“มองโลกอย่างที่เห็น มองโลกอย่างที่เป็น”
แล้วเรายังจะยิ้มได้อีกไหม?
เส้นบางๆ ระหว่างการมองโลกในแง่ดี มองโลกในแง่ร้าย และมองโลกอย่างที่เป็น ช่างเลือนรางจนแทบไม่เห็น
แต่ศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะจากไม้ อย่าง Nico Jullien เลือกมองความจริงของโลกที่บางครั้งโหดร้าย บางทีเกินทน แล้วถ่ายทอดออกมาด้วยอารมณ์ขันและสายตาที่มองโลกในแง่ดี

แล้ว Nico เกี่ยวข้องกับประเทศเกาหลีอย่างไร?
เรื่องราวเริ่มต้นมาจากมิตรภาพตั้งแต่สมัยเรียนของศิลปินระดับโลกชาวฝรั่งเศสอย่าง Jean Jullien และ Jae Huh ผู้กำกับสร้างสรรค์คนเก่งชาวเกาหลีใต้ แล้ว Nico ก็เป็นน้องชายของ Jean นั่นเอง ความผูกพันแบบเพื่อนได้พัฒนาเป็นการทำงานแบบมืออาชีพ ทำให้เราเห็นงานของสองพี่น้อง Jean กับ Nico ในกรุงโซลบ่อยๆ

จะว่าไปเกาหลีเป็นประเทศที่โชคดีมีโอกาสชมงานศิลปะและผลงานออกแบบระดับนานาชาติอยู่ตลอด มีทั้งนิทรรศการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐกับพิพิธภัณฑ์ระดับโลก และการจัดแสดงผลงานในแกลเลอรี่เอกชน ชาวเกาหลีเลยได้สัมผัสกับวิธีคิด วิธีสร้างสรรค์งาน และแง่คิดจากผลงานด้านต่างๆ จากทั่วโลกกันอย่างต่อเนื่อง การแลกเปลี่ยนความร่วมมือในรูปแบบนี้มีส่วนช่วยยกระดับวงการศิลปะและดีไซน์ของเกาหลีให้ขึ้นสู่แถวหน้า ทั้งในเรื่องการถ่ายทอดวิทยาการ เป็นแรงบันดาลใจ และสร้างคอมมูนิตี้งานสร้างสรรค์ที่เติบโตแข็งแรงในระดับโลก ในตอนนี้ผลงานของศิลปินและนักออกแบบชาวเกาหลีกำลังเป็นที่สนใจของผู้คนจากหลายประเทศ
Nico เริ่มต้นเส้นทางการทำงานของเขาด้วยการเป็นนักดนตรี ต่อมาเพิ่มขอบเขตความสนใจมาที่แอนิเมชั่น ก่อนที่จะผสมผสานงานมัลติมีเดียที่รวบรวมศิลปะหลายแขนงเข้าด้วยกัน

ล่าสุดนิทรรศการ Le Dur, Le Mou (Heart and Soul) ของ Nico ที่สร้างสรรค์ร่วมกับ Jae เพิ่งจบลงไปเมื่อสัปดาห์ก่อน สิ่งที่โดดเด่นมากของนิทรรศการนี้คือบรรยากาศโดยรวมในโทนสีพาสเทล เหมือนนำพาเราเข้าสู่โลกสีลูกกวาดที่หอมหวาน แต่สารที่ Nico ถ่ายทอดออกมาในผลงานแต่ละชิ้นกลับตรงกันข้าม
ผลงานในนิทรรศการนี้เป็นการมองความจริงของโลกในแง่มุมต่างๆ ทั้งตลก โหดร้าย และน่ารักน่าเอ็นดู แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร Nico เลือกที่จะนำเสนอออกมาด้วยสายตาที่มองโลกในแง่ดี เหมือนเป็นกำลังใจให้ในเวลาที่รู้สึกแย่กับชีวิต จึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้ที่ชื่นชอบและสะสมผลงานของ Nico หลายคนอยู่ในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของเกาหลี ทั้งในแวดวงศิลปะ การออกแบบ และดนตรี

อย่างผลงานที่มีชื่อว่า ‘Cat on the Head’ ที่เป็นแมวนอนทับศีรษะของมนุษย์ แมวตัวนี้มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แฝงไว้ด้วยเลศนัยบางอย่าง ส่วนมนุษย์เองก็มีใบหน้าที่แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกไม่พอใจ ผลงานชิ้นนี้คงไม่ต่างอะไรจากการที่เราถูกสิ่งต่างๆ ‘ครอบงำ’ ความคิด ผลงานชิ้นนี้จึงเป็นเหมือนเครื่องเตือนใจให้เราตั้งสติ และอยู่เหนือความคิดของเรา

อีกชิ้นที่ขบขันมากคือผลงานที่ชื่อว่า ‘Arm Wrestling’ ซึ่งเป็นการมองความสัมพันธ์ของมนุษย์ที่ขัดแย้งกัน แต่ท้ายสุดก็เกี่ยวกันไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ Nico แทนรูปแบบของความสัมพันธ์นี้ด้วยแขนสองข้างที่งัดข้อกัน แต่ก็แฝงความน่ารักเอาไว้ด้วยรอยสักรูปหัวใจ
ส่วนชิ้นที่สะดุดใจเราที่สุดคือผลงานที่ชื่อว่า ‘Punch’ ซึ่งได้รับการพูดถึงในนิตยสาร Vogue Korea ผลงานชิ้นนี้เป็นการถ่ายทอดสำนวน ‘Punch in the Face’ ในภาษาอังกฤษซึ่งใช้ในเวลาที่เรากระแทกเข้ากับความเป็นจริงของโลก

มันอาจจะเจ็บปวด
มันอาจจะสุดแสนทรมาน
แต่ความจริงนั้นก็ทำให้เราตื่น และมองเห็นสิ่งสิ่งนั้นอย่างที่เป็นจริงๆ
ในมุมของเนื้อหาและความคิดสร้างสรรค์ ต้องยอมรับว่า Nico สื่อสารใจความสำคัญออกมาได้ดีมาก เขาเลือกใช้ไม้ที่มีผิวสัมผัสขรุขระตามธรรมชาติ แล้วนำมาตัดให้เป็นระนาบที่มีรายละเอียด เหมือนเป็นการสื่อความหมายถึงโลกที่สวยงาม แต่ไม่ได้เรียบเนียนไปทั้งหมด เมื่อทาสีอะคริลิกทับลงไป ก็ปิดทับความไม่สมบูรณ์แบบของโลกได้

เรารู้สึกทึ่งกับ Nico ที่พยายามบอกว่าถึงโลกใบนี้จะเต็มไปด้วยความขม
แต่เขาอยากให้เรามองด้วยรอยยิ้ม
เพราะท้ายสุดคงจะทำอะไรไม่ได้
นอกจากหัวเราะไปกับสิ่งสิ่งนั้น
ขอบคุณ
Nico Jullien
working with friends
เครดิตภาพ
working with friends
จินนี่ สาระโกเศศ