ปิดเล่ม 1st Time

วันที่
11

30 ..
2559

วันนี้สนุกมากกกก
ถือเป็นวันแรกเลยที่เข้าออฟฟิศอย่างเป็นทางการ เวลามีความสุขกะงานนี่มันก็ดีนะ
ไม่รู้สึกเลยว่ามันคืองาน คือคิดได้ตลอดเวลา กลับมาถึงหอแล้วก็ยังคิด
เราว่าเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ ความสนุกตรงนี้แหละทำให้เราอยากทำงาน
และอยากทำให้มันเต็มที่

ป.ล. วันนี้มีการเปิด อิ๊กคิวซัง ดูด้วย ตลก 5555
นุ๊บนิพ / กองบรรณาธิการ

เป็นวันแรกสำหรับการแต่งตามธีมเด็กจูฯ
มากันในธีม ‘Brand New, Brand Name’ เราจัดมาเลย
เสื้ออดิดาสกับรองเท้าไนกี้ ทุนนิยมนักใช่มั้ย อีกะทิ มาถึงก็พบว่า
คนอื่นใส่แบรนด์ซ่อน คือป้ายชื่อหลบในอะ อุตส่าห์ถามแล้วนะว่าทุนนิยมใส่ยังไง
ก็มีแต่คนบอกใส่อะไรก็ได้ที่เห็นโลโก้ เห็นชื่อแบรนด์ พวกนี้หนิ
เอิง / พิสูจน์อักษร

ช่วงนี้ถอดเทปแบบ
world wide (ไม่มี web) มากๆ ตั้งแต่

1. สาวไทยที่ตอบคำถามวนซ้ำสองทุกประโยค
เช่น ‘ใช่ เราทานข้าวแล้ว
ซึ่งเราทานข้าวแล้วนั่นแหละ เพราะทำให้ร่างกายแข็งแรง’

2. สาวฝรั่งที่พูดไทยแบบประโยคความเดียวต่อกันไปเรื่อยๆ
เช่น ‘เราทานข้าวแล้ว
ทานข้าวกะเพราไก่ ข้าวกะเพราไก่อร่อย เราชอบทานกะเพราไก่มาก’ ก็ต้องมานั่งรวมประโยคเป็น ‘เราชอบทานข้าวกะเพราไก่มากเพราะมันอร่อย’

3. สาวญี่ปุ่นที่พูดภาษาอังกฤษแบบอังกฤษที่ถูกต้องคำ
อังกฤษที่ผิดหลักการออกเสียงสามคำ และภาษาญี่ปุ่นอีกทั้งหมดที่เหลือ เช่น “ไอ เลิบโดะ เอ อ่า ไท้แลนโดะ คันจะเหรอ” แปลได้ว่า I
love Thailand culture.

ยินดีต้อนรับสู่
AEC
กะทิ
/ กองบรรณาธิการ

วันนี้ไม่ได้เข้าออฟฟิศอีกแล้ว
เพราะไปทำคอลัมน์อยู่เพื่อกิน กับชาวจูฯ อีกสองคน คือไนซ์น้องเล็ก
กับปิ่นช่างภาพ และก็ได้ค้นพบความโหดร้ายของการทำคอลัมน์นี้แล้ว
เพราะการรีวิวร้านอาหาร 5 ร้านในย่านเดียวกันหมายความว่าต้องทำสิ่งเดิมๆ ซ้ำกัน 5 ครั้ง
หมายความว่าในเวลา 5 ชั่วโมง ต้องลองชิมอาหาร 5 จาน จาก 5 ร้านที่กระจัดกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ของย่านนั้น และหมายความว่า ท้องเกือบแตก

เป็นครั้งแรก
(และคงเป็นครั้งเดียว) ในชีวิตที่ได้ลองลิ้มรสความรู้สึกของการต้องปฏิเสธอาหารที่รสชาติสุดยอด
เพราะว่ากินไม่ไหวแล้วจริงๆ ใครจะไปนึกว่าไอ้คอลัมน์เล็กๆ
นี่จะกระทำชำเราร่างกายเราได้มากขนาดนี้

ขอบคุณทั้งไนซ์และปิ่นที่ทำให้เป็นทริปที่ทั้งวุ่นวาย
เหนื่อยจากการต้องคุยกับใครก็ไม่รู้มากมายเยอะแยะไปหมด และขลุกขลักอยู่หลายจังหวะ
แต่ออกมาเป็นทริปที่สนุกมากๆ ได้ เป็นประสบการณ์ที่จะไม่ลืม
เฌอแตม
/ กองบรรณาธิการ

ไปทำคอลัมน์อยู่เพื่อกินกับพี่แตมและพี่ปิ่น
พี่แตมคุยงานทั้งวันดูเคร่งเครียด กินกันท้องแตกตายมาก
พี่แตมน่ารักมาก คอยถามว่าสัมภาษณ์ต่อไหวไหม ทำให้เราอยากทำให้เสร็จด้วยตัวเองเลย
พี่ปิ่นชอบบ่นว่าไม่ใช่สายถ่ายของกิน แต่รูปออกมาเห็นแล้วกลืนน้ำลายไม่ทัน
ฟินสุดของวันคือ The weirdest feeling ที่เรารู้กันสามคนเท่านั้น
🙂
ไนซ์
/ กองบรรณาธิการ

ตามพี่นุกนิกกับพี่ตอง-ชนพัฒน์ เศรษฐโสรัถ ไปถ่ายเบื้องหลังสัมภาษณ์นักเขียน อุทิศ เหมะมูล ที่ร้าน IN the mood for LOVE ร้านตกแต่งสวยดี
เหมาะกับการมานั่งเหงาๆ คนเดียว นั่งฟังสัมภาษณ์เกี่ยวกับชีวิตและงานศิลปะ
แล้วก็เดินหามุมถ่ายพอร์เทรตไปรอบร้าน ทั้งเท่และเหงาไปพร้อมๆ กัน
ถ้ามาถ่ายตอนกลางคืนคงได้สวมวิญญาณหว่องอย่างที่พี่ตองบอกแน่เลย

บ่ายกลับมาออฟฟิศ
พี่ตองมาติวให้ว่าแต่ละคอลัมน์ทั้งในเว็บและในเล่มต้องถ่ายยังไงบ้าง
จะได้ถ่ายถูกตามแบบที่เล่มเคยวางไว้ งานเข้าบ่าย 4 โมงคือการไปเซเว่นฯ รับออเดอร์จากพี่แบบมีปริศนาคำทาย เช่น เยลลี่สีแดงในตู้เปิดเผยของพี่เบนท์ พี่กราฟิกดีไซเนอร์อีกคน งงล่ะสิ ตู้เปิดเผยคืออะไร
ช่อ
/ ช่างภาพ

พี่ๆ
ในออฟฟิศชมว่าเราน่ารักเหมือนพุดเดิล เกือบจะดีใจแล้วครับ อีกนิดเดียว
เอาเป็นว่าขอบคุณอย่างสุดซึ้ง 555 พี่เบิร์ด
ฝ่ายอาร์ต บอกเห็นเรากลับดึกบ่อยๆ เลยให้กุญแจออฟฟิศไว้
ขอบคุณที่ไว้ใจคนหน้าโจรอย่างเรา ถ้าอะไรหายไปคนน่าสงสัยคงเป็นใครไปไม่ได้
พี่คงคิดแบบนี้ (ฮา)
เป็นหนึ่ง / วิดีโอครีเอเตอร์

เป็นครั้งแรกที่มาฝึกงานอาร์ตไดฯ คนเดียว
ปกติจะมีหมิว ตำแหน่งอาร์ตไดฯ เหมือนกันอยู่ที่ออฟฟิศด้วยตลอด
ความรู้สึกของการอยู่คนเดียวมันเป็นแบบนี้เองสินะ เวลาพี่จะมอบหมายงานจะเรียกหมิวตลอด
เพราะสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเราเข้าออฟฟิศน้อยมาก พอมาวันนี้ก็เรียกเหมือนเดิม
เราก็ตอบพี่เขาไปว่า ‘หมิวไม่มา’ พี่ๆ ดูลังเลว่าจะมอบงานให้เราไหม เราเลยพูดตัดก่อนว่า “มีอะไรให้เหมยช่วยไหมพี่?” เขาเลยมอบงานให้เรา
ไม่ได้น้อยใจนะ เข้าใจดีเลยแหละ หลังจากนี้เราจะเข้าออฟฟิศตลอดนะหมิว
เหมยลี่
/ อาร์ตไดเรกเตอร์


วันที่
12

31 ..
2559

เป็นครั้งแรกที่เด็กฝึกงานผู้มีงานเต็มมือได้อยู่กันพร้อมหน้า
15 คน และเป็นครั้งแรกที่พวกเราชาวจูฯ
ได้เริ่มประชุมกันอย่างจริงจังเกี่ยวกับระบบการทำงาน
รวมถึงเริ่มคุยกันเรื่องเมนคอร์ส งานทั้งฝั่งเว็บทั้งฝั่งเล่มเริ่มตีกัน ทางกองฯ ช่างภาพ และวิดีโอฯ ก็เริ่มสับสน เย่ หมดแรงแล้ว การบ้านเพียบ งานยังไม่เสร็จเลย (หัวเราะสิ้นหวัง)
เฌอแตม / กองบรรณาธิการ

วันนี้ขากลับคุยกับกะทิ
พี่เขาเลือกคนมาเก่งนะ แบบเลือกมาพออยู่รวมกันแล้วเข้ากันได้ลงตัวมากเลย เราคิดว่าการที่คนคนหนึ่ง (เช่นเรา เป็นต้น) จะทำงานออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพประกอบด้วย 3 อย่าง

1. งานนั้นต้องมีประโยชน์ เราต้องรู้ว่าเราทำเพื่ออะไร

2. เพื่อนร่วมงานที่นิสัยดีและเก่ง

3. บรรยากาศตอนทำงานต้องเป็นใจ
นั่นหมายถึงมีสภาพแวดล้อมที่ดี ทุกอย่างเอื้ออำนวยต่อความคิดและการสร้างสรรค์งาน

จังหวะในการทำงานก็สำคัญ
จังหวะในการพูดก็ด้วย บางอย่างควรพูดตอนไหน หรือบางอย่างไม่ควรตอนไหน
อะไรคุยกับใครได้ หรืออะไรเก็บไว้ดีกว่า เร็วช้าหนักเบา
เรียนรู้กันไป ดูแลงานให้ดี
ดูแลความรู้สึกของตัวเองและเพื่อนร่วมงานด้วย
นุ๊บนิพ / กองบรรณาธิการ

ตอนนี้มีความรู้สึกสองอย่าง

1. รู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กมัธยมปลายอีกครั้งในแง่ความคิดที่หลากหลายของแต่ละคน
เพราะปกติ mindset ของเพื่อนที่มหาวิทยาลัยจะมีคล้ายกันเนื่องจากเรียนทางเดียวกัน

2. เราอยู่ในรายการ ผู้หญิงถึงผู้หญิง หรือรายการ แจ๋ว ที่ต้องโชว์ท่าจุ๊บนิ้วประจำรายการที่โคตร
dead air ห้าวินาทีทุกวันรึเปล่า
ทำไมมีเราเป็นผู้ชายคนเดียวว้า
กะทิ / กองบรรณาธิการ

หลังจากที่หายไปสู้รบกับการสอบไฟนอล
1 สัปดาห์
วันนี้รีบกลับมาชดใช้กรรมที่ออฟฟิศต่อทันที เพราะกลัวว่าถ้ามาช้ากว่านี้ทุกคนน่าจะไล่เราออกจากทีมแล้ว
ระหว่างหาเรฟฯ สำหรับเล่มต่อไปในกรุอะเดย์หลายร้อยปก
เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อก่อนเราเคยส่งโปสการ์ดมาทักทายอะเดย์ ตอนนั้นเราน่าจะอยู่
ม.5 ถ้านับย้อนเวลากลับไปสัก
4 ปีก็น่าจะเจอโปสการ์ดแผ่นนั้น

a day 134 ฉบับ GTH
เป็นฉบับที่ชอบมากแต่ลืมไปแล้วว่ามีโปสการ์ดตัวเองอยู่
รู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้ที่คนส่งโปสการ์ดเด๋อๆ
ในวันนั้นได้มายืนอ่านโปสการ์ดตัวเองที่ปลายทางในวันนี้ เหมือนส่งหาตัวเองในอนาคตเลย
ทำไมเด็กอายุ 16 คนนั้นถึงรู้ว่าตัวเองจะได้เป็นอะทีมจูเนียร์นะ
บางทีพี่ๆ อะเดย์หลายคนก็อาจจะเคยทำความรู้จักกับเราผ่านโปสการ์ดแผ่นนั้นตั้งแต่ 4 ปีที่แล้วก็ได้
ทราย / กองบรรณาธิการ

การนั่งทำงานในห้องที่มีพี่ๆ
อยู่เยอะๆ ก็ดีเหมือนกัน ได้สังเกตอะไรเล็กๆ น้อยๆ แต่น่าสนใจมากๆ หลายเรื่องเลย
ยิ่งถ้าเพื่อนกลับหมดแล้วเราก็จะเข้ามาเลย มันดีมาก ไม่เหงาด้วย
เป็นหนึ่ง / วิดีโอครีเอเตอร์

ประชุมเรื่องเมนคอร์สรถต่อ
เราเสนอรถไต่ถังไป นี่อยากถ่ายเองส่วนตัวแหละเพราะไม่เคยเห็นด้วยตา แล้วก็คิดเอาเองว่ามุมนี่น่าสนใจแน่ๆ
เสิร์ชดูไปเจอ วรวุฒิ กระดูกเหล็ก เป็นนักโชว์ขับรถไต่ถัง หวาดเสียวดี
ถ้าได้นั่งถ่ายอยู่ข้างๆ คนขับ แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว
ช่อ / ช่างภาพ

“ทำไมต้องสร้างภาพ” คำถามนี้ดังขึ้นหลังจากที่เราแนะนำตัวให้พี่ๆ
อะทีมได้รู้จักแค่อ่านก็หมั่นไส้คนถามแล้วใช่มั้ย
นางมารร้ายชัดๆ (ขออนุญาตไม่เปิดเผยชื่อเพื่อปกป้องความเป็นอยู่ของคนๆ
นั้น) เห็นมั้ย
เราเป็นคนดีแค่ไหน เสียใจ ทำไมมีแต่คนหมั่นไส้ เห้อ…

วันนี้เหมือนทำงานวันแรกเลย
เพราะเป็นครั้งแรกที่พี่ๆ อะทีมและเด็กจู 12
แนะนำตัวกันอย่าง
(เกือบ) เป็นทางการ จะบอกว่าดีใจ ในที่สุดเราก็มาครบกันแล้ว
แต่ลึกๆ ก็เฉยๆ อะ ยิ่งคนเยอะขนมยิ่งหมดเร็วอะ อย่ามาแย่งสิ

‘เด็กๆ ใครอยู่ค้างได้ เตรียมเสื้อผ้ามาด้วยนะ’ ตัวอักษรที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ตอนนี้เป็นสิ่งยืนยันคำพูดของพี่ปูตอนเย็นว่า
“เหนื่อยหน่อยนะ
อยู่กับฉัน” (ไม่ใช่) “พรุ่งนี้คงต้องช่วยกันนะเพราะงานจะเยอะหน่อย” แหม่
ถึงขั้นให้เก็บผ้าเก็บผ่อนไปนอนค้างอ้างแรมที่อื่นขนาดนี้หนูว่ามันไม่หน่อยนะคะเจ้
เอิง / พิสูจน์อักษร

กลับบ้านพร้อมกับ
message ในเฟซบุ๊กที่เด้งขึ้นมาว่า ‘คืนพรุ่งนี้พวกพี่จะปิดเล่มโต้รุ่งกัน
เดดไลน์ 8 โมงเช้าวันพฤหัส
เลยมาถามว่ามีใครอยากอยู่ลองสัมผัสประสบการณ์ปิดเล่มมั้ย’
หมิว / อาร์ตไดเรกเตอร์

ทำงานตัวเองไปเรื่อยๆ
อย่างไม่เร่งรีบเพราะคิดว่างานส่งวันศุกร์
ทำชิลล์ๆ ไปก็ได้ จนกระทั่งพี่หมีมาให้คุยเรื่องงานที่ต้องส่งก่อนปิดเล่ม แล้วปิดเล่มวันไหนล่ะ?
พรุ่งนี้ไง!? เดี๋ยวนะ สรุปงานทั้งหมดต้องส่งพรุ่งนี้เหรอ? นี่เราได้ยินวันพุธเป็นวันศุกร์สินะ Oh my god! พรุ่งนี้ฉันตายสิคะ
อวยพรว่าให้ผ่านไปได้ด้วยดีเถิด
เหมยลี่ / อาร์ตไดเร็กเตอร์


วันที่
13

1 มิ..
2559

วันนี้มีคลาสของพี่เบลล์ที่มาสอนเราเรื่องการสัมภาษณ์
ชอบความอยากรู้อยากเห็นของพี่เขา (อันนี้ชมนะพี่) พอมามองย้อนตัวเราเองก็พบว่ามีคำถามมากมายที่อยากถามคนอื่นอยู่เหมือนกัน
แต่คำตอบที่ได้ก็กลายเป็นเพลงอยากรู้แต่ไม่อยากถามทุกครั้งไป
กะทิ / กองบรรณาธิการ

ตามพี่ฟ้าใส
กอง บ.ก. เว็บอะเดย์
ออกไปท่องซอยร่วมฤดีเพื่อนำข้อมูลมาเขียนลงคอลัมน์ indie in soi ฟ้าหลังฝนก็มืดหม่น
ลมเย็น อากาศดีสำหรับกอง บ.ก. แต่ไม่ค่อยน่าปลื้มเท่าไรในสายตาพี่ช่อที่มาถ่ายรูปประกอบคอลัมน์
แต่ก็ยังดีที่ฝนไม่ตกใส่กบาลให้ต้องวิ่งหนี-ซอยต่อไปทำอะไรดีน้า
เฌอแตม / กองบรรณาธิการ

ได้เห็นบรรยากาศการปิดเล่มของจริงก็วันนี้แหละครับ
สังเกตมาหลายวันแล้วว่าถุงนอนที่อยู่บนชั้นวางในออฟฟิศเนี่ย
เอาไว้ให้ใครใช้เวลาออกไปเข้าแคมป์เก็บข้อมูลที่ไหนหรือเปล่า แต่แล้วดวงแก้วใสๆ
ก็สว่างขึ้นมาในใจทันที เพราะคืนนี้ ที่แท้ก็เอาไว้ใช้ในวันปิดเล่มโต้รุ่งกันนี่เอง

หลายภาพที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน
ก็ได้เห็นกันอย่างเป็นทางการในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบและท่าทางการนอนหลับของเพื่อนๆ พี่ๆ ในทีม
เช่น หลับแบบจูเนียร์ หลับแบบรอเรนเดอร์งาน (ข้าพเจ้าเอง) หลับแบบพิสูจน์อักษร หลับแบบอาร์ตๆ อย่างมีคอมโพสของพี่ฝ่ายอาร์ต
หลับสามบรรทัดแบบ บ.ก. บทความ และหลับแบบโกหกว่าจะไม่หลับแบบ บ.ก. บริหาร

แต่ที่สังเกตได้ตลอดค่ำคืนจนถึงโต้รุ่งคือ ความทุ่มเทแรงกายแรงใจที่แต่ละคนมีให้การทำนิตยสาร
รวมไปถึงเสียงหัวเราะและรอยยิ้มที่เกิดจากการยิงมุขฝืดต่างๆ รวมไปถึงการแซวกันของแต่ละคน
ขอบคุณเพื่อนๆ a team junior 12 ได้แก่ เอิง
เหมยลี่ และหมิว ที่อยู่ช่วยงานพี่ๆ
พร้อมทดลองสัมผัสบรรยากาศการปิดเล่มร่วมกับรุ่นพี่อย่างเป็นทางการอย่างแท้จริง

ป.ล. ความพีกของค่ำคืนนี้คือ การอบป๊อปคอร์นของเอิง ที่ชั้น 3 ซึ่งใช้ไฟแรงเกินจนมันไหม้
และส่งกลิ่นเหม็นฉุนไปทั้งออฟฟิศยามค่ำคืน
เป็นหนึ่ง / วิดีโอครีเอเตอร์

“นกร้องแล้ว” “ฝนตกบ้าอะไรล่ะ
แดดออกแล้วเนี่ย” เป็นคำพูดที่พี่ก้องพูดขณะเปิดหน้าต่างชั้น
5 ตอนตี 5 ครึ่งพร้อมกับกลิ่นฝนจางๆ
ที่เข้ามาในห้อง ไม่ใช่ว่ามาทำงานออฟฟิศตั้งแต่เช้า แต่เรา-ยัง-ไม่-ได้-นอน

ใช่จ้า
วันนี้เป็นวันปิดเล่ม ฝ่ายปรู๊ฟอย่างเราก็ต้องทำหน้าที่ให้ถึงที่สุด
ทุกอย่างจะต้องไร้ที่ติก่อนส่งโรงพิมพ์ เป็นความกดดันเบาๆ
ที่คนอื่นเขาไม่อาจเข้าใจ กดดันกว่านั้นยังมี เพราะเมื่อปรู๊ฟคอลัมน์นึงเสร็จ
เราต้องเดินเอาไปให้พี่ก้องอ่านต่อ มายก็อด
คือถ้าพี่ก้องไม่มองอย่างชื่นชมก็รู้เลยว่าอีนี่โง่ มันเข้ามาในทีมได้ยังไง

“เอิงถือว่าเข้มแข็งมากนะ
พี่ภูมิใจในตัวเอิง” พี่ก้องพูดขึ้นขณะตรวจงานชิ้นที่
7 จาก 12 (หารู้ไม่ว่า 3
วัน
2 คืนเอิงก็อยู่มาแล้วจ้า)

ขอบคุณหมิว
เหมยลี่ เป็นหนึ่ง และพี่ๆ ที่ทำให้ค่ำคืนปิดเล่มครั้งแรกผ่านไปด้วยเสียงหัวเราะ
และป๊อปคอร์นที่ไหม้
เอิง / พิสูจน์อักษร

ก่อนหน้าวันนี้เวลา
3 ทุ่มกว่าๆ
พี่เบิร์ดทักมาถามว่า ‘พรุ่งนี้เป็นวันปิดเล่ม พวกพี่จะอยู่กันทั้งคืนจนถึงเช้าวันพฤหัส
ถ้าอยากลองสัมผัสวันปิดเล่มก็อยู่ค้างกันได้’ เราเลยตอบไปแบบไม่ลังเลว่า
‘อยู่ด้วยค่ะพี่’ แล้วก็นอนพร้อมกับตื่นเช้ามาอย่างปกติในวันที่ฝนตก
มาทำงานเหมือนเดิมเพิ่มเติมแค่ไม่ได้นอน เวลาผ่านไป แป๊บๆ ก็ตี 5 เสียงไก่ขันเตือนสติขึ้นมาอีกครั้ง
พลางคิดว่านี่เราไม่ได้นอนจริงๆ เหรอ แต่พี่ๆ ทุกคนก็ทำงานกันตลอดเวลา
ยอมรับเลยว่าวันปิดเล่มนี่โหดสุด จะมีวันแบบนี้อีก 2
ครั้ง
แค่คิดก็เหนื่อยแล้ววววว~
เหมยลี่ / อาร์ตไดเรกเตอร์

วันนี้นั้น
ฉันตาย

เป็นวันที่สนุก
ตลก และเหนื่อย ตุนของกินมาสำหรับการนอนออฟฟิศเยอะสุด คุยกับเพื่อนๆ พี่ๆ เฮฮา
แม้ว่างานของทุกคนจะรุมเร้าแค่ไหนก็ตาม นั่งเลย์คอลัมน์ cover ground กันอ่วมเลยทีเดียว
ตั้งแต่บ่าย 3 ผ่านเที่ยงคืนไปเลยจ้า เนือยมาก และค่ำคืนนี้ก็ผ่านพ้นไปโดยที่เราแอบเททุกๆ
คนไปนอน ฝันดี
หมิว / อาร์ตไดเรกเตอร์


วันที่
14

2 มิ..
2559

หลังจากพี่ๆ
ส่งข่าวมาว่า จูเนียร์ปีนี้จะได้ฝึกทำเมนคอร์สกับพี่ๆ แค่เล่มเดียว
ก่อนที่จะเริ่มทำเล่มของตัวเองเลย ทำให้พวกเราตัดสินใจเริ่มพูดคุยกันเพื่อตามหาเมนคอร์สที่ใช่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ตอนเช้าเลยเป็นการหยิบเมนคอร์สที่แต่ละคนคิดมาดูกัน
ว่าแต่ละหัวข้อน่าทำหรือไม่น่าทำยังไงบ้าง
ซึ่งก็ทำให้ได้เห็นความสนใจของแต่ละคนเพิ่มมากขึ้นอีกนิด

สิ่งนึงที่เราชอบเกี่ยวกับทีมนี้คือทุกคนมีความคิดเห็น
และไม่ใช่เป็นแค่ความคิดเห็นที่นั่งๆ อยู่แล้วก็คิดขึ้นมาได้
แต่หลายคนจะมีความคิดเห็นแบบที่ต่อยอดมาจากการฟังคนอื่นในทีมแสดงความคิดเห็น
มันเลยสามารถงอกเงยออกมาได้เรื่อยๆ กรอบของความเป็นไปได้มันเลยขยายไม่สิ้นสุด
เป็นทีมแบบที่ทำงานด้วยแล้วสนุกอะ เวลาประชุมแล้วได้อะไรเจ๋งๆ น่าสนใจเยอะแยะเลย
เฌอแตม / กองบรรณาธิการ

ตามไปดูเป็นงานแรกที่ทำเต็มตัว
เขียนยากมาก งงกับสิ่งที่ต้องเขียนพอสมควร รู้ซึ้งแล้วว่าควรถอดบทสัมภาษณ์ละเอียดๆ ทุกวินาทีจะดีที่สุด วันนี้พี่ฟ้าใสเลยทำงานหนักเลย
เราก็คิดนะว่าถ้าเขียนให้เก่งๆ กว่านี้ได้จะดีมาก อย่างน้อยก็เป็นการช่วยลดงานของ partner ที่เราไปทำงานด้วย หางานเข้าตัวละค่ะต่อจากนี้ ไม่ได้อยากทำงานหนักนะ
แต่อยากเพิ่มสกิลตัวเองมากกว่า จบงานนี้ที่เคยทำมาก่อนหน้านี่จิ๊บๆ ไปเลยค่า
นุ๊บนิพ / กองบรรณาธิการ

วันนี้พี่ๆ
ชมงานเรา / ดีใจแบบ a day that changed my life / อ้าว เขาให้กำลังใจทุกคนอยู่แล้ว
กะทิ / กองบรรณาธิการ

ผลพวงจากการอยู่ออฟฟิศข้ามคืน
คือนั่งหลับบนโต๊ะที่เพื่อนกำลังเสนอไอเดียในการทำเล่ม 191 แต่ก็ยังพยายามตื่นขึ้นมาเก็บฟุตเทจภาพบรรยากาศความตึงเครียดและสนุกสนานเฮฮาของเพื่อนๆ
ในที่ประชุม ข่าวร้ายคือ ต้องแก้คลิป a
team junior weekly อีกรอบ คือ ผ่านมา 3 สัปดาห์แล้ว
ยังไม่ได้ปล่อยเลย บอกตัวเองว่า พรุ่งนี้ต้องจบนะ
เป็นหนึ่ง / วิดีโอครีเอเตอร์

แอบมีความหวังว่าจะได้กลับบ้านตอนเที่ยงเล็กๆ แต่ต้องรอเอิงก่อนแล้วจะได้กลับบ้านพร้อมกัน สรุปพอตอนบ่ายนางบอกว่า “พี่ปูบอกให้รอ ปรู๊ฟงานตอนทุ่มนึง” / อดกลับบ้าน
และรอดูกันต่อไปว่าวันนี้จะได้กลับบ้านหรือไม่
หมิว / อาร์ตไดเรกเตอร์

กว่า 35 ชั่วโมงที่เราอยู่ในออฟฟิศแห่งนี้มา ถุงขนมและอาหารจำนวนนับไม่ถ้วนที่พลีชีพเพื่อให้กองทัพมีแรงได้เดินหน้าต่อเอ่อล้นออกมาจากถังขยะใกล้ตัว

“ชีวิต…” พี่ปูพูดขึ้นขณะกำลังแก้ไฟล์งานก่อนส่งไปทำเพลต

“แค่โดนทำร้าย” เราที่นั่งอยู่ข้างๆ ต่อให้พี่แกในใจ พร้อมกับนิ้วมือที่จิ้มลงบนแป้นคีย์บอร์ดเพื่อแก้งาน

“แต่ที่สุดมันต้องไม่โดนทำลาย” เป็นท่อนที่เรามาร้องต่อ ขณะพิมพ์ไดอารี่ (ยัง ยังร้องไม่จบอีก)

ไม่รู้ว่าเพราะความตื่นเต้น
หรือการปิดเล่มมันช่างสนุกเหลือเกิน
ไม่มีสัญญาณแห่งความง่วงปรากฏขึ้นในตัวฐิตาแม้แต่น้อย มีแต่ความหิวและกระหายในชานมไข่มุก
ที่โหยมานานแสนนานแต่ไม่มีโอกาสได้ออกไปไกลเกินระยะทางระหว่างออฟฟิศกับเซเว่นฯ หวังว่าพรุ่งนี้จะได้ลิ้มรสเธอสักที… ชานม
เอิง / พิสูจน์อักษร


วันที่
15

3 มิ..
2559

เลื่อนฟีดเฟสบุ๊กเจอเพื่อนหลายคนเขียนไดอารี่ที่เขาไป
Work and Travel เราก็เขียนเหมือนกันต่างกันแค่
Work and (no) Travel
กะทิ / กองบรรณาธิการ

การไปงานอาร์ตสำหรับเด็กสายเศรษฐศาสตร์แบบเราไม่ใช่เรื่องปกติทั่วไป
ถ้าไม่ใช่เพราะต้องไปทำงาน ชีวิตนี้คงไม่ได้สัมผัสกับงานสายนี้แน่นอน
การทำงานตรงนี้เหมือนเปิดโลกเรามากขึ้น ออกจากกรอบความคิดเดิมๆ
สัมผัสมุมมองมิติใหม่ๆ ของคนในสังคม นิทรรศการนี้เขาทำละเอียดมาก
มากถึงขนาดที่ว่าแค่เส้นตรงสองเส้นก็ต้องมีเหตุผลในการเอามาต่อกัน

เราเคยอ่านแต่กราฟ
แต่วันนี้เราต้องมาอ่านเส้นกริด เราคุ้นเคยแต่ทฤษฎีคณิตศาสตร์ คำนวณและหาผลลัพธ์
ในขณะที่กลุ่มดีไซเนอร์เหล่านี้เอาทฤษฎีทางตัวเลขมาเป็นแกนหลักในการออกแบบงานแต่ละชิ้น
เราบอกพี่ก้องว่าไม่คุ้น และไม่ค่อยชอบงานแบบนี้เท่าไหร่
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะเปิดตัวเองไปรับสิ่งใหม่ๆ เหล่านี้ไม่ได้สักหน่อยนี่นะ
นุ๊บนิพ / กองบรรณาธิการ

เรนเดอร์ a team junior weekly_final_final_final++++ ผ่านแล้ว
วันนี้พี่ก้องกับพี่เอี่ยว เซอร์ไพรส์ด้วยการบอกว่า บ่าย 3 โมงกว่าๆ วง Slot Machine จะเข้ามาออฟฟิศนะ ให้คิดว่าจะถ่ายยังไง
อะไรได้บ้าง เดินออกจากห้อง หยิบมือถือมาดูนาฬิกา 13.30
น. ตื่นเต้นระดับสิบ เพื่อนๆ เป็นติ่งกันเยอะ
เลยโชคดีมีคนช่วยคิดคำถาม
เป็นหนึ่ง / วิดีโอครีเอเตอร์

วันนี้ได้สัมภาษณ์ Slot Machine!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! (ใส่อัศเจรีย์ไปอีกสักยี่สิบล้านตัว)

ตลอดทั้งวันทำงานมาเรื่อยๆ
มีอีดิตคอลัมน์ ซอยร่วมฤดี ลงเว็บ พร้อมหาข้อมูลเพื่อทำเมนคอร์ส
จนกระทั่งพี่เป็นหนึ่งเดินมาบอกว่ามีงานด่วนเข้า นั่นคือ Slot Machine กำลังจะมาเยี่ยม พี่ๆ อยากให้มีวิดีโอเล็กๆ
แบบ exclusive จากเราสักนิดนึง
พี่เป็นหนึ่งบอกว่าอยากได้คนช่วยคิดคำถาม แล้วก็ช่วยไปเป็นคนสัมภาษณ์ให้ด้วย

โอ้ว มาย
ก๊อด งานเร่งงานด่วนงานสัมภาษณ์สด วินาทีนั้นคือไม่เชื่อจริงๆ
ว่าตัวเองจะได้มีโอกาสสัมภาษณ์พี่ๆ 4 คนที่เราฟังอยู่ทุกวันเช้าเย็น ตื่นเต้นมาก
ยิงคำถามแบบไม่เป็นโล้เป็นพาย (ถ้าเตรียมคำถามไม่ดีหรือต้องสัมภาษณ์นานกว่านี้คงมีคอขาด) แต่พี่ก็ไนซ์มากและพยายามตอบคำถามอันซับซ้อนน่าสับสนของเราให้เจ๋งที่สุด-ทุกคนรอซื้อ Spin the World กันนะ อัลบั้มเค้าดีจริงๆ กรี๊ด
เฌอแตม / กองบรรณาธิการ

ประชุมงานเมนคอร์สเรื่องรถต่อแล้วก็แจกงานที่ช่างภาพต้องไปคิดมุมมองภาพถ่ายมา
ความบังเอิญวันนี้คือมีคนใส่เสื้อดำเกงยีนส์มาเหมือนกัน 5 คน เรา นัท ปิ่น พี่เอี่ยว และกะทิ
ก่อนกลับเลยถ่ายรูปรวมกัน ตลกดี
พี่โตบอกเหมือนวงร็อกมาโปรโมตอัลบั้มใหม่ที่ออฟฟิศ
ช่อ / ช่างภาพ

คิดถึงตอนตัวเองเป็นคนอ่าน
เราตื่นเต้นทุกครั้งกับเมนคอร์สของอะเดย์ มีหลายเล่มที่เราอ่านแล้วประทับใจมาก
มันมีส่วนในการเปลี่ยนความคิดและทัศนคติเราหลายอย่าง
เรียกได้ว่าชีวิตเราส่วนหนึ่งเติบโตมาจากการอ่านอะเดย์เลยก็ว่าได้
เราเคยสงสัยว่าคอนเทนต์เหล่านี้มาจากไหน
กว่าจะทำเสร็จแต่ละเล่มต้องใช้พลังงานไปเท่าไร

วันนี้เราเริ่มเข้าใจแล้วว่าการทำหนังสือสักเล่มที่มีเดดไลน์เป็นตัวกำหนดแบบเดือนต่อเดือนมันไม่ใช่ง่ายๆ
เลยเริ่มรู้สึกกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ในขณะเดียวกันก็ยิ่งรู้สึกท้าทายและอยากทำให้ได้ ไม่ใช่แค่อยากทำให้เสร็จๆ ไป
แต่เราอยากทำให้คนอ่านตื่นเต้นไปกับหนังสือที่เราทำ
เหมือนที่เราเคยตื่นเต้นกับอะเดย์ทุกๆ เดือน
ทราย / กองบรรณาธิการ


วันเสาร์

4 มิ..
2559

นั่งทบทวนตัวเองเรื่องการฝึกงานเต็มๆ ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา
ความสุขในการอยู่ที่นี่มีอยู่จริง

เราอายุยังน้อย
ยังอยากทำสิ่งที่ต้องการ ยังพร้อมเจอโลกกว้าง ยังไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ด้วยวัยแค่ 21 ปี เราเปรียบเสมือนเด็กที่สดใสเหลือเกิน
ทำทุกอย่างด้วยความรัก จะได้อะไรตอบแทนมาไหม เราไม่สน เราขอแค่ได้ทำ
ช่วงเวลาตอนนี้สำหรับเรามันมีค่ามากนะ
เพราะไม่รู้ว่าเราต้องทำงานเพื่อเงินเมื่อไหร่

เมื่อวันนั้นมาถึง
สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้คงจะเป็นเพียงช่วงที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งของชีวิต
อีกวันหนึ่งที่ฉันเติบโตขึ้น ฉันจะเข้าใจโลกนี้มากกว่าเดิม

โตเป็นผู้ใหญ่นี่มันไม่ง่ายเลยนะ ว่ามั้ย

นุ๊บนิพ / กองบรรณาธิการ

AUTHOR