บ่ายวันอังคารที่เวลาเดินช้าลงในเมือง Nice

14:39

หากเป็นช่วงฤดูร้อนแสนสดใส ชายหาดแห่งนี้คงคับคั่งไปด้วยนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่หลั่งไหลเข้ามาชื่นชมความงามและความน่ารักโรแมนติกชวนกุ๊กกิ๊กหัวใจของ French Riviera และบรรดาเมืองน่ารักทางฝรั่งเศสตอนใต้ริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แต่ในตอนนี้ที่โลกหมุนให้ฤดูร้อนโบกมือจากไปและรับเอาลมเย็นของฤดูใบไม้ร่วงเข้ามาแทนที่ เหล่านักท่องเที่ยวก็ต่างโบกมือบอกลา ‘นีซ’ ไปพร้อมกัน สังเกตได้จากจำนวนคนที่นั่งเล่นอยู่ริมหาดทรายที่บางตากว่าเดิม มีเพียงคนพื้นที่เท่านั้นที่มานั่งปิกนิก พาน้องหมาออกมาเดิน วิ่ง และขี่จักรยาน หรือหากมองดูบรรดาอพาร์ตเมนต์สีสันน่ารักสดใสจะเห็นว่าแต่ละตึกต่างปิดประตูบานเกล็ดลงมาเนื่องจากเจ้าของที่พักย้ายกลับไปทำงานในเมืองใหญ่

แม้ว่าบรรยากาศโดยรอบดูเงียบเหงาลงไปบ้างแต่ก็ไม่ทำให้ความงามของท้องฟ้าที่แสนจะสดใส ทะเลสีคราม และเกลียวคลื่นสีขาวลดน้อยถอยลงไปเลย

pastedGraphic.png

เราเดินทอดน่องเลียบถนน Promenade des Anglais รับลมทะเลไปเรื่อยๆ พร้อมกับฟังเพลงจากเพลย์ลิสต์ Soft French Song ใน Spotify (แนะนำให้คุณผู้อ่านกดฟังไปด้วยกัน) เนื่องจากพักหลังมานี้เราพยายามหาเพลงในภาษานั้นๆ ฟังประกอบการเดินเล่นไปด้วยเสมอเพื่อเป็นการเพิ่มความจุ๊ดจิ๊ดในหัวใจ ดึงบรรยากาศโดยรอบจากที่น่ารักมากๆ อยู่แล้วให้มีความรื่นรมย์มากขึ้นกว่าเดิม

อย่างที่กล่าวไว้ในตอนต้นว่านักท่องเที่ยวจากจรไปพร้อมๆ กับช่วงฤดูร้อนโบกมือลาไป ฉะนั้นผู้คนโดยรอบที่เดินสวนกันไปมาในตอนนี้จะเป็นคนฝรั่งเศสที่อยู่อาศัยที่นี่เสียเป็นส่วนใหญ่ เราจึงได้เห็น ‘นีซ’ แบบที่ไม่ปรุงแต่ง ไม่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ผู้คนล้นหลาม แต่เป็น ‘นีซ’ ในยามบ่ายวันอังคารที่บรรยากาศสบายๆ ทุกสิ่งรอบตัวค่อยๆ เคลื่อนไปอย่างเนิบช้าจนทำให้รู้สึกว่าเวลาค่อยๆ เดินช้าลง

pastedGraphic_1.png

ปกติแล้วเราเป็นคนที่เดินเร็วจนติดเป็นนิสัย บางครั้งก็เร็วมากๆ จนคนรอบตัวหลายคนเคยทักว่าจะรีบไปไหน วันนี้ก็เช่นกัน ช่วงแรกของการเดินนั้นเราเร่งฝีเท้าค่อนข้างไว ยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเสร็จก็รีบจ้ำเท้าไปต่อเพราะอยากเดินไปให้ถึงจุดชมวิวก่อนพระอาทิตย์ตก แต่เพราะจังหวะของนีซในตอนนี้มันค่อยเป็นค่อยไปเหลือเกินทำให้เราลดระดับความเร็วของตัวเองลง

เมื่อตัวเราช้าลงแล้ว ใจที่คอยหมุนไปตามความเร็วของโลกก็ค่อยๆ ผ่อนลงมาด้วย สิ่งที่ได้คือเราเริ่มสังเกตเห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ รอบตัวซึ่งบางที บางครั้ง บางเวลา เราเผลอมองข้ามไป

ทั้งรอยยิ้มของคู่รักที่นั่งกระหนุงกระหนิงกันอยู่ตรงม้านั่ง แววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสนุกสนานของเด็กๆ ที่กำลังส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าววิ่งเล่นไล่จับกับน้องหมาตรงริมหาด และสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นในใจจนอดที่จะอมยิ้มไม่ได้เมื่อเดินผ่านคุณตาคุณยายที่จับมือกันเดินเล่นรับลมทะเล

15:09

รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เพิ่งสังเกตเห็นนี้ทำให้ระลึกขึ้นมาได้ว่าเราไม่จำเป็นจะต้องรีบร้อนก็ได้ เดี๋ยวก็เดินไปถึงจุดชมวิวเองแหละ จะทันหรือไม่ทันพระอาทิตย์ตกก็ไม่เป็นไร ณ ตอนนี้ค่อยๆ เดินซึมซับบรรยากาศไปเรื่อยๆ ด้วยใจเป็นสุขก็ดีมากแล้ว หยุดมองตึกน่ารักกุ๊กกิ๊กที่น่าเก็บเอามาวาดรูป ยืนดูทะเลสีคราม แวะลูบหัวน้องหมาระหว่างทาง ค่อยๆ ใช้ชีวิตไปก็ได้ ไม่ต้องรีบร้อนอะไรนักหรอก

เราหายใจเข้าลึก ออกยาว ณ ขณะนี้ก็เพื่อชีวิตในวินาทีนี้
ไม่ใช่เพื่อวินาทีข้างหน้าในอนาคต

เมื่อคิดได้ดังนั้นก็ยิ้มออกมา และมันคงเป็นรอยยิ้มที่มาจากใจกระมังเพราะมีคุณป้าคนหนึ่งที่เดินสวนกันแกยิ้มให้และบอกว่าให้เรา keep your smile. พอดิบพอดี : )

15:20

เมื่อเดินมาจนถึงกลางทาง บรรยากาศโดยรอบก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป จากตึกอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ สีสันพาสเทลแสนสดใสค่อยๆ เปลี่ยนโทนไปเป็นอาคารขนาดใหญ่ที่เป็นตึกโรงแรมหรูหราและคาสิโน นอกจากนี้ก็มีร้านอาหารและคลับบาร์เรียงรายเต็มไปหมด ผู้คนเริ่มขวักไขว่ชวนให้บรรยากาศคึกคักมากขึ้นกว่าเดิม

และในที่สุดเราก็เดินย่านเมืองเก่าของนีซพร้อมๆ กับพระอาทิตย์ที่ค่อยๆ ทอแสงอ่อนอาบไล้ย้อมให้ทุกอย่างรอบตัวกลายเป็นสีส้มแสนนวลตา น่าเสียดายที่เราเดินมาช้าเกินไปนิดเลยไม่ทันได้เดินเล่นชมตลาดขายดอกไม้และของแต่งบ้านกระจุ๊กกระจิ๊ก สภาพที่เห็นเลยเป็นช่วงตลาดวาย เจ้าของร้านเริ่มมาเก็บข้าวของเตรียมกลับบ้าน บรรดาร้านกาแฟและร้านค้าที่ตั้งอยู่โดยรอบก็พากันยกโต๊ะเก้าอี้เก็บเรียบร้อย เหลือแต่ร้านอาหารและบาร์เล็กๆ ที่ยังเปิดให้บริการอยู่เท่านั้น ซึ่งทุกร้านต่างแน่นขนัดไปด้วยลูกค้ามากมายที่มาดื่มและรับประทานอาหารเย็นไปพร้อมๆ กับนั่งดูแสงสุดท้ายของวัน

15:45

เมื่อคะเนจากองศาของดวงอาทิตย์แล้ว เรายังพอมีเวลาเหลืออีกนิดหน่อยก่อนที่แสงสุดท้ายของวันจะลาลับขอบฟ้าไป เลยตัดความกังวลว่าจะต้องรีบร้อนเดินขึ้นไปที่จุดชมวิวและขอเดินลัดเลาะสำรวจพื้นที่แถวนี้เสียหน่อยดีกว่า แม้ว่าร้านรวงต่างๆ จะปิดหมดแล้ว อย่างน้อยๆ ก็ได้เห็นตึกน่ารักเพิ่มเติมอีกนิดก็คงจะดี ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเพราะย่านเมืองเก่าของนีซนั้นน่ารักอย่าบอกใคร ทั้งบานหน้าต่างสีสดใสที่ตัดกับตัวอาคารสีเปลือกไข่ ดิสเพลย์หน้าร้านขายของเล่นเด็กที่ดูกระจุ๊กกระจิ๊ก หรือเสียงเพลงที่ดังแว่วออกมาจากโรงละครท้องถิ่น บรรยากาศทั้งหมดทั้งมวลรอบตัวชวนให้รู้สึกสุขใจเหลือเกิน 

เราเดินลัดเลาะตามตรอกเล็กซอยน้อยมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงทางขึ้นสุสาน Cimetière du Château ที่ตั้งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของเนินเขาอันเป็นจุดชมวิวประจำเมืองนีซ อันที่จริงเราชอบการเดินในสุสานเวลากลางวันเพราะมันร่มรื่นและสงบดี ไม่ได้มีความลึกลับน่ากลัวแบบสุสานไทยหลังวัดที่เผลอๆ จะเดินไปเตะเอาหม้อดินเผาลงอาคมแตกเข้าสักใบ แต่ในขณะที่พระอาทิตย์สีส้มกำลังทอแสงอ่อนลงทุกขณะ มีเสียงนกการ้องดังแว่วมาจากที่ไกลๆ ใจก็คิดขึ้นมาได้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่ดีนักในการเดินดุ่มๆ อยู่ในสุสานเพียงลำพังเลยขอถอยหลังกลับไปสู่ถนนใหญ่แล้วเดินขึ้นไปที่จุดชมวิวด้วยเส้นทางหลักดีกว่า

16:05

หากเดินเลียบทะเลมาเรื่อยๆ แล้วมองมาที่ Colline du Château จากระยะไกล เราจะเห็นภาพของป้อมปราการริมทะเลที่แทรกตัวอยู่ท่ามกลางไม้ใหญ่สีเขียวชวนให้รู้สึกเย็นตา และเมื่อเลื่อนสายตาขึ้นมาจะเห็นน้ำตกที่ทำเป็นจุดชมวิวด้านบน ภาพดังกล่าวนี้ชวนให้นึกถึงปราสาทของนางฟ้าในเทพนิยายที่ตั้งอยู่กลางป่า

หลังจากออกแรงไต่บันไดขึ้นมาจะพบกับลานกว้างและ Tour Bellanda ที่ขนาดกำลังน่ารัก ไม่ได้เป็นป้อมสูงใหญ่แต่ประการใด จากตรงนี้จะเห็นภาพมุมสูงของเมืองนีซและทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแบบพาโนรามา

รอบตัวของเราในเวลานี้มีคู่รักมากมายกระหนุงกระหนิงกอดกันกลม ยืนรอชมพระอาทิตย์ตก เขยิบไปอีกนิดก็เป็นคุณช่างภาพที่จัดแจงเตรียมอุปกรณ์กล้องต่างๆ ถัดไปอีกหน่อยก็เป็นครอบครัวในชุดออกกำลังกายที่คาดว่ามาวิ่งยามเย็นแล้วแวะมาดูท้องฟ้าและผืนทะเลก่อนกลับบ้าน ส่วนเราที่มาคนเดียวเปล่าเปลี่ยวหัวใจจึงขอล่าถอยจากความวุ่นวายและไอกลิ่นของความรักที่อบอวลอยู่เต็มลานชมวิวตรงนี้และสาวเท้าเดินขึ้นเนินต่อไป

16:35

ทางเดินที่มีแนวต้นไม้ใหญ่ขึ้นเต็มสองข้างทางให้ความรู้สึกเย็นสบาย เราได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของพุ่มดอกไม้เล็กๆ ที่ขึ้นแซมอยู่เป็นระยะ ประกอบกับได้ยินเสียงของน้ำตกที่ดังแว่วมาไกลๆ บรรยากาศร่มรื่นแบบนี้ชวนให้ใจสงบราวกับได้ตัดขาดจากโลกภายนอกที่แสนวุ่นวาย เมื่อเดินลัดเลาะขึ้นเนินมาเรื่อยๆ จนถึง La Cascade น้ำตกที่สร้างเอาไว้เป็นจุดชมวิวก็พบกับนกนางนวลจำนวนมากที่แวะมาอาบน้ำแต่งขน ทำเสียงจ้อกแจ้กแข่งกับเสียงน้ำ

ด้านบนของน้ำตกทำเป็นลานชมวิวที่ปริมาณคนไม่ได้ลดน้อยถอยลงไปจากลานด้านล่างที่เพิ่งเดินผ่านมาเลย เราพยายามหาจังหวะและหามุมที่ถ่ายรูปแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เจอจุดที่ถูกใจ เพราะเดี๋ยวคนนั้นเดินเข้าเฟรมมาบ้าง คนนี้จะถ่ายรูปแล้วมายืนบังเราบ้าง จนสุดท้ายก็ถอดใจ ถอยออกมาถ่ายรูปคนนี่แหละ สนุกดี

เมื่อปริมาณคนตรงจุดชมวิวเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ เราตัดใจเดินลงดีกว่าเพราะขี้เกียจไม่อยากเบียดเสียดกับใคร สุดท้ายก็มาซื้อแซนด์วิชไส้ไข่และแฮมกับชาพีชที่ร้านกาแฟเล็กๆ ในสวนข้างๆ ตัวป้อมปราการเป็นอาหารเย็น พื้นที่ตรงนี้ทำเป็นสวนสาธารณะที่มีต้นไม้ใหญ่เยอะแยะและสนามหญ้าเขียวขจี มีครอบครัวมานั่งปิกนิกกันกุ๊กกิ๊กน่ารัก ถัดไปไม่ไกลก็เด็กนักเรียนที่คาดว่าน่าจะเรียนโรงเรียนศิลปะมานั่งวาดภาพด้วยสีน้ำกันอยู่ ส่วนเราก็นั่งลงบนม้านั่งในจุดที่เล็งแล้วว่าจะมองเห็นทะเลสวยๆ เพื่อนั่งดูพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า

แม้ว่าจะนั่งเคี้ยวแซนด์วิชราคาห้ายูโรที่สุดแสนจะธรรมดา

แต่ภาพตรงหน้าทำให้ความอร่อยเพิ่มขึ้นอีกสิบเท่าไปเลย 🙂

17:23

เรานั่งมองพระอาทิตย์ที่ค่อยๆ ทอแสงอ่อนลงเรื่อยๆ จนหายลับไปและท้องฟ้าค่อยๆ เปลี่ยนสีจากสีส้มกลายเป็นชมพู ม่วง น้ำเงินเข้ม ตามลำดับ เป็นสัญญาณบอกกับเราว่าสมควรแก่เวลาแล้วที่จะเดินกลับที่พัก เพราะเมื่อโลกหมุนเอาเวลากลางคืนเข้ามาแทนที่ กระแสลมจะเริ่มเปลี่ยนทิศทางและหอบเอาความเย็นจากผืนทะเลพัดขึ้นมาทำให้อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว จังหวะนี้จะเดินสบายๆ แบบเมื่อบ่ายไม่ได้แล้ว

ช่วงหัวค่ำนั้นมีบรรยากาศที่แตกต่างจากเมื่อช่วงบ่ายโดยสิ้นเชิง ในเมืองช่วงที่ผ่านโรงแรมใหญ่นั้นคึกคักเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย บรรดาบาร์และร้านอาหารริมทะเลมีแต่คนนั่งแน่นขนัดเต็มไปหมด ทุกอย่างดูมีชีวิตชีวาไปด้วยแสงสียามค่ำคืน

20:30

เราแวะซูเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆ แถวๆ โรงแรมเพื่อตุนเสบียงสำหรับการเดินทางในวันรุ่งขึ้น เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจซื้อของแล้วก็กลับขึ้นมาที่ห้อง จัดแจงเตรียมกระเป๋าให้เรียบร้อย กดดูแผนที่วางแผนว่าพรุ่งนี้จะไปเที่ยวที่ไหน จะต้องไปขึ้นรถไฟตอนกี่โมง จดบันทึกประจำวันเล็กน้อยแล้วค่อยอาบน้ำเตรียมเข้านอน

ทั้งหมดนี้คือช่วงเวลายามบ่ายของวันอังคารในนีซ เมืองน่ารักที่เต็มไปด้วยมนตร์เสน่ห์ของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและความกุ๊กกิ๊กของฝรั่งเศสทางตอนใต้ เชื่อแล้วว่า French Riviera นี่ช่างงดงามสมกับคำร่ำลือจริงๆ

หวังว่าจะพบกันใหม่ในช่วงฤดูร้อนนะ : )

ด้วยรัก…จากนีซ

AUTHOR