ปวยบลา เมืองมรดกโลกในเม็กซิโก และการจากลาที่คาดไม่ถึง

Who can say where the road goes? Where the day flows? Only time. And who can say if your love grows

As your heart chose? Only time

(ท่อนแรกของบทเพลง Only Time โดย Enya)

1

ผ่านพบ เพื่อพลัดพราก

เดินทางเข้าสู่ย่านเมืองเก่าของเมืองงามปวยบลา (Puebla) พร้อมกับ “ไอ้น้ำเงิน” จักรยานคู่ใจคันเก่ง โฮสเทลที่จองไว้แล้วในย่านนี้

จักรยานพาผมระเหเร่ร่อนมาแล้วสองเดือน จากตอนเหนือของประเทศเม็กซิโก จนกระทั่งล่วงเข้าสู่พื้นที่ภูเขาค่อนมาทางตอนใต้ ระยะทางร่วม 2,000 กิโลเมตร ถึงที่พักก็จัดการเช็คอินตามปกติ เจ้าหน้าที่พาไปยังห้องพักแบบรวม แนะนำห้องอาบน้ำและส้วม พาไปดูห้องนั่งเล่น ห้องครัว ระเบียงกว้างสำหรับนั่งเล่น พร้อมทั้งบอกพาสเวิร์ด wifi 

จัดแจงข้าวของเข้าที่เสร็จแล้ว ผมกับไอ้น้ำเงินออกไปสำรวจเมืองและหาอะไรกิน เพิ่งจะบ่ายนิดหน่อยเอง เวลาถมถืด กระดี๊กระด๊าร่าเริงกันออกนอกหน้า เพราะจองที่พักไว้ห้าวัน หมายความว่าจะได้พักกันยาวหน่อย ไม่ให้ดีใจได้อย่างไร

เมืองเก่าที่นี่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปีค.ศ. 1987 เป็นเครื่องการันตีคุณภาพให้แก่นักท่องเที่ยวระดับหนึ่ง มาถึงจริงก็เห็นด้วย เมืองนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายร้อยปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่สเปนเข้ายึดครอง ตึกรามสูงไม่กี่ชั้น แต่ดูสวยสง่า โบสถ์สีลูกกวาดคั่นแทบจะทุกห้าสิบเมตร ศาสนสถานเยอะเหลือเกิน ห้องสมุดเก่าแก่ที่สุดในทวีปอเมริกาก็อยู่ในเมืองนี้ ลวดลายชดช้อยทั้งด้านนอกและด้านในอาคาร กระเบี้องเคลือบลายสีน้ำเงินดินเผา เหล่านี้เห็นได้ทั่วไป แต่งแต้มเมืองให้สวยคลาสสิก ถนนปูด้วยก้อนหินหรืออิฐหนอน ผังเมืองออกแบบไว้อย่างดี รสชาติเมืองปวยบลาช่าง “อร่อย” จริง ๆ

พวกเราวนชมเมืองกันเป็นชั่วโมง ความหิวยิ่งทวีคูณ ต้องแวะหาอะไรกินแล้วล่ะ เจอร้านแป้งทอด ข้างในมีไส้หลากหลายให้เลือก เรียกว่าโมโลเตส (Molotes) เห็นว่ายังไม่เคยลอง ก็ชิมสักสองชิ้นโตไม่เสียหลาย จักรยานพิงไว้หน้าร้าน 

กินเสร็จ จ่ายเงิน ออกมา ไอ้น้ำเงินอันตรธานไร้แม้กระทั่งเงา! รู้ทันที ว่าโดนมือดีฉกมันไปแล้ว เหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็วและแสนง่ายดาย แบบนั้นเลย

เรายังไม่ได้กล่าวคำลากันเลยนะไอ้เพื่อนยาก ตลอดสิบห้าปีที่พวกเราเดินทางหัวหกก้นขวิดด้วยกัน ผ่านประเทศแล้วประเทศเล่า ยังไม่ได้ทันตั้งตัว จู่ ๆก็จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ชั่วดีดนิ้วมือยังไม่ทันหายดัง จักรยานคู่กายถูกกลืนหายไปในเมืองใหญ่ที่เพิ่งจะมาถึง

บทจะจากกัน ก็ไม่ร่ำลากันเสียหน่อย จากกันง่ายเกินไป เช่นนี้เองหรือ

2

(Just) let go

สายๆ วันถัดมา หลังจิบกาแฟ ทำข้าวผัดกิน เสร็จแล้วก็ออกเดินกับเจเรมี เพื่อนร่วมโฮสเทลชาวฝรั่งเศส (เขาเดินทางโดยเรือข้ามแอตแลนติกจากยุโรปมายังซีกโลกนี้กับแฟนสาวจูเลีย) ไปยังจุดที่น้องพนักงานโฮสเทลบอกว่าปกติย่านนั้นคนเขามักจะเอาของมือสองมาวางขาย รวมทั้งจักรยานด้วย 

อันที่จริง ผมทำใจ “ปล่อย” ไอ้น้ำเงินไปได้แล้วตั้งแต่เมื่อวานเย็นตอนที่เดินผ่านลานหน้าวิหารแห่งเมืองปวยบลา (Puebla Cathedral) วงดุริยางค์กำลังบรรเลง ฝนโปรยเม็ด เสียงดนตรีและบรรยากาศผสมกันระหว่างเสียดายกับตัดใจ อธิบายยาก แต่มันรู้สึกประมาณนั้น ใจหายและเสียดายอยู่ลึกๆ แต่ในเมื่อรู้ว่าทำอะไรไม่ได้ก็ต้องยอมปล่อย ไม่มีประโยชน์ที่จะตีอกชกตัวหรือฟูมฟาย

มองในแง่หนึ่ง จักรยานเป็นเพียงสิ่งของ แต่อีกแง่ มันมีคุณค่าทางใจ ผมเองดีใจที่รู้สึกโหวง ๆแบบนั้น มันแสดงให้เห็นว่าของบางอย่างมีความหมายต่อชีวิตจิตใจ ก็ย่อมต้องรู้สึกสิ เทียบกับสิ่งของ (หรือผู้คน) ที่เราเฉยๆ ด้วย จะอยู่หรือจะจากไปก็คงไม่กระไร ใช่ไหม 

ใช้เวลาร่วมสี่ชั่วโมงออกเดินกันสองคน ไม่เจอเบาะแสไอ้น้ำเงิน แต่สิ่งที่ได้แทน คือเพื่อนใหม่ที่ไม่ได้รู้จักมักจี่ แต่เห็นความพยายามในการช่วยออกไปตามหาเจ้าเพื่อนยาก

อีกอย่าง จักรยานกับสิ่งของหายไปในประเทศนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าบ้านเมืองนี้น่ากลัวชนิดที่ต้องระวังตัวแจหรืออันตรายเกินกว่าจะมาเที่ยว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความเลินเล่อของผมเองด้วย เหตุการณ์นี้หาได้ทำให้ตึกรามบ้านช่องซึ่งมีสีสันสดใสดูหม่นหมองลงแต่อย่างใดไม่ เมืองนี้ก็ยังคงสดสวยเช่นเดิม สองเดือนที่เดินทางในเม็กซิโก ผมได้สัมผัสมิตรภาพและความมีน้ำจิตน้ำใจของคนเม็กซิกันมาก 

มากกว่าสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ด้วยซ้ำ

3

เหตุผลของการจากลา

ผมถามตัวเอง ว่าได้เรียนรู้อะไรเป็นเรื่องเป็นราวจากการทำจักรยานหายไปหรือไม่

ตลอดช่วงชีวิต ผมทำหลายอย่าง ทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรมสูญหาย ไม่ก็ทำมันพัง นี่ก็เป็นอีกครั้ง ดังนั้น จะว่าเป็นความคุ้นชินชนิดหนึ่งก็คงไม่ผิดนัก ผลพวงตามมา คือสามารถทำใจได้เร็วขึ้นทุกครั้งที่ต้องสูญเสียของรัก ยึดติดน้อยลง และน้อยลงเรื่อย ๆ 

สำหรับนักเดินทางแล้ว วิธีท่องโลก ระยะทางกับระยะเวลา เหล่านี้ไม่ค่อยถูกจำกัดด้วยกรอบและค่านิยมหลักของสังคม แต่ละคนเลือกเดินทางด้วยรูปแบบจำเพาะ โลกกว้างเป็นเบ้า หล่อหลอมนักพเนจรนิยมเหล่านี้ โดยมีสาระบันเทิงให้เก็บเกี่ยวไปด้วยระหว่างทาง บางอย่างกลายเป็นบทเรียนสำคัญ

ครั้งนี้จำเป็นต้องตัดสินใจ ว่าจะยังคงมุ่งไปข้างหน้ายังจุดหมายต่างๆ ด้วยวิธีเดิม โดยหาซื้อจักรยานคันใหม่ หรือจะเปลี่ยนวิธีการ ลังเลอยู่สองสามวัน ตัดสินใจ “ฟัง” เสียงจากข้างใน เดินไปยังร้านขายอุปกรณ์ทางทหาร ซื้อเป้ใบขนาดกลางสีน้ำเงินสด จัดการเคลียร์ของใช้ที่ไม่จำเป็นออกเพื่อจะพอดีกับกระเป๋า ข้าวของน้อยลงกว่าเดิม 

และกระเป๋าใบนั้นผมตั้งชื่อให้มันว่า “ไอ้น้ำเงิน”

มองแบบคนโลกสวย การที่จักรยานคันโปรดหายตัวไป เพราะมันมีเหตุผลรองรับอยู่เพียงพอที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ (everything happens for a reason) และก็อาจจะเป็น “จุดเริ่มต้น” ของย่อหน้าถัดไป อาจจะเป็นสัญญาณบ่งบอกไม่ให้ไปต่อด้วยวิธีเดิมก็เป็นได้ ดังเช่นบทเพลง Only time ของ Enya ความหมายของเนื้อเพลงสื่อให้เห็นว่า แท้จริงไม่มีใครรู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเราบ้าง เราไม่สามารถคาดเดาและมั่นใจในแผนการต่าง ๆ เราอาจจะหวังให้เกิดสิ่งหนึ่ง แต่ใครเล่าจะล่วงรู้ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไร 

มีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะคลี่ม่านแห่งอนาคตให้ปรากฎเมื่อเราเดินทางไปถึงช่วงเวลานั้น ๆแล้ว

AUTHOR