แม่ลาน้อย : ตามรอยเท้าพ่อหลวงไปดูชีวิตแสนเรียบง่ายแต่ยั่งยืนจนน่าอิจฉา

เราเชื่อว่าหลายๆ คนคงจะยังไม่รู้จักแม่ลาน้อย เราเองก็เหมือนกัน
เรารู้จักแม่ลาน้อยแค่ว่าเป็นอำเภอเล็กๆ ที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาสีเขียวในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ท่ามกลางภูเขาเหล่านั้นเต็มไปด้วยนาข้าวขั้นบันไดที่จะส่องประกายสีเหลืองทองในช่วงปลายเดือนตุลาคมจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายนของทุกๆ ปี โครงการเดินทางพ่อ (Walk of The King) นี่แหละเป็นโครงการที่ทำให้เราได้รู้จักอำเภอเล็กๆ แห่งนี้มากขึ้น

ตาบุญโสม พ่อหลวงของหมู่บ้าน เดินทางมาพบเราพร้อมกับย่ามที่ใส่กรอบรูปมา 2
ใบ
ไม่ใช่ภาพของใครที่ไหนเลย เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระราชินีของประชาชนชาวไทยเรานี่เอง “รูปทางซ้ายพ่อถ่าย
ส่วนรูปโน้นแม่ถ่ายให้” ตาบุญโสมเล่าพร้อมรอยยิ้ม
แต่ก่อน ภูเขาลูกด้านหลังนี้เป็นเขาหัวโล้นที่ทำไร่เลื่อนลอย
แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเข้ามาเปลี่ยนภูเขาหัวโล้นให้เป็นป่า แม้จะยากลำบาก แต่ต้องเรียนรู้ “รวยแล้วตอนนี้ ไม่ได้รวยเงิน แต่รวยที่ได้กิน อยู่ดีกินดี…คิดถึงท่านเนอะ” คือประโยคที่ตาบุญโสมพูดนิ่งๆ แต่ว่ากินใจเรามาก

ที่โครงการหลวงแม่ลาน้อย เรื่องราวต่างๆ
ที่เราได้ฟังจากเจ้าหน้าที่นั้นสนุกและประทับใจเหมือนเรากำลังอ่านหนังสือเล่มโต เคยรู้ไหมว่าก่อนที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 จะเสด็จฯ เข้ามา ที่นี่เคยปลูกฝิ่นมาก่อน แม้จะผิดกฎหมาย แต่ในความหมายของชาวบ้านสมัยนั้น
ฝิ่นคือพืชที่นำเงิน นำอาหารมาให้ชาวบ้านได้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้

พ.ศ. 2514 เป็นปีแรกที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระราชินีเสด็จฯ เยี่ยมราษฎร
พร้อมกับนำพันธุ์พืชเมืองหนาว เช่น เสาวรส อโวคาโด ผักสลัด เบบี้ฮ่องเต้ กรีนโอ๊ค
เป็นต้น เข้ามาให้ชาวบ้านทดลองปลูกทดแทนฝิ่น
และเรื่องราวที่เราประทับใจมากตอนที่ได้ยินก็คือ ชาวบ้านเลิกปลูกฝิ่นแล้วหันมาปลูกพืชเมืองหนาวโดยไม่ได้ถูกบังคับเลยสักนิด ซึ่งปัจจุบัน ผลผลิตเหล่านี้ก็ถูกส่งมาให้เรากินทั้งในร้านอาหาร Sizzler, MK และซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ

“มีคนต้องมีน้ำ มีคนต้องมีไม้ ถ้าไม่มีน้ำ ไม่มีไม้ คนจะอยู่ได้ยังไง” เป็นคำพูดที่เราได้ยินบ่อยมากจากชาวบ้านระหว่างที่เดินในไร่กาแฟที่หมู่บ้านห้วยห้อม

นอกจากการปลูกข้าว ปลูกพันธุ์พืชเมืองหนาวแล้ว ยังมีกาแฟป่าที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำรัสกับชาวบ้านว่า
กาแฟที่ดีต้องปลูกเหนือระดับน้ำทะเลและต้องปลูกในป่า
กาแฟ Starbucks ที่เราดื่มกันอยู่ทุกวันก็มาจากเมล็ดกาแฟที่ในหลวงพระราชทานนี้เอง สิ่งที่ในหลวงทรงสอนจึงไม่ใช่แค่การปลูกข้าว
ปลูกพืช ปลูกกาแฟธรรมดา แต่คือการปลูกชีวิต ชีวิตที่พ่อสร้างดีเกินกว่าที่เราจะหุบยิ้มได้เลย

อีกส่วนหนึ่งที่เราได้ไปเยี่ยมเยือนคือฟาร์มแกะฟรีแลนซ์ ตั้งอยู่บนดอยสูงฝั่งตรงข้ามกับไร่กาแฟ ที่เราเรียกว่าฟาร์มแกะฟรีแลนซ์คงเป็นเพราะภาพแรกที่เราเห็นเมื่อเดินไปถึงคือลูกแกะที่เพิ่งหลุดออกจากบั้นท้ายของแม่ เลือดแฉะๆ ยังคงปรากฏให้เราเห็นเต็มสองตา สักพักเจ้าแกะก็พากันออกไปเดินเล่นเล็มหญ้าอย่างสบายใจ เจ้าแกะเหล่านี้เริ่มต้นจากความต้องการให้ชาวบ้านใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และสร้างรายได้เพิ่มจากการตัดขนแกะนี่เอง

ตลอดทั้งทริป เราสังเกตเห็นว่าทุกคนในทริปตั้งใจเดินอย่างมาก แม้ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน แต่กลับไม่ได้ยินเสียงบ่นของใครเลย
อาจเป็นเพราะเรากำลังนึกถึงพ่อหลวงของเรา เราแค่เดิน
เดิน เดิน โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือเดินตามรอยเท้าพ่อ

“คิดถึงเนอะ คิดถึงพระองค์ท่าน” คือวลีที่เราได้ยินมาตลอดทาง และเชื่อว่าคำนี้มันแทนหัวใจคนไทยทุกคน

หลังจากจบทริปที่แม่ลาน้อย เราอิจฉาป่าไม้ เราอิจฉาชาวบ้าน เราอิจฉาเจ้าแกะดอย
เราอิจฉาที่พวกเขาเกิดและอยู่ในสถานที่ที่น่ารักแบบนี้
เราอิจฉาที่พวกเขาได้ดำเนินชีวิตที่ดีในแม่ลาน้อย

และเราชักจะหลงเสน่ห์แม่ลาน้อยเข้าแล้วล่ะ

โครงการหลวงแม่ลาน้อย

address: ตำบลห้วยห้อม อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
hours: 08.00 – 18.00 น.
how to get there: ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ 250 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 108 เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ผ่านแม่สะเรียงไปอำเภอแม่ลาน้อย ถึงกิโลเมตรที่ 132 ให้เลี้ยวขวาไปตามเส้นทาง 1266 อีก 30 กิโลเมตร ถนนบางช่วงเป็นดินลูกรัง ฤดูฝน การคมนาคมลำบาก


maps

ใครอยากส่งเรื่องที่น่าเที่ยวมาลงเว็บไซต์ a day online คลิกที่นี่เลย

AUTHOR