตถุจัดแสดง แต่ละโซนมีเรื่องราวและจุดเด่นแตกต่างกัน

ส่วนที่ดึงดูดความสนใจของผู้เข้าชมชาวตะวันตก คือ โซนวัตถุจัดแสดงจากอียิปต์ ซึ่งรวบรวมมัมมี่ รูปปั้นและภาพเขียนจากอียิปต์โบราณเอาไว้ โซนนี้ดูมีความขลัง ดึงดูดเราให้เดินตรงเข้าไป ราวกับต้องมนต์สะกด วัตถุโบราณจากอียิปต์เหล่านี้มีอายุกว่าพันปี ทางพิพิธภัณฑ์ต้องดูแลรักษาสภาพอย่างดีในอุณหภูมิที่เหมาะสม เพื่อคงไว้ซึ่งมรดกทางอารยธรรมของโลก

โซนอียิปต์โบราณแสดงให้เห็นถึงการเป็นศูนย์กลางความเจริญของโลกในอดีต ก่อนที่อารยธรรมตะวันตกจะก่อตัวและหยั่งรากลึก คอลเลกชันนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงพลังของฝรั่งเศสในประวัติศาสตร์โลกที่มีศักยภาพในการนำวัตถุจัดแสดงหลายร้อยชิ้นมายังพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ได้

แต่ถ้าชอบความสง่างามของรูปปั้นกรีก ลองเดินมายังโถงบันไดใหญ่ของปีกตึก Denon Wing บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของรูปปั้น ‘The Winged Victory of Samothrace’ ซึ่งเป็นรูปปั้นของเทพี Nike กางปีก สัญลักษณ์แห่งชัยชนะในตำนานเทพเจ้ากรีกโบราณ 

รูปปั้น The Winged Victory of Samothrace สร้างขึ้นเมื่อหลายพันปีก่อน เพื่ออุทิศให้กับเทพเจ้าบนเกาะ Samothrace ของกรีซ แต่เพิ่งถูกค้นพบเมื่อปี 1863 และนำมาจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ในอีก 5 ปีให้หลัง ตำแหน่งที่วางรูปปั้นอยู่ตรงกึ่งกลางของโถงบันได ทิ้งสเปซด้านข้างขวาและซ้ายเท่าๆ กันเพื่อความสมมาตร หากมองขึ้นมาจากด้านล่าง จะดูเหมือนว่าเทพไนกี้กำลังกางปีกโอบกอดมนุษย์อย่างงดงาม

ส่วนใครที่เป็นแฟนของผู้เชี่ยวชาญทั้งศาสตร์และศิลป์ของยุคเรอแนซ็องส์อย่าง เลโอนาร์โด ดา วินชี ก็ห้ามพลาดห้องจัดแสดงภาพโมนาลิซา ซึ่งอยู่ในปีกตึก Denon Wing เช่นเดียวกัน 

ดา วินชีใช้สีน้ำมันบรรจงวาดภาพโมนาลิซาลงบนแผ่นไม้ ซึ่งถือเป็นผืนผ้าใบของศิลปินในยุคนั้น และเพื่อให้ภาพเขียนดูมีความสมมาตร และมองดูมีมิติลึกลับ ดา วินชีใช้เทคนิค ‘Sfumato’ หรือว่าการลงแสง เงาและน้ำหนักให้ไม่คมชัด เลือนลาง ดูคล้ายกับเป็นควันที่จางหายไปกับพื้นหลัง

ดา วินชีเริ่มวาดภาพโมนาลิซาตอนที่ยังอยู่ในประเทศอิตาลี แต่กว่าจะวาดเสร็จทั้งภาพ ก็เป็นช่วงที่ย้ายมายังฝรั่งเศส ภาพวาดโมนาลิซาจึงเป็นสมบัติของฝรั่งเศส แทนที่จะเป็นของอิตาลี บ้านเกิดของดา วินชี 

ใครที่อยากชมภาพโมนาลิซา แนะนำให้รีบไปแต่เช้า เพราะจำนวนผู้เข้าชมบริเวณนี้มีมากล้นตลอดเวลา กว่าจะเข้าไปชมใกล้ๆ ได้ ก็ใช้เวลาพอสมควรเลยทีเดียว

4. เที่ยวร้านรอบพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์

พิพิธภัณฑ์ลูฟว์ตั้งอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำแซน (Seine) ซึ่งเป็นเขตที่ 1 (1er arrondissement) ของกรุงปารีส เขตนี้เป็นเขตแรกที่ตั้งขึ้น และเพิ่มจำนวนเป็นทั้งหมด 20 เขตในภายหลัง

ในเขตที่ 1 เราสามารถเดินต่อไปยังสถานที่สำคัญๆ ของกรุงปารีสได้ในระยะเดินกำลังดี แต่ละที่ล้วนเป็นสถานที่ห้ามพลาดทั้งนั้น ทั้งสวน Jardin du Palais Royal และ Jardin des Tuileries ซึ่งตั้งอยู่รอบๆ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ สองสถานที่นี้เป็นจุดถ่ายรูปที่งดงามที่สุดอีกแห่งหนึ่งของปารีส ในช่วงฤดูร้อนเด็กๆ ชาวฝรั่งเศสจะนำเรือลำเล็กๆ มาลอยเล่นที่สวน Jardin des Tuileries 

เดินถัดมาอีกนิดหน่อย จะพบกับร้านขายหนังสือเก่าเรียงรายริมแม่น้ำแซน พอข้ามสะพาน Pont Neuf สะพานเก่าแก่ที่สุดของปารีสมา จะพบกับสู่มหาวิหาร Notre Dame จากงานเขียนอมตะของ Victor Hugo 

ข้ามต่อไปยังฝั่งซ้ายของแม่น้ำแซน จะมองเห็นร้านหนังสือ Shakespeare and Company ซึ่งเป็นโลเคชันถ่ายทำซีรีส์และภาพยนตร์ที่มีปารีสเป็นฉากหลัง ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ดอกซากุระบริเวณด้านหน้าร้านจะบานสะพรั่งเป็นสีชมพูทั่วบริเวณ

ไม่เพียงแต่นักท่องเที่ยวและนักเดินทางเท่านั้น ชาวปารีเซียงเองก็ชอบที่จะเดินเล่นแถบพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ไม่แพ้กัน 

AUTHOR